บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1139 ข้อมูลที่เปิดเผยโดยการต่อสู้
อ๋องอานดิ้นรนไม่ไหว จึงใช้หัวกระแทกหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าโกรธจัด ใช้มือบีบคอเขาไว้ แล้วกดลงพื้นอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าข้าเป็นเศษสวะ เป็นคนขี้ขลาดตาขาว วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเห็น ใครกันแน่ที่เป็นเศษสวะ”
จนถึงสุดท้าย เขากอดอ๋องอานกลิ้งไปด้วยกัน กลิ้งไปด้วยต่อยหมัดไปด้วย กำปั้นต่อยอย่างไม่ปรานี ต่อยจนคนมองดูแล้วรู้สึกสลดใจ
สุดท้ายอ๋องอานขยับไม่ไหวแล้ว เขาหายใจหอบพร้อมตะโกนพูดกับเขาว่า “เจ้าสนุขบ้า สนุขบ้า ไป ไสหัวไป” เขาเงยหน้าขึ้นมาอย่างลำบาก ตะคอกพูดกับผู้ติดตามกับทหารจวนพวกนั้นว่า “พวกเจ้าตายกันหมดแล้วหรือ? ไม่เห็นว่าข้าจะถูกต่อยตายแล้วหรือ? ยังไม่รีบมาช่วย?”
ผู้ติดตามคนนั้นกระโดดลอยมา ครั้งนี้องครักษ์ลับผีไม่ห้ามไว้ เพราะหยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาแล้ว
ผู้ติดตามประคองอ๋องอานขึ้นมา อ๋องอานตบหน้าเขาไปหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่เห็นว่าข้าจะถูกต่อยตายแล้วหรือ? ทำไมไม่มาช่วย จะให้ข้าตายไปจริงหรือ?”
สายตาผู้ติดตามคนนั้นฉายแววโกรธเคือง แต่ก็รีบอดกลั้นไว้ ก้มหน้าพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยมีความผิด”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูคนข้างกายของเจ้า ล้วนเป็นพวกขี้เมาหยำเป ยังกล้าจะมาเป็นปฏิปักษ์กับข้า เจ้าฝันไปเถอะ”
พูดเสร็จ แล้วก็หัวเราะพร้อมพาคนกลับไป
อ๋องอานโกรธจนใช้เท้ากระทืบต้นไม้ด้านข้าง จนใบไม้ร่วงหล่นลงมา เขากัดฟันพูดขึ้นว่า “หยู่เหวินเห้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าคอยดู ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะกอดเจ้าตายไปด้วย”
ผู้ติดตามคนนั้นมองดูเขา ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องไปมีเรื่องกับเขา”
อ๋องอานพูดขึ้นอย่างยังไม่หายเคืองว่า “ข้าเป็นคนเริ่มก่อนหรือ? เขาจะไปหาพระชายา หรือจะให้เขารู้ว่าพระชายาไม่อยู่ในจวนหรือ?”
ผู้ติดตามพูดขึ้นอย่างตำหนิว่า “เดิมเมื่อคืนท่านอ๋องก็ไม่ควรไปหาเขา กระทำหน้าที่ของตนเองให้ดีก็พอแล้ว”
อ๋องอานเช็ดเลือดที่มุมปาก พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าช่างพูดได้ง่ายดาย ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งบอกเขาว่าจะไปจากเมืองหลวง และก็เข้าวังไปกราบทูลลาแล้ว ตอนนี้กลับไม่ไป กลับคำไปมาเช่นนี้ เจ้าเห็นเขาเป็นคนโง่หรือ? หรูกั้น เจ้าเทียบกับน้องสาวของเจ้า ความคิดห่างไกลกันมาก”
ผู้ติดตามที่ถูกเรียกว่าหรูกั้นคนนั้น พูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “เดิมข้าก็ไม่ฉลาดเท่าน้องสาวอยู่แล้ว เสียดายเจ้ากลับปกป้องนางไว้ไม่ได้ หากนางยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ไม่ต้องอยู่ในสภาพอย่างทุกวันนี้”
อ๋องอานสะบัดแขนเสื้อ พร้อมพูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชาว่า “ใช่หรือ? เดิมนางก็ไม่ได้จงรักภักดีต่อข้า เป็นเพียงสายลับของหงเล่ ต่อให้ไม่ตาย แล้วจะช่วยอะไรข้าได้? คำพูดเหน็บแนมพวกนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเชื่อฟังพวกเจ้าได้ทุกอย่าง แต่พวกเจ้าจะต้องรับประกันความปลอดภัยของพระชายากับลูกสาวของข้า ห้ามทำร้ายพวกนางแม้เพียงนิด”
หรูกั้นพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ท่านอ๋องวางใจ พระชายากับจวิ้นจู่น้อยตอนนี้สบายดี คนของพวกเราจะดูแลพวกนางสองแม่ลูกเป็นอย่างดี ขอเพียงท่านอ๋องให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่นานก็จะสามารถได้อยู่พร้อมหน้ากัน”
อ๋องอานจ้องมองดูเขาด้วยสีหน้ามืดมน พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนางสองแม่ลูก ข้าขอสาบาน ต่อให้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ก็จะฆ่าพวกเจ้าให้ได้”
สายตาหรูกั้นฉายแววเลือดเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “หากตอนนั้นท่านอ๋องไม่หลอกใช้อะหลู แต่จริงใจกับนาง บางทีนางอาจจะหักหลังนายท่าน แล้วก็ทำเพื่อเจ้า ดีที่ท่านอ๋องแล้งน้ำใจ”
อ๋องอานหัวเราะเยาะ คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา รู้สึกว่าตนเองโง่เขลามาก ยิ่งเกลียดที่สุดก็คือตอนนั้นยังรู้สึกว่าตนเองฉลาดอย่างที่สุด ถึงได้ถูกผู้หญิงคนหนึ่งหลอกลวงเล่นอยู่ในกำมือ
หลังจากหยู่เหวินเห้าออกมาจากจวนอ๋องอาน ก็รีบขี่ม้าตรงไปยังจวนเหลิ่ง และสั่งคนไปตามเสี้ยวหงเฉิง ให้ไปเจอกันที่จวนเหลิ่ง
พูดถึงเรื่องจริงจัง ท่านชายสี่เปลี่ยนจากความเกียจคร้าน สายตาฉายแววคมชัด เมื่อฟังหยู่เหวินเห้าเล่า จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดว่าพระชายาอานถูกพี่ชายของอะหลูพาตัวไป? อะหลูก็คือเดิมชายารองของเขาคนนั้น? คนคนนั้นชื่อหรูกั้น? ชื่อนี้…..”
ท่านชายครุ่นคิด เหมือนจะรู้สึกว่าชื่อค่อนข้างคุ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “เจ้าสี่ได่ยินว่าหรูกั้นสั่งคนไปที่ยอดเขาหมาป่าหิมะ ดังนั้นจึงคิดว่า คนน่าจะถูกจับไปไว้บนยอดเขาหมาป่าหิมะ”
ได้ยินว่ายอดเขาหมาป่าหิมะ ท่านชายสี่ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ยอดเขาหมาป่าหิมะ? หาจับตัวไปไว้บนยอดเขาหมาป่าหิมะก็หาง่ายอยู่ เพราะมีเพียงสถานที่เดียว ที่สามารถซ่อนคนได้ นั่นก็คือวัดฉือหยุนของยอดเขาหมาป่าหิมะ แต่วัดฉือหยุนตั้งอยู่บนสูงสุดของยอดเขาหมาป่าหิมะ อากาศหนาวเย็นอย่างมาก และความกดอากาศก็ต่ำ คนปกติไม่สามารถอยู่ได้ หากพระชายาอานกับจวิ้นจู่น้อยอยู่บนนั้น จะเป็นอันตรายอย่างมาก หากพวกเขาต้องการควบคุมอ๋องอาน น่าจะไม่นำคนไปซ่อนบนนั้น ไม่อย่างนั้นหากเกิดอะไรขึ้น อ๋องอานไม่สู้ตายกับพวกเขาหรือ?”
“ดังนั้น ดีที่สุดต้องมีคนไปดูก่อน เอาวัดฉือหยุนออกไปก่อน ข้ารู้ว่าท่านชายสี่มีคนที่มีฝีมือในวิชาตัวเบา หากส่งพวกเขาไปสืบ น่าจะไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น”
ท่านชายสี่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ วิชาตัวเบาดีแค่ไหน หากพวกเขาอยู่บนที่สูงสุด มีคนเฝ้าดูอยู่ ก็จะต้องสามารถมองเห็นคนที่จะขึ้นเขา เพราะทั่วทั้งยอดเขาหมาป่าหิมะขาวโพลนไปหมด ต่อให้สวมชุดสีขาว ก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจ”
“งั้นหากเป็นตอนกลางคืนล่ะ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
ท่านชายสี่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเป็นตอนกลางคืน มีวิชาตัวเบาดีแค่ไหนก็ไม่รู้จักทาง จะต้องใช้คบเพลิงส่องทาง แต่หากถือคบเพลิง ก็ยังคงเป็นที่ดึงดูดความสนใจ”
หยู่เหวินเห้าคิดๆดูแล้วก็ถูก หากพี่สะใภ้สี่กับอานจือถูกพาตัวไปบนยอดเขาหมาป่าหิมะ นั่นถือว่าอันตรายอย่างมากจริงๆ
จู่ๆท่านชายสี่ก็คิดขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าไม่ใช้หมาป่าเปาจื่อไป? บนยอดเขาหมาป่าหิมะมีหมาป่าหิมะ หมาป่าเปาจื่อไป จะไม่ทำให้คนพวกนั้นสงสัย”
หยู่เหวินเห้าคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าหยวนสามารถคุยกับหมาป่าเปาจื่อได้ จึงพูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “คำพูดเดียวสามารถทำให้คนตื่นขึ้นมาจากฝัน ข้าร้อนใจจนเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ ข้ากลับก่อน ท่านชายสี่ สืบดูความเป็นมาของหรูกั้นคนนี้ด้วย สืบดูว่ามาจากไหน เคยเจอกับใครบ้างในเมืองหลวง”
เขาพูดเสร็จ ก็รีบวิ่งออกไปข้างนอก เมื่อออกจากประตู ก็เจอกับเสี้ยวหงเฉิงพอดี เสี้ยวหงเฉิงอึ้งไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปแล้วหรือ?”
“สำนักเหมยแดงของเจ้า สลายหรือยัง?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
เสี้ยวหงเฉิงยิ้มพร้อมพูดว่า “ยังไม่สลาย”
“งั้นดี ส่งคนไปเฝ้าดูจวนอ๋องอาน” หลังจากหยู่เหวินเห้าสั่งการแล้ว ก็รีบขี่ม้าไปทันที
เขากลับมาถึงจวนอ๋อง ใบหน้าที่บวมเขียวนี้ทำให้หยวนชิงหลิงตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า เจ้าไปสู้กับใครมา? ทำไมถึงได้บาดเจ็บกลายเป็นเช่นนี้?”
หยู่เหวินเห้ามองตนเองจากในกระจก แล้วก็ตกใจตัวเอง ใบหน้าบวมเหมือนอย่างกับหัวหมูจริงๆ เจ้าสี่ช่างรุนแรงจริงๆ แต่หากไม่รุนแรงก็ไม่สามารถที่จะหลอกหรูกั้นได้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อสู้กับเจ้าสี่ เพื่อเป็นการตบตา เขาบอกกับข้าว่า พี่สะใภ้สี่กับอานจือ ถูกพี่ชายของชายารองหลูจับตัวไป เขาสงสัยว่าพี่สะใภ้สี่กับอานจืออยู่บนยอดเขาหมาป่าหิมะ เจ้าสามารถคุยกับหมาป่าหิมะได้ เจ้าให้หมาป่าหิมะของซาลาเปาไปสืบดูหน่อย”
“ยอดเขาหมาป่าหิมะ?” หยวนชิงหลิงฟังแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ถึงแม้นางจะไม่เคยขึ้นไปบนยอดเขาหมาป่าหิมะ แต่รู้ว่านี่คือภูเขาที่สูงที่สุดที่อยู่ใกล้เมืองหลวง จากเชิงเขาก็เริ่มเป็นน้ำแข็งตลอดทั้งปี พระชายาอานกับลูกถูกพาขึ้นไป ไม่อันตรายแย่หรือ?
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ใช่ คนขึ้นไปไม่ได้ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงต้องให้หมาป่าหิมะขึ้นไป”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นดี ข้าไปหาหมาป่าหิมะ”
นางมองดูใบหน้าที่เขียวบวมของเจ้าห้า อย่างค่อนข้างเป็นห่วง แต่ตอนนี้ต้องไปจัดการเรื่องสำคัญก่อน แล้วค่อยมาช่วยเขาจัดการบาดแผล