บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1153 เปาจื่อร้องไห้
ทั้งสองคนพูดคุยกันในห้องอยู่เป็นเวลานาน จึงได้ยินเสียงลูกๆดังขึ้น หยู่เหวินเห้าอมยิ้มและพูดว่า “พวกเขาตื่นแล้ว”
เขายืนขึ้นมา จูงมือหยวนชิงหลิงเดินออกไปพร้อมกัน
เห็นท่านพ่อมา พวกลูกๆต่างก็ดีใจมาก พวกลูกๆโถมตัวเข้ามากอดเขาเอาไว้ ปากก็ร้องเรียกท่านพ่อ ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้ หยู่เหวินเห้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆว่าตัวเองจะได้รับการต้อนรับถึงเพียงนี้
หยวนชิงหลิงยิ้มและเฉลยว่า “พวกเขาเล่นอยู่ในนี้มาหลายวันแล้ว เบื่อกันแล้ว คงคิดว่าท่านจะมาพาพวกเขากลับไปแน่ ”
หยู่เหวินเห้าอุ้มข้าวเหนียวน้อยขึ้นมา “อีกไม่กี่วัน อีกไม่กี่วันพ่อจะมารับพวกเจ้ากลับบ้าน ”
ทั้งสามต่างก็รู้สึกผิดหวัง เดิมคิดว่าจะได้กลับบ้านแล้ว อยากจะออกไปเที่ยวมาก แต่ว่าท่านแม่บอกว่าไม่อนุญาตให้ออกไป
ข้าวเหนียวน้อยถามขึ้นว่า “กี่วัน”
“สี่ห้าวันกระมัง”หยู่เหวินเห้าพูดยิ้มๆ
“ท่านพ่ออย่าโกหกนะ ”ข้าวเหนียวน้อยเอานิ้วมือขึ้นมานับ“หนึ่งสองสามสี่ เช่นนั้นก็เร็วมาก”
ทังหยวนกับเปาจื่อต่างก็ขอร้องให้อุ้ม วันนี้หยู่เหวินเห้านั้นต้องตอบสนองทุกการวิงวอน ไม่เพียงแต่อุ้มพวกเขา ยังเล่นกับพวกเขาอยู่ครู่ใหญ่ ให้รำกระบี่ก็รำกระบี่ ให้เตะลูกบอลก็เตะลูกบอล ให้เล่นซ่อนแอบก็เล่นซ่อนแอบ
เล่นกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินจนลืมตัวไปชั่วขณะ เปาจื่อถึงกับให้หยู่เหวินเห้าคลานกับพื้นเป็นม้าให้เขาได้ขี่ หยู่เหวินเห้าคว้าตัวเขามาฟาดลงไปที่ก้นสองที สีหน้าเปลี่ยนไปพร้อมกับตวาดเสียงหนึ่ง “บังอาจ”
เปาจื่อตกใจ ได้ยินเสียงดุราวกับฟ้าผ่าขึ้นมาอย่างกะทันหัน รู้สึกอายแต่ก็ไม่กล้าร้องไห้ แต่กลับไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรอยู่บ้าง พยายามแสดงออกว่าไม่เป็นไรและมองไปทางหยวนชิงหลิง ยังฉีกปากยิ้มกว้าง แต่ในดวงตากลับแดงก่ำขึ้นมาทันที
น้ำตารื้นอยู่เต็มดวงตา ลักษณะเช่นนั้น เป็นความน่าสงสารและน้อยใจที่พูดไม่ออก
เปาจื่อไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีเวลาที่มีความสุขสุดขีดจนนำไปสู่ความทุกข์มาแล้ว แต่เขาไม่ร้องไห้ งอแงทุบตีไม่กี่เสียง ก็กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้งแล้ว
หยู่เหวินเห้าเห็นท่าทีของเขา ก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา เดินเข้าไปอยากจะลูบที่หน้าผากของเขา เปาจื่อถอยหลังไปหนึ่งก้าว พยายามยิ้มออกมา “ข้าจะไปเล่นกันหมาป่าหิมะ”
ตอนที่เขาหมุนตัวไปได้ร้องไห้ออกมา ร้องไห้ตลอดทางที่วิ่งออกไป
หยู่เหวินเห้ามองเขาอย่างนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะตบหน้าตัวเองสักหนึ่งที เอ่ยอย่างหงุดหงิดโมโหว่า “ข้า นี่ข้าเป็นอะไรไป”
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างสงสารเจ็บปวดใจ พูดเบาๆว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะไปดูเขาสักหน่อย ท่านเล่นกับทังหยวนและข้าวเหนียวหน่อยก่อน ข้าจะรีบกลับมา ”
นางพูดจบ ก็วิ่งไล่ตามไป ขวางเปาจื่อเอาไว้ที่ลานด้านหน้า ยื่นมือออกจะไปอุ้มเขา
เปาจื่อถอยหลังเช็ดน้ำตา ยืนขึ้นอย่างดื้อรั้น ไม่ยอมให้หยวนชิงหลิงอุ้มเขา
“เปาจื่อเด็กดี ”หยวนชิงหลิงนั่งลง จูงมือน้อยๆของเขาเอาไว้ “แม่ขอโทษแทนพ่อของเจ้า เจ้าให้อภัยท่านพ่อ ได้หรือไม่”
เปาจื่อไม่คุ้นเคยกับการเผยให้เห็นสีหน้าที่กำลังร้องไห้ พยายามเช็ดดวงตาอย่างเต็มที่ “ข้าไม่ได้ถือสาท่านพ่อเสียหน่อย ข้าไม่ได้โกรธด้วย เป็นท่านพ่อที่โกรธข้า”
หยวนชิงหลิงจูงมือของเขาเดินไปนั่งลงในศาลา เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้าให้เขา ใบหน้าเล็กหล่อเหลานี้ แดงก่ำไปหมด น้ำตายังคงเกาะอยู่บนขนตาที่งอนยาวดำขลับ นางรู้สึกสงสารจับใจ
ลูกถูกตี พ่อแม่ย่อมรู้สึกสงสารและปวดใจที่สุด
นางพูดเบาๆว่า “ครั้งนี้ท่านพ่อทำผิดไปแล้ว เขาไม่ควรตีเจ้า ประเดี๋ยวแม่จะให้เขาขอโทษเจ้าด้วยตนเอง”
เปาจื่อดวงตาแดงก่ำ “ตีก็ตีข้าแล้ว ทำไมต้องตะคอกข้าด้วย ตอนที่ท่านพ่อตะคอกข้าดูดุมาก ข้ากลัวท่านพ่อ”
ที่ทำให้เปาจื่อรู้สึกเสียใจ คือคำพูดเย็นชาที่บอกว่าบังอาจ
หยวนชิงหลิงค่อยๆกอดเขาเอาไว้ในอ้อมอก ลูบเส้นผมของเขา พูดเสียงเบาว่า “เปาจื่อ เจ้าฟังที่แม่พูด ตอนนี้ท่านพ่อต้องเผชิญกับความอันตรายเรื่องหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาก ความกดดันของเขายิ่งใหญ่มาก จิตใจตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง ที่เขามาหาพวกเราที่นี่ เดิมทีคิดอยากจะผ่อนคลายเสียหน่อย แต่ว่าควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ทำให้อยู่เหนือการควบคุมไปชั่วขณะ แม่ขอรับประกันกับเจ้า ขอเพียงเจ้าไม่ทำอะไรผิด ภายหน้าเขาจะไม่มีทางดุกับเจ้าเช่นนี้อีกแล้ว เจ้าอภัยให้เขา ดีหรือไม่”
เปาจื่อพยักหน้าเงียบๆ “ได้”
หยวนชิงหลิงปล่อยเขา ใช้นิ้วเช็ดไปที่ใบหน้าเล็กๆของเขา พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เปาจื่อเป็นเด็กดีจริงๆ”
“ท่านแม่ ท่านพ่อมีอันตรายอะไร ท่านพ่อจะตายหรือไม่”เปาจื่อถาม
หยวนชิงหลิงรีบส่ายหน้า “เด็กโง่ จะตายได้อย่างไร อย่างคิดเหลวไหล”
เขาพูดว่า “เอาอย่างนี้ข้าจะยืมหมาป่าเปาจื่อให้ท่านพ่อ”
หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่เชื่อฟังและรู้ความของเขา รู้สึกเจ็บในใจเล็กน้อย “ได้ ประเดี๋ยวข้าจะบอกกับท่านพ่อของเจ้า เจ้าจะมอบหมาป่าเปาจื่อให้เขา ปกป้องเขา”
เปาจื่อก้มหน้าลง พูดด้วยเสียงซึมว่า “ท่านบอกไปว่าท่านให้เขาเป็นคนเอาไป เขาโกรธข้าอยู่ คงไม่เอาหมาป่าของข้า”
“เด็กโง่ ท่านพ่อไม่ได้โกรธเจ้า เขาด่าเจ้า เขาเองก็เสียใจไม่น้อยเลย”หยวนชิงหลิงพูด
เปาจื่อดึงแขนเสื้อของหยวนชิงหลิงเอาไว้ ดวงตามีแววงุนงงอยู่บ้าง “ท่านแม่ ทำไมตอนนี้ท่านพ่อจึงได้เปลี่ยนเป็นคนดุเช่นนี้ เขาไม่ยิ้มเลย ได้แต่เอามือไขว้หลังคิดเรื่องงาน เมื่อก่อนแม้ว่าเขาจะตีข้า แต่เขาไม่เคยดุเช่นนี้ ข้ายินดีให้เขาตีข้า แต่ไม่อยากให้เขาดุกับข้าเช่นนี้”
หัวใจของหยวนชิงหลิงซับซ้อนมาก รู้สึกปวดแปลบใจมาก “แม่รับประกันว่าเขาต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมแน่”
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่ในห้องอย่างรู้สึกพ่ายแพ้ หลังจากเปาจื่อวิ่งออกไป ข้าวเหนียวน้อยกับทังหยวนก็จากไป พวกเขากลัวเขา
เขาเสียใจมาก เปาจื่อให้เขาคลานเป็นม้าให้ขี่ ในครอบครัวปกติทั่วไป ก็เป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรกันแน่ ตีเขา ยังดุด่าเขาอีก
หยวนชิงหลิงผลักประตูเข้ามา เขารีบเก็บสีหน้า มองนาง “ยังร้องไห้อยู่หรือ”
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้ “ไม่ร้องแล้ว ปลอบจนดีขึ้นแล้ว เขายังบอกว่าจะยืมหมาป่าเปาจื่อให้ท่าน”
หัวใจของหยู่เหวินเห้ายิ่งรู้สึกทรมาน “ข้าคิดว่าเขาคงจะเกลียดข้าแล้ว ข้ามันเลวจริงๆ ”
“เขาไม่มีทางเกลียดท่าน”หยวนชิงหลิงค่อยๆปล่อยตัวเขา จ้องมองดวงตาเขียวคล้ำของเขานิ่ง“เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือ”
หยู่เหวินเห้าตอบรับหนึ่งเสียง “หารือกับหงเย่ ไม่ได้นอนทั้งคืน ”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างสงสารว่า “เจ้าห้า ที่จริงท่านไม่ต้องปิดบังข้าเอาไว้ทุกเรื่องก็ได้ ท่านสามารถบอกกับข้า ความกดดันของท่านมีมากเกินไปแล้ว ทำให้ตัวเองตึงเครียดเกินไป”
หยู่เหวินเห้าฝืนยิ้ม “ไม่ใช่อย่างนั้น ข้ามั่นใจในทุกอย่างแล้ว ไม่มีความกดดันอะไร เจ้าอย่าเป็นห่วงเลย”
“ท่านเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งเป็นห่วง”หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ ดึงมือของเขาเอาไว้จ้องมองดวงตาของเขานิ่ง ๆ“ท่านยังจำได้หรือไม่ เมื่อก่อนเราเคยคุยกันว่า ระหว่างพวกเราสองคนจะไม่มีความลับต่อกัน สิ่งที่ในใจของท่านคิดข้าต้องรับรู้ ข้าคิดอะไรก็ต้องบอกท่านให้รู้ พวกเราเป็นสามีภรรยากัน พวกเราสมควรจะแบกรับภาระในชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างด้วยกัน”
หยู่เหวินเห้าพลิกมือกลับมากุมมือของนาง เอามาวางไว้แนบอก นิ่งเงียบไปชั่วครู่ พูดว่า “การเดิมพันครั้งนี้ ข้าใช้วิธีการที่แตกต่างจากปกติเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ถ้าหากคาดเดาผิดพลาด ก็จะพ่ายแพ้ยับเยิน ยายหยวน เดิมทีข้าไม่อยากจะพูดเรื่องพวกนี้กับเจ้า ไม่อยากให้เจ้าต้องเป็นกังวล แต่ว่า ที่จริงการเคลื่อนไหวครั้งนี้จนถึงตอนนี้ ข้ากลับไม่มีความเชื่อมั่นเหมือนตอนแรกแล้ว เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เกรงว่าตัวเองจะตัดสินผิดพลาด ฉะนั้นข้าคิดว่า ให้เจ้าได้เตรียมใจเอาไว้”
หยวนชิงหลิงกุมมือของเขาเอาไว้ เอ่ยอย่างแน่วแน่ว่า “ทำตามที่ท่านคิด เชื่อในการตัดสินใจของตัวท่านเอง ท่านวางแผนมาเป็นเวลานาน เตรียมการเป็นเวลานาน วางแผนทีละขั้นตอน รู้สถานการณ์ทุกอย่างอย่างดี สัญชาตญาณของท่านนั้นแม่นยำที่สุด เชื่อในตัวเอง ข้าเองก็เชื่อท่าน”
ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็กอดนางเอาไว้ เอ่ยเสียงสั่นว่า “ในขณะที่ข้ายังไม่เชื่อมั่นในตัวเอง เจ้ากลับเชื่อใจข้าอยู่เสมอ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในความเชื่อมั่นที่มีต่อข้า รอให้ทำเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะทำการขอโทษเปาจื่ออย่างจริงจัง”