บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1144 แผนการขั้นแรก
หลังจากอ๋องเว่ยออกจากวังแล้ว ก็ไปหาเจ้าห้าที่จวนอ๋องฉู่ เจ้าห้าไม่ได้กลับมา คนในจวนไปหาเขาที่กรมทหาร เจ้าห้าเมื่อได้ยินว่าอ๋องเว่ยกลับมาแล้ว ก็ให้คนไปเชิญอ๋องหวย อ๋องซุนกับอ๋องฉีมาที่จวน คืนนี้พี่น้องทั้งหลายต้องดื่มกันดีดีสักจอก
หยู่เหวินเห้ายังให้คนไปเชิญท่านชายสี่เหลิ่ง ท่านชายสี่เหลิ่งเป็นน้องเขย และเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แต่ว่านิสัยของท่านชายสี่เหลิ่งเย็นชา ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มา ฉะนั้น รอให้ท่านอ๋องทั้งหลายต่างมาพร้อมหน้าแล้ว งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้น
ช่วงนี้อ๋องหวยกำลังกินยาแพทย์แผนจีนในการปรับสมดุลร่างกาย แม้ว่าเขาจะบอกกับหรงเยว่อยู่เสมอว่าไม่สนใจว่าจะให้กำเนิดลูกได้หรือไม่ แต่ว่าหรงเยว่ไม่ยอมปล่อยวาง ตัวนางเองก็กินยาจีน ลากตัวอ๋องหวยไปให้คุณย่าหยวนตรวจชีพจร และได้ใบสั่งยามา จำเป็นต้องกิน
อ๋องหวยต้านทานความดุร้ายของหรงเยว่ไม่ไหว ได้แต่เชื่อฟัง ถ้ากินยาจีนไม่สามารถจะดื่มเหล้าได้ ฉะนั้นหรงเยว่จึงส่งบ่าวที่ไว้ใจได้มาคอยจับตามองเขา
เหล่าพี่น้องก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะยกใหญ่ แต่ว่าอ๋องหวยท่าทีสงบสบายใจ “กลัวเมียไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไรเสียหน่อย พวกท่านใครบ้างที่ไม่กลัวเมีย”
คำพูดที่ง่ายดายธรรมดาประโยคหนึ่ง นอกจากอ๋องเว่ยที่ยิ้มขมแล้ว หยู่เหวินเห้ากับอ๋องฉีต่างก็หลบสายตามองไปทางอื่น
แต่ว่า จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่จำเป็น เพราะการกลัวเมียไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
คนที่เป็นที่รักในดวงใจ เคียงคู่กันตลอดชีวิต แม้จะกลัวนางเคารพนางแล้วอย่างไร
อ๋องหวยไม่ดื่มเหล้า ท่านอ๋องที่เหลืออีกสามคนต่างก็เติมจนเต็มจอก คืนนี้ไม่ได้เชิญกู้ซือกับเหลิ่งจิ้งเหยียน เพราะว่า มีบางคนสมควรต้องพยายาม แม้จะต้องทุ่มเทด้วยชีวิตตัวเองก็ตาม แต่ว่าคนบางคนก็ยังสามารถมีทางเลือกได้
คืนนี้ก็แค่พูดคุยกันในครอบครัว คุยเรื่องระหว่างพี่น้อง
ที่ขาดไม่ได้ ก็ยังคงต้องพูดถึงพี่ใหญ่หยู่เหวินจุนขึ้นมา
ชื่อนี้ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ ทุกคนต่างก็รังเกียจ ตอนนี้คนได้ตายไปแล้ว เรื่องเลวร้ายที่เขาเคยทำเอาไว้ก็เลือกที่จะไม่จดจำ
ระหว่างเดินทางอ๋องเว่ยก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว การตายของพี่ใหญ่สำหรับเขาแล้ว ยังคงค่อนข้างน่าตระหนกตกใจ เพราะในช่วงระยะเวลาในการแย่งชิงตำแหน่งลูกชายคนโต แม้ว่าพี่ใหญ่จะเคยใช้วิธีการต่างๆเพื่อกำจัดเขา แต่ถ้าพูดถึงการทำร้ายที่เป็นไปได้อย่างแท้จริง คงเทียบกับวิธีการของน้องสี่ไม่ได้จริงๆ
ฉะนั้น เขายกแก้วขึ้นมาคารวะหนึ่งที จากนั้นก็เทเหล้าลงไปที่พื้น ดวงตาแดงก่ำ “หวังว่าชาติหน้าเขาจะไม่เกิดมาเลอะเลือนเช่นนี้อีก”
เหล้าแก้วนี้ นอกจากอ๋องเว่ยกับอ๋องฉีที่คารวะแล้ว หยู่เหวินเห้ากับอ๋องหวยต่างก็ไม่ได้คารวะ เรื่องที่เขาทำเอาไว้ แม้จะสามารถเลือกได้ว่าจะไม่จดจำ แต่ว่า ในใจเหมือนมีหนามคอยทิ่มแทงอยู่
ตอนที่อ๋องหวยไม่สบาย พี่ใหญ่ได้ส่งฮูหยินเหยามา เบื้องหน้าคือเป็นการดูแลเขา แต่แท้จริงแล้วกลับเอาความเจ็บป่วยของเขามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ช่วงเวลานั้นเป็นวันเวลาที่อ๋องหวยทุกข์ทรมานที่สุด เพราะว่าเขากำลังเผชิญความเป็นความตาย รับไม่ได้จริงๆที่พี่ใหญ่ของเขาคิดวางแผนต่อตัวเขาเช่นนี้
เรื่องราวมากมายเขาสามารถไม่ถือสาได้ มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น เขาไม่สามารถไม่ถือสา เพราะว่าเขารอจนได้รับคำขอโทษจากปากของฮูหยินเหยาแล้ว แต่ที่สุดก็ไม่ได้เห็นความรู้สึกผิดจากหยู่เหวินจุนเลยแม้แต่น้อย
ภายนอกเหมือนจะดูผ่อนคลายไม่เป็นไร ไม่ได้หมายความว่าในใจจะสามารถปล่อยวางได้จริง บางทีอาจจะปล่อยวางได้ แต่ว่าคงไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน
หยู่เหวินเห้าอาจจะคิดเช่นนี้ ระหว่างเขากับพี่ใหญ่และพี่สี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางปฏิบัติต่อกันเหมือนแต่ก่อน เขาสามารถให้อภัยที่พวกเขาทำร้ายตนได้ แต่ไม่สามารถให้อภัยที่พวกเขาทำร้ายยายหยวนกับลูกๆได้
สำหรับเจ้าสี่ในตอนนี้นั้นมีสถานการณ์บ้านเมืองเป็นสำคัญ แต่ว่าส่วนตัวแล้วพวกเขาก็คงไม่สามารถเหมือนเหมือนแต่ก่อนได้อีก
หลังจากคารวะเหล้าแล้ว ต่างก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา อ๋องฉีกับอ๋องหวยนั้นต่างก็สนใจในแขนเหล็กของเขาเป็นอย่างยิ่ง มองอยู่นาน อย่างไรเสียก็ต้องให้เขาแสดงการรินเหล้าสักครั้ง เห็นนิ้วมือที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วได้ดั่งใจ ต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง อ๋องฉีพูดว่า “แขนของท่านกับแขนเดิมก็ไม่แตกต่างกันนี่นา ทำไมอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ฉินเทียนคนนี้จึงได้ร้ายกาจนัก”
อ๋องเว่ยพูดว่า “เขาไม่เพียงแต่ฝีมือร้ายกาจ วรยุทธก็สูงส่งยากจะคาดเดาได้ วิชาตัวเบานั้นตลอดชีวิตข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อน สามารถบินจากตีนเขาไปยังยอดเขาได้ในชั่วอึดใจเดียว ระหว่างทางก็ไม่จำเป็นต้องจรดเท้าลงเพื่อเพิ่มแรง และราวเร็วยิ่งนัก”
“นี่พูดเกินจริงไปแล้วกระมัง”อ๋องฉีคิดว่าคนที่วิชาตัวเบาจะร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถบินขึ้นไปบนยอดเขาในอึดใจเดียวได้ อีกทั้งระหว่างทางยังไม่ต้องเพิ่มกำลัง
“เขาลูกนี้คงต่ำมากกระมัง”
“ต่ำหรือ”อ๋องเว่ยหัวเราะเสียงเย็น “เขาลูกนั้นไม่ต่ำไปกว่ายอดเขาหมาป่าหิมะเป็นแน่”
อ๋องหวยกับอ๋องฉีต่างก็สูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปหนึ่งเฮือก “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร”
“ข้าเห็นเองกับตา”สายตาของอ๋องเว่ยเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
อ๋องฉีมองไปทางหยู่เหวินเห้า ถามอย่างนิ่งอึ้งว่า “พี่ห้าท่านเชื่อหรือไม่”
หยู่เหวินเห้าถือแก้วเหล้าเอาไว้ อมยิ้มและพูดว่า “เชื่อ เชื่อแน่นอน”
นับประสาอะไรกับแค่วิชาตัวเบาที่ร้ายกาจ ไทเฮาหลงยังสามารถช่วยเหลือให้เขาทะลุมิติเวลาได้เลย
ทุกคนต่างก็รู้ว่าหยู่เหวินเห้าเคยไปที่แคว้นต้าโจว เคยพบกับอ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ฉินเทียนและไทเฮาหลง ถ้าหากตัวเขาก็เชื่อ เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องจริงแน่
ท่านอ๋องทั้งหลายได้แต่รู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตา ในใจจดจ่อใฝ่หา ต่างก็คิดว่าหากมีโอกาสต้องไปคำนับสักครั้ง
พี่น้องทั้งหลายไม่เคยลองนั่งพูดคุยเรื่องราวนอกเหนือจากการเมืองเช่นนี้มานานมากแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงดื่มไปหลายแก้ว ระหว่างที่กำลังรู้สึกเมาเหล้าขึ้นมาบ้างแล้ว ทันใดนั้นอ๋องซุนก็ตะโกนขึ้นมา “ข้าก็แค่อยากจะใช้ชีวิตในชาตินี้อย่างสงบสุขและมีอิสระ ไม่เคยคิดถึงสิ่งอื่นใด เสด็จพ่อว่าข้าเสมอว่าไร้ซึ่งปณิธาน ไม่เอาไหน แต่ก่อนหน้านี้ข้าคิดเสมอว่าสามารถไม่เอาไหนตลอดเช่นนี้ไปก็ถือว่าดีมาก ตอนนี้บ้านเมืองมีเรื่องมากมาย ข้าก็เข้าใจถึงความคาดหวังที่เสด็จพ่ออยากจะให้ข้าได้ดีขึ้นมาทันที ขอเพียงข้ามีความสามารถสักหน่อย และสามารถช่วยเหลือเจ้าห้าได้มากขึ้นบ้างเล็กน้อย ตอนนี้ข้าเพิ่งจะไปอยู่ในกรมทหาร กลับไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน ไม่รู้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ข้าก็ไร้ความสามารถเหมือนกับน้องหกแล้ว”
เดิมทีอ๋องหวยฟังแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งมาก แต่พอถึงประโยคสุดท้าย ก็ทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาทันที “พี่รอง ท่านดูถูกตัวท่านเองทำไมจึงลากข้าเข้าไปด้วย”
อ๋องซุนมองเขา เอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “เฮ้อ ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้ อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีภรรยาที่มีความสามารถ พี่สะใภ้รองของเจ้าก็ไร้ความสามารถเหมือนกับข้า”
ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมา แต่ก็ยังคงต้องปลอบใจเขา
อ๋องเว่ยถามขึ้นว่า “น้องห้า เจ้าย้ายพี่รองไปที่กรมทหาร มีแผนการอะไรหรือไม่”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างลึกซึ้งคาดเดาไม่ถูกว่า “มีสิ ข้าจะให้พี่รองโยกย้ายกองทัพ”
“ไม่ได้ ไม่ได้ ”อ๋องหวยกับอ๋องเว่ยต่างก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน ตอนนี้ไม่สนใจในเกียรติของอ๋องซุนแล้ว
อ๋องซุนได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง และไม่สนใจเกียรติของตัวเองอีกต่อไป รีบโบกมือ “ไม่ได้จริงๆ ไม่ได้”
หยู่เหวินเห้ายิ้มบางๆ “พี่รอง ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ท่านทำได้”
อ๋องเว่ยขมวดคิ้ว “น้องห้า เจ้าคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง พี่รองสามารถโยบย้ายกองทัพได้หรือ แม้แต่การทำงานในกรมทหารยังไม่คุ้นเคย จะโยกย้ายกองทัพได้อย่างไร”
“พี่รอง พี่สามน้องหก ข้าไม่ได้ล้อเล่นข้าพูดจริงๆ ”เขามองไปยังอ๋องซุนอย่างจริงจัง พูดว่า “อีกไม่กี่วัน จะมีคนมารายงาน ว่าหนานเจียงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ท่านต้องมีคำสั่งทันที ส่งกองทัพสามหมื่นนายของค่ายทหารทางเหนือไปยังหนานเจียง อีกอย่าง เรื่องสยบโจรหวยซาน ท่านก็ส่งทหารไปสองหมื่นนาย”
“กองทัพใหญ่แห่งค่ายทหารทางเหนือ แต่ว่าค่ายทหารทางเหนือมีสายสืบ อีกอย่างทางด้านหนานเจียงยังต้องไปอีกหรือ ไหนบอกว่าให้น้องเก้าเป็นคนจัดการอย่างไรเล่า และเรื่องโจร ตอนนี้เรื่องโจรไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทางการของหวยซานสามารถจัดการได้กระมัง”อ๋องหวยพูด
สายตาของหยู่เหวินเห้ามีแววเย็นชาผุดขึ้นมา “ถูกต้อง แต่ว่าสายสืบเป็นใครพวกเราไม่รู้ ตลอดแผนการนี้ ข้าจะปล่อยข่าวที่ไม่เหมือนกันไปในกองทัพ ดูสิว่าจะมีข่าวอะไรสามารถแพร่ออกไปได้ พี่รอง ข้ายังจะลงโทษท่านเพราะท่านเคลื่อนย้ายกำลังพลอย่างส่งเดช ท่านต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อมด้วย”
ทุกคนต่างก็เข้าใจจุดประสงค์ขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอ๋องเว่ย คิดได้ทันทีว่านอกจากเขาจะสามารถลากตัวสายสืบที่แฝงตัวอยู่ออกมาได้แล้ว ยังเป็นการเคลื่อนย้ายกองทัพไปยังชายแดนอย่างไม่แพร่งพรายออกไป ขณะเดียวกัน ก็เป็นการตัดกำลังของเจ้าสี่ที่จะบังคับให้ฮ่องเต้สละบัลลังก์
“นี่เป็นเพียงแผนการขั้นแรกเท่านั้น ”หยู่เหวินเห้ากำแก้วเหล้าเอาไว้ พูดด้วยเสียงสงบ