บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1150 เอาสถานการณ์โดยรวมเป็นสำคัญ
หลังจากหยู่เหวินเห้าแต่งตัวเสร็จ บอกให้คนใช้เกี้ยวหามออกไปจากจวนโดยตรง มุ่งตรงไปที่อ๋องฉีทางนั้นก่อน ลงจากเกี้ยวในจวนของอ๋องฉี อยู่ในจวนครู่หนึ่ง แล้วก็ออกจากจวนไปพร้อมกับคนรับใช้แก่ๆผู้หนึ่ง ล้วนเป็นคนรับใช้แก่ๆ เคลื่อนไหวเชื่องช้า ก็กลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจ ถึงบนถนน ก็แยกกันไปซื้อของ ปะปนเข้าไปในกลุ่มคนก็ยิ่งหาได้ยากแล้ว
ลำบากขนาดนี้ เป็นเพราะถึงแม้ว่าในจวนอ๋องฉู่จะมีการจัดวางกำลังป้องกัน แต่ภายนอกมักจะมีคนที่คอยเฝ้าดูอยู่เสมอ ต้องสุขุมรอบคอบจึงจะกุมเรือหมื่นปีได้
เขาเข้าไปในร้านยาของจ้าวหงฟ่าง จ้าวหงฟ่างก็ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์ มีคนไข้กำลังจัดยาสมุนไพร เขารออยู่ครู่หนึ่ง รอคนไข้ที่จัดยาสมุนไพรผู้นั้นจากไปแล้ว จึงเดินเข้าไป
“ท่านผู้เฒ่า ท่านมาซื้อยาหรือต้องการจัดยาตามใบสั่งยาขอรับ?” จ้าวหงฟ่างมองดูหยู่เหวินเห้าแล้วถาม สีหน้ากลับอ่อนโยนเป็นที่สุด
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา “เถ้าแก่ ข้าอยากซื้อยาตังกุยเล็กน้อย”
“ได้ ท่านต้องการเท่าไหร่?” จ้าวหงฟ่างหันกลับไปเปิดตู้ตังกุย หยิบคันชั่งแล้วเอ่ยถาม
“สองขีดครึ่ง!” หยู่เหวินเห้ามองดูท่าทางของเขา กลับชำนาญเป็นที่สุด
“ได้เลยขอรับ ท่านรอสักครู่!” จ้าวหงฟ่างชั่งตังกุยสองขีดครึ่งเรียบร้อย แล้วดึงกระดาษมันแผ่นหนึ่งปูบนเคาน์เตอร์ ห่อเรียบร้อยด้วยรวดเร็ว
“ห้าสิบเหวินขอรับ” จ้าวหงฟ่างเอาตังกุยยื่นให้หยู่เหวินเห้า แล้วถือโอกาสถามไปประโยคหนึ่ง “ ตังกุยนี้ท่านใช้เองหรือ? ยานี้ค่อนข้างร้อนเล็กน้อย ท่านมีอายุแล้ว ต้องใช้อย่างระวัง”
หยู่เหวินเห้ากล่าว “อืม ขอบใจมาก!”
หยู่เหวินเห้าหยิบเศษเงินออกมาก้อนหนึ่ง “ข้าไม่มีเหรียญทองแดง ท่านชั่งเงินนี้แล้วแลกให้ข้าหน่อยละกัน”
“ได้เลยขอรับ!” จ้าวหงฟ่างจึงรับมาชั่ง จากนั้นกล่าวต่อหยู่เหวินเห้า “ท่านผู้เฒ่า ของท่านนี้คือเงินสองตำลึง ข้าแลกให้ท่านเป็นเหรียญทองแดงดีหรือไม่ขอรับ?”
“ได้!” หยู่เหวินเห้าถือโอกาสขณะที่เขานับเหรียญทองแดง สังเกตร้านนี้อย่างละเอียดด้วยความรวดเร็ว ก็ไม่ได้มีคนอื่นอยู่ จึงกล่าวขึ้นทันทีว่า “เป็นอาน……”
จ้าวหงฟ่างนั่นหันกลับมาเอาเหรียญทองแดงให้เขาอย่างฉับไว และตัดบทพูดของเขาอย่างรวดเร็ว “ท่านถือให้ดี รีบไปเถอะ”
ขณะที่เขาพูด ดวงตาเหลือบมองไปด้านหลังม่านแวบหนึ่งอย่างไวมาก จากนั้นก็เพ่งมองหยู่เหวินเห้าแล้วโบกมือ ใช้นัยน์ตาเป็นความหมายของการเตือน
หยู่เหวินเห้าตั้งใจฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ราวกับว่ายังมีลมหายใจของคนอีกผู้หนึ่ง แต่ลมหายใจนี้เบามาก เห็นได้ว่ากำลังภายในล้ำลึกมาก
จ้าวหงฟ่างนั่นก็โบกมือต่อหยู่เหวินเห้าอีก อีกทั้งโบกติดต่อกันสองสามครั้ง ปากก็กล่าวว่า “ท่านผู้เฒ่า เดินทางปลอดภัย จำไว้นะขอรับ ตังกุยนี้น่ะผู้หญิงใช้จะดีที่สุด ท่านใช้มากไม่ได้ จะได้ไม่ใช้ผิด ใช้ยานี้ผิดแล้วก็จะลำบากแล้ว”
หยู่เหวินเห้าหยิบยาแล้วออกจากร้านยา คาดเดาคำพูดของจ้าวหงฟ่าง ในใจก็เข้าใจได้รางๆเล็กน้อยแล้ว
เขาให้หรงเยว่พาตอเป่าออกไปวนอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้มีการโน้มนำให้ตอเป่าไปด้านในหมู่บ้านนั่น กระทั่งไปวนรอบบ้านหลังใหญ่นั่นโดยตรง ตอเป่าก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
หรงเยว่รู้สึกว่าหยู่เหวินเห้าทำในสิ่งที่ไม่จำเป็น กลับมาบอกในวันนั้นว่าบ้านหลังนั้นไม่น่าจะเป็นสถานที่ซ่อนตัวของพระชายาอาน อย่าเสียเวลาเปล่า แต่หยู่เหวินเห้ากลับให้นางทำต่อไปในวันพรุ่งนี้อีก
หยู่เหวินเห้าเริ่มจัดการงานเลี้ยงที่มีเลสนัยแอบแฝง หารือว่าจะวางหมากอย่างไรกับท่านชายสี่และองครักษ์ลับผีแม่ทัพหลอ
ผ่านไปสองวัน อ๋องซุนทางนั้นทำการตัดสินเอง ส่งทหารกองทัพทางเหนือเร่งรุดไปยังหนานเจียงและปราบปรามโจร หลังจากที่เขาส่งทหารออกไป หยู่เหวินเห้าถึงได้รู้ โมโหเดือดดาลทันที ตำหนิเขารอบหนึ่งในตำหนักโดยไม่ไว้หน้าเขา ปลดเขาออกจากตำแหน่งขุนนางโดยตรง ทั้งยังย้ายเขากลับไปที่ศาสหงหรูอีก
อ๋องซุนโมโหมาก แม้แต่ที่ศาสหงหรูก็ไม่กลับไป บอกว่าสุขภาพไม่ดี ต้องการพักฟื้นในจวน
พี่น้องโกรธเคืองกัน ขาดไม่ได้ที่อ๋องฉีและอ๋องหวยจะต้องไปเกลี้ยกล่อมถึงบ้าน แต่อ๋องซุนและหยู่เหวินเห้าก็ต่างคนต่างไม่ยอมถอยให้กัน ก็โกรธเคืองกันเช่นนี้ด้วยความดึงดัน
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รู้เรื่องนี้แล้ว โมโหจนเป็นลมหมดสติไปในคืนนั้น ตลอดทั้งคืนเรียกหมอหลวงเข้ามาสามครั้งแล้ว ทุกคนล้วนแอบคาดเดา พระพลานามัยของฮ่องเต้ไม่ไหวแล้วจริงๆ ทำให้คนในราชสำนักรู้สึกหวาดผวามากในชั่วขณะ
งานเลี้ยงที่มีเลสนัยแอบแฝงกำหนดออกมาห้าวันหลังจากนี้ ออกบัตรเชิญให้อ๋องผิงหนานซื่อจื่อก่อน อ๋องผิงหนานซื่อจื่อรับปากทันที แต่เลือกสถานที่ของงานเลี้ยงเป็นโรงเตี๊ยมเยว่ไหล
โรงเตี๊ยมเยว่ไหลอยู่ตรงปากทางถนนชิงหลวน เส้นทางทั้งสี่สามารถทะลุได้ ละแวกใกล้ๆโดยส่วนใหญ่เป็นร้านค้า หากว่าต้องการเข้าพระราชวัง ถนนสายนี้คือถนนที่จำเป็นต้องผ่าน
ท่านชายสี่มีกิจการมากมายอยู่ในเมืองหลวง และมีโรงเตี๊ยมกับหอนางโลมมากมาย แต่โรงเตี๊ยมเยว่ไหลนี้ไม่ใช่ของท่านชายสี่ พูดแล้วก็บังเอิญ โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นกิจการที่ตระกูลหูหูชิงหยุนของแคว้นต้าโจวซื้อไว้ รับมาได้ไม่นาน แค่สองสามเดือนเท่านั้น เพิ่งจะได้ตกแต่งประดับประดา ยังไม่ได้เปิดกิจการ สำหรับรูปแบบลักษณะภายใน ผู้ใดก็ล้วนไม่คุ้นเคย
หยู่เหวินเห้าเห็นด้วยเป็นธรรมดา เพราะวันเวลาเป็นเขากำหนด สถานที่เลือกและกำหนดโดยฝ่ายตรงข้ามก็ได้
ตอนนี้เขาคิดว่า อ๋องผิงหนานซื่อจื่อก็คือหงเล่ คนผู้นี้แผนการล้ำลึกมองการณ์ไกล เลือกสถานที่เช่นนี้ เข้าไปสามารถรุกและถอยได้ อีกทั้งหากสถานการณ์โดยรวมสงบ ก็ยังสามารถมองเห็นทุกๆการกระทำของพระราชวังได้ ถึงกระทั่งอ๋องอานได้พาทหารเข้าไปบุกหรือไม่ เขาก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
หยู่เหวินเห้าเห็นด้วยกับสถานที่นี้ ก็เพราะอยู่ใกล้กับพระราชวังมาก ทันทีที่เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไร ก็สามารถเข้าช่วยได้ทันเวลา
วันนี้ ก็คือวันที่อ๋องอานต้องบุกเข้าพระราชวังเป็นแน่ หงเล่คงไม่รออีก อย่างไรเสียลูกธนูก็ขึ้นคันศรแล้ว จำเป็นต้องปล่อย หากว่ารอต่อไป ท่านพี่สี่ทางนั้นจะต้องอกแตกตายก่อนเป็นแน่
หยู่เหวินเห้าเรียกคนที่จะปฏิบัติการเข้ามาประชุม หงเย่ ท่านชายสี่ แม่ทัพหลอ กู้ซือ เหลิ่งจิ้งเหยียน เสี้ยวหงเฉิง ยังมีอ๋องเว่ย สวีอีและคนอื่นๆร่วมหารือพร้อมกัน
อ๋องเว่ยคิดว่า ในเมื่อตอนนี้ยันยืนที่อยู่ภรรยาของน้องสี่ได้แล้ว เข้าไปช่วยออกมาก่อนจะดีกว่า
ไม่รอให้หยู่เหวินเห้าปฏิเสธ เหลิ่งจิ้งเหยียนก็กล่าวว่า “ไม่ได้ จำเป็นต้องช่วยพระชายาอานออกมาในวันที่ลงมือปฏิบัติการ อย่างแรก ตอนนี้จุดสำคัญที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด น่าจะเป็นพระชายาอานทางนั้นแน่ หากพวกเราส่งคนไปช่วย จะเป็นการเพิ่มความเสียหายโดยไร้ประโยชน์ รองลงมา หากฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าไม่สามารถสู้พวกเราได้ อาจจะฆ่าพวกนางแม่ลูกแล้วใส่ร้ายพวกเรา แม้ว่าอ๋องอานจะไม่เชื่อ เขาก็จะโกรธเคืองพวกเราที่ไร้ความสามารถในการเข้าช่วยชีวิต ทำให้พวกนางแม่ลูกเสียชีวิต งานเลี้ยงที่มีเลสนัยแอบแฝงวันนั้น เพื่อรับประกันว่าจะสามารถปิดล้อมรัชทายาทไว้ได้ พวกเขาจะต้องระดมยอดฝีมือส่วนใหญ่มาที่โรงเตี๊ยมเยว่ไหลเป็นแน่ พวกเราเข้าช่วยเหลือก็สบายขึ้นมาก ถึงจะมีความมั่นใจ”
อ๋องเว่ยฟังจบ ก็รู้สึกว่าเหลิ่งจิ้งเหยียนพูดได้มีเหตุผล “เช่นนั้นก็เอาตามกำหนดแผนการเดิม รอถึงปฏิบัติการวันนั้นค่อยเข้าช่วยชีวิต”
ทุกคนสะสางแผนการให้เป็นระเบียบรอบหนึ่ง รับประกันว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงๆ
สุดท้าย ท่านชายสี่กล่าวประโยคหนึ่ง “ครั้งนี้หากว่าอ๋องอานปฏิบัติการ ที่ใช้ส่วนหนึ่งจะต้องเป็นคนของเขาเองแน่ คนเหล่านี้ เป็นศักยภาพที่เขาดำรงไว้มาโดยตลอด ไม่ใช้ง่ายๆ ตอนนี้ถึงเวลาคับขันเขาคงไม่ซ่อนไว้อีก แต่ก็มีคนอีกส่วนหนึ่งเป็นคนของหงเล่ หากช่วยพระชายาอานออกมาแล้ว อ๋องอานจะไม่เชื่อฟังหงเล่และบุกเข้าพระราชวัง แต่เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะถูกคนของหงเล่โจมตี ดังนั้น ในส่วนขององครักษ์รักษาพระองค์ทางนี้ กู้ซือเจ้าต้องทำการป้องกันรักษาอย่างเข้มงวด ทันทีที่ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด เจ้าต้องรับประกันว่าคนของเจ้าสามารถรักษาความปลอดภัยของวังได้ คุ้มกันพ่อตาของข้าให้ดี”
“ได้ขอรับ!” กู้ซือรับปากทันที
ท่านชายสี่มองดูท่านชายหงเย่ “ถึงเวลาท่านชายไปพบหงเล่พร้อมกับองค์ชายรัชทายาท ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ คนที่เข้าใจนิสัยของหงเล่อย่างชัดแจ้งที่สุดเป็นท่าน ดังนั้นก็ต้องขอให้ท่านจับตาดูให้มากหน่อย หากสังเกตเห็นความผิดปกติ รีบต่อสู้พารัชทายาทออกไปทันที ไม่ต้องคิดล้างแค้นก่อน เอาสถานการณ์โดยรวมเป็นสำคัญ”