บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1168 ความคิดอันตรายอย่างมาก
เพราะทังหยางจะออกเดินทางไกลในไม่ช้า หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าก็จะต้องไปทะเลสาบจิ้ง ดังนั้นพิธีลงนามระหว่างแม่นมฉีกับทังหยาง ในครั้งนี้จะต้องจัดขึ้นโดยเร็วที่สุด
ก็ไม่ได้จัดใหญ่โต เพียงแค่จัดงานเลี้ยงในจวน ทุกคนฉลองกันอย่างมีความสุข
ช่วงนี้จัดงานเลี้ยงติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ทุกคนอารมณ์ดีอย่างมาก รู้สึกวันเวลาก้าวหน้าสู่ชัยชนะ
ภายใต้น้ำตาของทุกคน ทังหยางคุกเข่ากราบคำนับแม่นมฉี หกเกอเอ๋อกับหูหมิงก็คุกเข่ากราบคำนับทังหยาง ภายใต้คนมากมายเป็นพยาน สี่คนนี้กลายเป็นญาติพี่น้องกันแล้ว
เดิมบ้านทังหยางออกแบบไม่ดี มีเพียงห้องเดียว ตอนนี้ต้องเข้าไปอยู่สี่คน จึงอย่างน้อยต้องมีสี่ห้อง ดังนั้น ยังต้องก่อสร้างเพิ่ม
อาการบาดเจ็บสวีอีค่อยๆดีขึ้น งานนี้จึงมอบให้สวีอี ให้เขาเป็นงานควบคุมงาน
ก่อนเริ่มงาน สวีอีมาหาหยวนชิงหลิง บอกว่าฮูหยินทังคนเดิมคนนั้น ยังมีของใช้บางส่วนหลงเหลืออยู่ จะทิ้งเลยหรือเผาทิ้ง?
หยวนชิงหลิงไม่กล้าตัดสินใจเอง จึงให้เขาไปถามทังหยาง พรุ่งนี้ก่อนที่ทังหยางจะออกเดินทาง ถามให้ชัดเจนก่อนดีกว่า
สวีอีพูดขึ้นว่า “ข้าไม่กล้าถามเขา เขาดูเหมือนไม่ชอบให้ใครพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นว่า “งั้นได้ ข้าไปถามเอง เจ้ากับช่างออกแบบก่อน”
นางเองก็ไม่สะดวกที่จะถาม ให้เจ้าห้าไปถาม เรื่องของผู้ชาย ให้ผู้ชายคุยกันดีกว่า
เจ้าห้าก็เป็นคนมีนิสัยหยาบตรงไปตรงมา คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หลังจากทานอาการค่ำแล้ว เดินไปห้องหนังสือพร้อมกับทังหยาง แล้วก็ถามขึ้นว่า “ของใช้ฮูหยินคนนั้นของเจ้ายังจะเอาไหม? หากไม่เอา จะให้เผาทิ้งหรือจะให้โยนทิ้ง?”
ทังหยางพูดขึ้นว่า “โยนทิ้งเผาทิ้ง ยังไงก็ได้”
“ไม่เก็บไว้ดูยามคิดถึงหรือ?” หยู่เหวินเห้าผลักประตูเข้าไปพร้อมถามขึ้น
ทังหยางพูดว่า “ไม่มีอะไรน่าคิดถึง”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “คนก็ตายไปแล้ว ไม่ต้องเกลียดชังแล้ว”
ทังหยางจัดโต๊ะหนังสือให้กับเขา หยิบเอกสารออกมาหลายฉบับ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่ส่งมาจากกรมการพระนคร อ๋องฉีบอกว่าให้ท่านดูด้วยตนเอง”
“วางไว้นี่แหละ เดี๋ยวข้าค่อยดู เจ้านั่งลง ข้าคุยกับเจ้าสักหน่อย” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าอารมณ์ของเขาค่อนข้างเก็บกด คิดว่าเรื่องนั้นคงยังไม่ผ่านไป
ทังหยางแลดูไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยังคงนั่งลง พร้อมพูดขึ้นว่า “คุยอะไร? หากเป็นเรื่องไม่มีความสุข ผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป ไม่ต้องพูดถึงอีก”
“ผู้หญิงคนนั้นตายแล้วจริงหรือ?” หยู่เหวินเห้าพูดอ้อมค้อมไม่เป็น จึงถามขึ้นโดยตรง
ทังหยางก้มหน้าก้มตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม”
“เจ้าเห็นศพของนางด้วยตนเอง?”
“เห็น แต่ก็ถูกญาติของนางเอาไปอย่างรวดเร็ว” ความเจ็บปวดบางอย่าง เมื่อถูกพูดถึงก็แทบจะขาดใจ แต่ทังหยางควบคุมอารมณ์บนสีหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากสายตาจากเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้า
ตอนที่หยู่เหวินเห้าถาม ก็ไม่ได้สนใจอารมณ์ของเขา แต่ก็เข้าใจเป็นอย่างดี เพราะเขาก็เคยเกือบที่จะเสียเจ้าหยวนไปหลายครั้ง
“ข้าปลอบคนไม่เป็น แต่คิดว่านางคงหวังอยากที่จะให้เจ้ามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี”
ทังหยางเงยหัวขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ นางจากสาปแช่งให้ข้าไม่ได้ตายดี ข้ารับปากว่าจะแต่งงานกับนาง แต่กลับแต่งงานกับคนอื่น”
หยู่เหวินเห้าอ้าปากค้าง แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวนไม่มีทางสาปแช่งข้าเช่นนี้แน่”
“นั่นเพราะเจ้าไม่ได้ทรยศหักหลังนาง องค์ชายรัชทายาทลองเสนอเรื่องมีชายารองดูไหม?” ทังหยางพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่กล้า”
เอกสารขึ้นมาดูแปบหนึ่ง หยู่เหวินเห้าก็ถามขึ้นมาอีกว่า “หลายปีมานี้ เจ้าอยู่กับฮูหยินคนนี้ ไม่เคยแตะต้องตัวนายจริงหรือ?”
“รักษามารยาทให้เกียรติมาตลอด” ทังหยางพูดขึ้นอย่างค่อนข้างจนใจว่า “องค์ชายรัชทายาทอยากถามอะไรกันแน่?”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เพียงแค่แปลกใจ เจ้ากับนาง คือความรู้สึกแบบไหนกัน?”
ทังหยางลากเก้าอี้ขยับมา มองดูหยู่เหวินเห้า พร้อมพูดขึ้นว่า “มีสองอย่าง อย่างแรก นางกลายเป็นสาบลับของหงเล่ เป็นเพราะข้า ข้ากระทำผิดต่อนาง อย่างที่สอง นางทำให้ข้าผิดสัญญากับคนที่รัก แฝงอยู่ข้างกายข้า หลอกใช้ข้าเพื่อสืบข่าว ข้าเกลียดนาง ก็แค่นี้”
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาจู่ๆก็จริงจังขึ้นมา เอามือลูบปลายจมูก พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ไม่พูดถึงนางแล้ว”
ทังหยางกลับค่อนข้างอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนที่ทำร้ายเจ้าคนนั้น หากยังมีชีวิตอยู่ เจ้ายังสามารถเกลียดชังนางได้ แต่คนคนนั้นตายไปแล้ว แม้แต่เกลียดเจ้าก็จะไม่รู้เกลียดยังไง ก็เหมือนอย่างที่เจ้าเกลียดฉู่หมิงชุ่ยแบบนั้น”
นิ้วมือหยู่เหวินเห้าที่เปิดเอกสารหยุดชะงัก และก็ดูเขานิ่งอึ้งตามไปด้วยสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายังต้องใช้เวลาคิดสักพัก ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าฉู่หมิงชุ่ยคือใคร”
ทังหยางหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ลืมได้ก็ดีแล้ว”
หยู่เหวินเห้าเบื่อหน่าย จนพูดขึ้นมาว่า “เจ้าว่า ตอนนั้นทุกอย่างไม่เปลี่ยน ข้าแต่งงานกับนาง วันนี้จะกลายเป็นอย่างไร?”
ทังหยางหัวเราะเยาะ มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อมไม่มีจินตนาการที่ดีขนาดนั้น ไม่งั้น เชิญพระชายารัชทายาทมาช่วยท่านจินตนาการ?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างสงบใจเย็นว่า “ไม่ต้อง จะต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานแน่”
ทังหยางมองดูเขา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่รอด แล้วก็หัวเราะขึ้นมา
เช้าวันรุ่งขึ้น ทังหยางก็ออกเดินทางออกไปแล้ว วันหยุด หนึ่งเดือน ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก
ทางด้านหงเย่อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นพอสมควรแล้ว สามารถออกเดินทางไปด้วยกันได้แล้ว ดังนั้น หยู่เหวินเห้ามอบหมายงานราชการเรียบร้อยแล้ว ขบวนรถม้ามุ่งหน้าไปภูเขาหมื่นพุทธทะเลสาบจิ้ง อย่างยิ่งใหญ่อลังการ
ออกเดินทางครั้งนี้ พากันไปทั้งบ้าน ยังพาหมาป่าหิมะกับเจ้าเสือไปด้วย รวมถึงแม่นมที่คอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ รวมหลายรถม้าคันใหญ่
หยวนชิงหลิงแอบพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า “ครั้งหน้าเราสองคนไปกันเอง”
“ได้ เราไปกันเอง” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างมีอำนาจ
เดิมครั้งนี้อยากจะพาเพียงพวกลูกๆมาก็พอ กลับคิดไม่ถึงว่าก่อนออกเดินทางพวกลูกๆตื่นเต้นอย่างมาก จะเอาหมาป่าหิมะของพวกเขาไปด้วย ตอนนี้หมาป่าหิมะกับเสือทองน้อยสนิทกัน หมาป่าหิมะไปด้วยเสือทองน้อยก็จะตามไปด้วย เสือทองน้อยไปด้วย เจ้าแฝดไม่ไปด้วยได้หรือ? เจ้าแฝดไปด้วย แม่นมก็ต้องตามไปด้วย เดิมจะไปทำธุระ สุดท้ายเหมือนดั่งพวกกลุ่มอพยพ
แม้แต่หงเย่ยังรังเกียจ พูดกับอะโฉ่วว่า พวกคนตระกูลใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้ มาดใหญ่ ออกเดินทางทีแทบจะแบกขนไปด้วยทั้งจวน
อะโฉ่วพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ บ้านของพวกเขาวุ่นวายจริงๆ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินประโยคนี้แล้วก็โกรธมาก ตอนนี้ไม่มีศึกสงครามแล้ว จำเป็นต้องอาศัยหงเย่แล้ว เขาคิดว่าสามารถที่จะทอดทิ้งหงเย่ได้แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างไม่ยอมว่า “เจ้าก็อยากที่จะขนไปทั้งบ้าน อยากที่จะพากันไปทั้งบ้าน แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องมีก่อน”
หงเย่อมยิ้มมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเชื่อไหมว่าข้าจะแต่งเป็นเจ้าอีก เช่นนั้นภรรยาของเจ้า จวนของเจ้าล้วนเป็นของข้าแล้ว”
“ใช่ ไม่แน่องค์ชายรัชทายาทเจ้าก็ได้เป็นแล้ว” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างได้ใจ
สีหน้าหงเย่เปลี่ยนไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นที ข้าควรที่จะไปจากเป่ยถังโดยเร็ว”
สิ่งที่เคยถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ กลัวจะมีใครมาพลิกบัญชีเก่า
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไปถึงทะเลสาบจิ้ง แล้วก็ผลักเจ้าลงไปก็จบเรื่อง”
เดิมเป็นเพียงคำพูดล้อเลียน แต่หงเย่ฟังแล้วกลับครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “กระโดดลงไปก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังไงข้าก็ไม่มีที่ไป ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำด่วน ลองไปดูใต้ทะเลสาบจิ้งนี้ว่าเป็นอย่างไร มุ่งหน้าไปสู่ที่ไหน”
“ข้าพูดเล่นกับเจ้า เจ้าห้ามโดดลงไปเด็ดขาด หากเจ้าจมน้ำตายไป เจ้าหยวนบีบคอข้าตายแน่” หยู่เหวินเห้าพูดเสร็จ รู้สึกว่าความคิดของหงเย่คนนี้ อันตรายอย่างมาก จึงไม่พูดคุยกับเขาแล้ว เดี๋ยวเขาจะทำอะไรไม่คาดคิดขึ้นมา ทำให้เขาโดนบิดหู