บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1141 จัดการคนในครอบครัวให้เรียบร้อย
ขาดไม่ได้ที่หยวนชิงหลิงจะต้องว่ากล่าวเขาอยู่บ้าง ไท่ซ่างหวงได้ยินก็นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ ปล่อยให้นางจู้จี้ได้ตามใจ
รอให้นางพูดจบแล้ว ไท่ซ่างหวงค่อยเชิญให้นางนั่งลง ถามขึ้นว่า “ดูท่าทีของเจ้าที่ไม่ค่อยจะเต็มใจนัก เป็นเพราะไม่ยินดีจะมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหรือ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร คาดหวังที่จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนท่านด้วยซ้ำไป จะได้ไม่ต้องยุ่งเรื่องคนอื่นมากนัก”
ไท่ซ่างหวงถาม “คาดหวังจริงๆหรือ”
“แน่นอน ”หยวนชิงหลิงเก็บกล่องยาให้เรียบร้อย มองไปที่เขา “แค่พักฟื้นอย่างสงบอยู่ที่พระที่นั่งจริงหรือ”
“ไม่เช่นนั้นจะอยู่เพราะเรื่องอะไรเล่า”ไท่ซ่างหวงยิ้มให้นางครู่หนึ่ง “เป็นคนอย่าทำตัวฉลาดนัก ฉลาดเกินไปจะเสียเปรียบ และถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ เจ้าก็ไม่ต้องกลัว เพราะว่ามีคนคอยขวางอยู่ข้างหน้าของเจ้า เวลานี้เจ้าควรจะรู้สึกถึงความสุข”
คิดไม่ถึงว่าหยวนชิงหลิงจะไร้ทางโต้แย้ง นางยกกล่องยาขึ้นมา พูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะกลับไปรับรู้ถึงความสุขในห้อง”
เจ้าห้ายังคงคุยกับพวกอ๋องผิงหนานอยู่ด้านนอก ตอนที่หยวนชิงหลิงเดินออกไป หยู่เหวินเห้าก็ลุกขึ้นยืน ถามว่า “เสด็จปู่ไม่เป็นไรกระมัง”
“ไม่เป็นไร กินยาปรับสมดุลสักพักก็ดีขึ้นแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าก็อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนท่านสักระยะ”หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปช่วยนางถือกล่องยา พูดยิ้มๆว่า“ข้าได้ช่วยเจ้าเลือกเรือนที่พักใกล้ทะเลสาบไว้หลังหนึ่ง เจ้าต้องชอบแน่ๆ ข้าจะพาเจ้าไปดู”
หยวนชิงหลิงหันไปย่อตัวคำนับกล่าวลาต่ออ๋องผิงหนานและขุนนางอาวุโสอีกสองคน แล้วก็เดินออกไปพร้อมกันกับเจ้าห้า
หยู่เหวินเห้าเลือกเรื่อนหมิงจื๊อที่อยู่ติดกับทะเลสาบ ปลูกต้นท้อไว้ไม่น้อย บนต้นมีผลท้ออยู่เต็มไปหมด สีเขียวอมชมพู ดูแล้วอีกไม่กี่วันก็สามารถกินได้แล้ว
ในพระที่นั่งส่วนมากจะมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นสองชั้น ชั้นที่หนึ่งเป็นโถงใหญ่กับเรือนด้านข้างและห้องครัว ยังมีที่อยู่สำหรับบ่าวรับใช้อีกสองห้อง ชั้นที่สองเป็นห้องนอนและหอด้านข้างของเจ้านาย มีทั้งหมดห้าห้อง เพียงพอที่พวกนางจะอาศัยอยู่ได้
หยวนชิงหลิงเข้าไปดูชั่วครู่ สิ่งของต่างๆล้วนเป็นระเบียบสะอาดสะอ้าน เครื่องนอนเป็นของใหม่ นางรู้ดีแก่ใจ นี่เกรงว่าจะเป็นเขาที่ได้สั่งให้คนจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า
เห็นทีนางคงจะเดาไม่ผิด คงจะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เป็นแน่
เขาดึงมือของนางไปยังข้างหน้าต่าง หน้าต่างอยู่ตรงข้ามกับทะเลสาบ ผิวน้ำของทะเลสาบถูกลมพัดจนเกิดเป็นคลื่นเล็กๆ เงาของต้นหลิวทอดยาวอยู่ข้างสองฝั่งทะเลสาบ ทิวทัศน์สวยงามมาก
“หยวน อยู่ที่นี่สักหนึ่งเดือนเถอะ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว ข้าจะมารับเจ้าเอง ”หยู่เหวินเห้าหันหน้ากลับมา จ้องมองนางนิ่งๆ ยื่นมือออกไปจัดเส้นผมของนางให้เรียบร้อย แววตาอบอุ่นแฝงความอาลัยรัก ซ่อนอารมณ์ที่ซับซ้อนเอาไว้
หยวนชิงหลิงก็มองเขา พยักหน้าเบาๆ “ได้ ข้าจะรอท่าน”
เขากอดนางเอาไว้ในอ้อมอกเบาๆ “อย่าคิดฟุ้งซ่าน รอข้าอยู่ที่นี่ดีๆ”
หยวนชิงหลิงตอบรับเสียงหนึ่ง แต่ในใจกลับสับสนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง พยายามทำท่าทีให้เห็นว่าเชื่อเขา แต่ยากที่จะกลบเกลื่อนความลังเลที่มีอยู่ในสายตา
หยู่เหวินเห้าประทับริมฝีปากลงมา นำเอาอุณหภูมิที่ร้อนผะผ่าวมาด้วย จากความเอาแต่ใจเป็นการเรียกร้อง กระทั่งมีความแน่วแน่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้อยู่หลายส่วน ริมฝีปากเคลื่อนผ่านมุมปากของนางไปที่ใบหู เลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ ฝังหน้าลงไปที่ซอกคอ และอุ้มขึ้นมาด้วยมือเดียวเดินตรงไปยังเตียงนอน
ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ช่วงกลางวันก็มักจะคิดถึงแต่เรื่องนี้ แต่ปีสองปีมานี้ก็ไม่เป็นเช่นนี้แล้ว ตอนนี้ได้กระทำการตามอำเภอใจในพระที่นั่งเช่นนี้ เป็นความรู้สึกที่ห่างหายไปนานมากแล้วจริงๆ
ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่างของเขา มองดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความปรารถนาที่รุนแรง หยวนชิงหลิงค่อยๆหลับตาลง เชื่อเขา รับรู้ความรู้สึกของเขา เป็นเรื่องเดียวที่นางสามารถทำได้
ผ่านไปเป็นเวลานาน เขากอดนางนอนอยู่บนเตียง เครื่องนอนใหม่มีกลิ่นหอมฟุ้ง แทรกซึมเข้าไปในใจ ใบหน้าของนางแดงก่ำ ศีรษะหนุนอยู่บนท่อนแขนของเขา เขารวบแขนเอาไว้แน่น นางนอนตะแคงร่างแทบจะฝังเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาทั้งตัว “เจ้าห้า พวกเรายังไม่ได้จัดพิธีแต่งงานอย่างแท้จริงเลย”
“เจ้าอยากจะจัดพิธีเมื่อไหร่”ริมฝีปากของหยู่เหวินเห้ามีรอยยิ้มจางๆเผยออกมา หอมไปที่เส้นผมของนางหนึ่งที สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
“รอให้ข้ากลับไปจากพระที่นั่ง พวกเราค่อยทำพิธีแต่งงานกันอีกครั้งเถอะ”หยวนชิงหลิงพูด
“จะนัดพิธีที่นี่หรือ ข้าคิดว่าจะกลับไปจัดงานที่บ้านพ่อตาเสียอีก รอให้ข้ารับเจ้ากลับไปแล้ว พวกเราก็ไปที่ทะเลสาบจิ้งกัน จากนั้นก็กลับไปที่นั่นจากทะเลสาบจิ้ง เป็นอย่างไร”หยู่เหวินเห้าพูด
“ไม่ ข้าอยู่ที่นี่ก็หวังว่าจะมีพิธีแต่งงานสักครั้ง”หยวนชิงหลิงยืนกรานหนักแน่น
นางไม่จำเป็นต้องจัดพิธีแต่งงานจริงๆก็ได้ เพียงแต่ตอนนี้ในใจของนางรู้สึกสับสนวุ่นวายมาก พยายามหาทางให้เขาสัญญาอะไรเอาไว้บ้าง ความหวังที่จะกลับไปจัดพิธีแต่งงานในยุคปัจจุบันนั้นไกลเกินไป และเคยพูดหลายครั้งแล้ว พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าความหวังนี้ริบหรี่อยู่บ้าง
หยู่เหวินเห้าลูบผมของนาง “ได้ พวกเราจะจัดพิธีแต่งงานกันอีกครั้ง ข้าจะแต่งงานรับเจ้าเป็นภรรยาอย่างแท้จริงสักครั้งหนึ่ง”
หยวนชิงหลิงเสียงสะอื้น “เจ้าห้า สัญญากับข้า ต้องรักษาตัวดีๆ ต้องรักษาตัวให้ดี”
หยู่เหวินเห้าดึงมือของนางเอาไว้ ประสานนิ้วมือทั้งสิบของนางเอาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่มั่นใจ “ข้าจะรักษาตัวให้ดี เจ้าไม่ต้องกังวล อย่าได้คิดฟุ้งซ่านเด็ดขาด อย่าออกไป อย่าให้ข้าต้องว่อกแว่ก”
หัวใจของนางสั่นระริก “รู้แล้ว”
ทั้งสองคนโอบกอดกันอย่างเงียบๆเป็นเวลานาน ได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นของกันและกันเท่านั้น เนิ่นนาน หยู่เหวินเห้าทับทาบลงมาบนร่างอีกครั้ง ทั้งหมดเงียบสงบไร้สุ้มเสียง ใช้เพียงความรู้สึกในการขับเคลื่อน
หลังจากนั้นนางก็นอนหลับไป หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางเป็นเวลานาน จึงค่อยๆปล่อยร่างของนางออก จากไปอย่างรู้สึกเสียดาย
เขาเพิ่งจะจากไป หยวนชิงหลิงก็ลืมตาขึ้นมา เดินไปมองเงาหลังของเขาจากหน้าต่าง ตอนที่เขาออกไปแล้วได้มีการหันกลับมามอง หยวนชิงหลิงหลบอยู่หลังม่านหน้าต่าง มองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียดายและอาลัยอาวรณ์ของเขา จากนั้นก็ก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆจากไป
หยวนชิงหลิงร่างอ่อนปวกเปียกไปหมด จนกระทั่งมองไม่เห็นเขา จึงค่อยๆกลับไปนั่งลงที่เตียง ขดร่างของตัวเอง บนที่นอนยังมีกลิ่นอายของเขา ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในจมูก นางถอนหายใจหนักๆหนึ่งเฮือก
เมื่อถึงเวลาค่ำ อาหารถูกส่งเข้ามาในห้องของนาง อะซี่เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า“พี่หยวน ท่านรู้หรือไม่ว่าใครมา ”
หยวนชิงหลิงไม่รู้สึกอยากอาหาร กินไปสองคำก็วางตะเกียบลง มองใบหน้าของอะซี่ที่พลางกินอาหารพลางมีอาการตื่นเต้น “ใครมาหรือ”
อะซี่กลืนข้าวคำนั้นลงไป ความตื่นเต้นยังคงปรากฏอยู่ในสายตา “เป็นสองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอัน ยังพาเสือมาด้วย ตอนนี้อยู่กับไท่ซ่างหวง”
หยวนชิงหลิงรู้สึกใจหนักอึ้งไปเล็กน้อย สองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันกลับมาแล้ว
ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาสองสามีภรรยาไปจากเมืองหลวง ได้เคยพูดไว้แล้วว่าถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นจะไม่กลับมา ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเขากลับมาแล้ว ยังคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่า ข้างนอกต้องมีเหตุการณ์เข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมเป็นแน่แท้
เจ้าห้าแบ่งพื้นที่ส่วนนี้ออกมา สร้างที่นี่ให้เป็นเขตปลอดภัยแห่งหนึ่ง เขาให้สิ้นซึ่งวิธีการทั้งหมดเพื่อปกป้องพวกนางแม่ลูก
แต่เขากลับอยู่นอกเขตปลอดภัยแห่งนี้ กระทั่งอยู่ในจุดศูนย์กลางของเหตุนองเลือดด้วยซ้ำไป
“อะซี่ ”หยวนชิงหลิงมองอะซี่ที่เอาแต่สนใจความตื่นเต้นของตัวเอง เพราะนางตื่นเต้นมากจนกระทั่งเวลาพูดจาจึงมีเสียงสั่นอยู่บ้าง แต่หยวนชิงหลิงกลับดูออกว่าที่นางเสียงสั่นไม่ได้เป็นเพราะความตื่นเต้นดีใจ แต่เป็นเพราะว่านางรู้ถึงความอันตรายที่อยู่ภายนอก นางกำลังเป็นห่วงสวีอี เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าบอกข้ามา รัชทายาทจะทำอะไร”
อะซี่กินข้าวคำใหญ่ๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองนาง ได้แต่ยิ้มและพูดว่า “อะไรคือองค์รัชทายาทจะทำอะไร”
หยวนชิงหลิงมองนาง ยื่นมือไปจับที่ข้อมือของนางเอาไว้ “อะซี่ ข้าจะไม่ออกไป เจ้าบอกข้ามาว่าพวกเขาจะทำอะไร เจ้าห้าอาจปิดบังข้าได้ แต่สวีอีไม่มีทางปิดบังเจ้า รีบพูดมา”
อะซี่ค่อยๆวางตะเกียบลง รอยยิ้มเกินจริงบนใบหน้าค่อยๆถูกเก็บกลับไป พ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก “พี่หยวน ท่านเดาได้แล้วกระมัง”