บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1169 ดูน้ำวนทะเลสาบจิ้ง
ขบวนยิ่งใหญ่เดินทางมาถึงภูเขาหมื่นพุทธ ปีนมาถึงทะเลสาบจิ้ง พวกซาลาเปาดีใจอย่างมาก กว่าจะได้ออกมาเที่ยว ตื่นเต้นกันอย่างมาก จะเที่ยวเล่นให้ทั่วภูเขาถึงจะพอใจ
หยวนชิงหลิงร้อนใจจะพาพวกเขาไปทะเลสาบจิ้ง แต่ฟ้ามืดค่ำแล้ว ทางด้านทะเลสาบจิ้งก็มีลมแล้ว พวกเด็กๆเล่นขนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ไปแล้วถูกลมพัดกลัวจะไม่สบาย จึงนอนพักหนึ่งคืนก่อน รอพรุ่งนี้ค่อยไปแต่เช้า
ที่วัดรู้สถานะของพวกเขา นักพรตจึงต้อนรับพวกเขาอย่างดีที่สุด อาหารมื้อนี้ทานอย่างอุดมสมบูรณ์ ผักอาหารแห้ง ทานอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนอาหารล้ำค่า
ตอนกลางคืนนอนกันตั้งแต่เช้า อยู่ในภูเขาที่เงียบสงบ การนอนเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำได้ บวกกับรีบขึ้นดอยมาอย่างรีบร้อนจนเหนื่อยล้า นักพรตเตรียมน้ำชาให้ หยู่เหวินเห้าก็ดื่มเพียงไม่เท่าไหร่ ก็กลับไปสู่แดนฝันกับเจ้าหยวน
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้ายังไม่สว่างก็ตื่นขึ้นมา หยู่เหวินเห้าเขย่านางอย่างตื่นเต้น บอกว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น หยวนชิงหลิงเห็นว่ากว่าจะได้ขึ้นเขามาสักครั้ง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นว่าจะสวยไหม? หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองสามีภรรยาแอบหนีออกไป
หยู่เหวินเห้าพานางมาถึงจุดสูงสุด ที่จริงอยู่ที่วัดก็สูงมากแล้ว แต่เขาคิดว่า ยืนอยู่ตรงจุดสูงสุดดูพระอาทิตย์ขึ้นถึงจะสวยที่สุด
บนเขามีหมอกมาก หยู่เหวินเห้าเตรียมการแต่แรกแล้ว สวมเสื้อผ้ามาเกินหนึ่งตัว หลังจากถอดออกมาแล้วก็ปูบนพื้นหญ้า มองดูขอบฟ้าที่ปรากฏสีขาวเหมือนดั่งกระเพาะปลา
หยวนชิงหลิงพิงหัวไว้บนไหล่ของเขา หยู่เหวินเห้าโอบกอดเอวของนางไว้ จูบใบหน้าที่เย็นเฉียบของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้นว่า “เจ้าหยวน พวกเราเหมือนไม่เคยดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนพวกเรายังมีเรื่องมากมายที่ยังไม่เคยทำด้วยกัน”
“เดี๋ยวกลับไปเจ้าเขียนรายการมา แล้วพวกเราไปทำด้วยกัน” ภายใต้คิ้วเข้มของหยู่เหวินเห้า สายตาเต็มไปด้วยความเสน่หา
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้”
ตรงขอบฟ้า ปรากฏเป็นสีส้มอ่อนๆ ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ แต่หยู่เหวินเห้ากลับตื่นเต้นเหมือนอย่างกับเด็ก พร้อมพูดขึ้นว่า “รีบดู”
สีส้มค่อยๆ ถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ม เมฆตรงขอบฟ้าถูกย้อมเป็นผ้าทอ ชั้นสีส้มถูกย้อม ค่อยๆ กลายเป็นสีแดง
ไม่ช้า ก็มองเห็นส่วนโค้งของดวงอาทิตย์ค่อยๆโผล่ออกมา ก้อนเมฆเปลี่ยนไป ถูกแสงสีทองปกคลุม สวยงามตระการตา
รอเมื่อพระอาทิตย์ออกมาแล้วทั้งดวง ตอนที่แขวนอยู่ตรงขอบฟ้า แสงสว่างจ้า ทะลักเข้าสู่โลก
ทั้งสองคนจับมือกันไว้ อยู่ด้วยกันอย่างเงียบๆ คิดถึงความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดของอนาคต แต่ในใจเหมือนมั่นใจแล้ว นั่นก็คือ วันที่นับไม่ถ้วนของพวกเขาที่จะมาถึง ล้วนจะอยู่ด้วยกัน
ท้องฟ้าสีครามสดใส มีครุฑหรือนกอินทรีบินผ่าน บทตัวพวกมันเหมือนมีแสงสีทองส่องลงมา มองไปแวบหนึ่ง เหมือนมองเห็นนกเทพโบยบิน
หยวนชิงหลิงมองดูนกพวกนั้นบินข้ามฟากฟ้า แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“หัวเราะอะไร?” หยู่เหวินเห้าจ้องมองมุมปากของนางที่ยิ้มหัวเราะ อย่างหลงใหล ต่างก็พูดว่าเป็นสามีภรรยาอยู่ด้วยกันนาน เห็นหน้ากันทุกวันคืน ก็จะไม่มีความประหลาดใจหรือชอบเหมือนตอนแรก แต่เขากลับกลับกัน ตอนนี้เขามองนางทุกครั้ง ยิ่งรู้สึกเหมือนนางสวยยิ่งกว่าเมื่อวาน เขารู้สึกยิ่งอยู่ก็ยิ่งห่างนางไม่ได้
พวงแก้มหยวนชิงหลิงแฝงไปด้วยแสงสีทอง รูขุมขนเล็กบนใบหน้าขาวสะอาดที่แทบจะมองไม่เห็น พูดขึ้นว่า “คิดถึงคำพูดของเสด็จปู่ ที่เคยพูดว่าไทเฮาหลงของแคว้นต้าโจว จะให้หงส์น้อยแก่พวกเรา”
หยู่เหวินเห้าจับมือของนางไว้ สิบนิ้วประสานกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “มีหมาป่าหิมะกับเจ้าเสือก็พอ”
หยวนชิงหลิงคิดว่าแผ่นดินสงบแล้ว อยากที่จะมีลูกสาวสักคน แต่เรื่องพวกนี้ต้องแล้วแต่วาสนา ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มวิกฤตให้กับชีวิตที่สงบสุขแล้ว
อย่างน้อย เจ้าห้าคิดว่า การมีลูกเป็นอันตรายอย่างมากอย่างหนึ่ง
ทั้งสองจูงมือกันลงมาจากดอย กลับมาถึงวัด พวกลูกๆตื่นขึ้นมาแล้ว วิ่งไล่กันอยู่กับหมาป่าหิมะและเจ้าเสือในลาน พระอาทิตย์ย้อมหยาดเหงื่อของพวกเขาเป็นสีทอง
“พ่อ แม่” เห็นพวกเขากลับมา เด็กทั้งสามวิ่งมาอย่างเร็ว หยู่เหวินเห้ากลัวพวกเขาชนถูกหยวนชิงหลิง กางมือรั้งไว้ อุ้มขึ้นมาข้างล่ะคน เหลือข้าวเหนียวน้อย หยวนชิงหลิงรีบอุ้มข้าวเหนียวน้อยขึ้นมา
เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเจ้าแฝดเดินโยกเยกออกมา อ้าแขนขอให้อุ้ม
หยวนชิงหลิงเห็นแล้ว ก็หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก มีหมาป่าหิมะกับจ้าเสือน้อยก็ยุ่งพอแล้ว ยังจะมีหงส์อะไร?”
กลับมาทานอาหารเช้าที่ห้อง จากนั้นทุกคนก็พากันไปยังทะเลสาบจิ้ง อย่างครึกครื้น
อากาศร้อน ฝนไม่ตกมานาน ทะเลสาบหลายแห่งล้วนแห้งขอด แต่น้ำทะเลสาบจิ้งไม่เปลี่ยนแปลง ยังเหมือนเดิม ลึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้รู้สึกแฝงไปด้วยความลึกลับ
ยังมีน้ำวนพวกนั้น เป็นวงๆ เหมือนด้านล่างมีกระแสน้ำไหล หยวนชิงหลิงจ้องมองนานจนมึนงง หันกลับมาถามพวกลูกว่า “พวกเจ้าดู ในน้ำวนนี้มีอะไร?”
หงเย่รีบขยับมาใกล้ มองดูพวกเด็กๆอย่างรอคอย
พวกเด็กๆคุกเข่าอยู่ตรงขอบฝั่ง แล้วมองดูวังน้ำวนที่ใกล้ที่สุดอย่างละเอียด มองดูสักพัก ซาลาเปาพูดขึ้นว่า “แม่ ในน้ำวนนี้มีถนนเส้นหนึ่ง”
“ถนนเส้นหนึ่ง?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “มีถนนเส้นหนึ่งหรือ? มีคนไหม?”
“ไม่มี มองไม่เห็นคน” ซาลาเปาพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงมองดูทังหยวนกับข้าวเหนียว พวกเขาต่างก็ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีคน มีแต่ถนน”
“ถนนแบบไหนหรือ?” หยู่เหวินเห้าจ้องมองดู กลับเห็นว่าน้ำวนก็คือน้ำวน มีถนนอะไรที่ไหน?
“เป็นถนนเส้นใหญ่เส้นหนึ่ง” ซาลาเปาพูดพร้อมทำท่าให้ดู “ใหญ่ขนาดนี้”
“นี่ใหญ่มากหรือ?” หยู่เหวินเห้ามองดูแขนทั้งคู่ของเขาที่กางออก นี่คือถนนใหญ่แล้วหรือ?
“ยังไงก็ใหญ่มากๆ ใหญ่กว่ามือของข้าที่กางออก” ซาลาเปาเห็นว่าดูถนนไม่มีอะไรน่าดู จึงขยับไป หมอบอยู่ด้านข้างมองดูน้ำวนอีกอัน เมื่อจ้องมองดู กลับตกใจขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า ที่นี่มียีราฟเยอะมาก”
“ยีราฟ? ยีราฟอะไร?” หยู่เหวินเห้าก็มองตามไป น้ำวนนั่นอยู่ใกล้ริมฝั่ง ม้วนเอาพวกใบเน่า ยังคงดำมืดไปหมด
“ก็ตอนที่อยู่บ้านคุณยาย แล้วพาพวกเราไปดูนั่นไง สวนสัตว์ที่อยู่ด้านข้างที่เล่นเกม” ซาลาเปาพูดพร้อมกับ จ้องมองดูสักพัก ในหน้าน้อยมุ้ยขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ก็ไม่เหมือน เหมือนไดโนเสาร์ในคอมของลุง น่ากลัวมาก”
ไดโนเสาร์? หยวนชิงหลิงอึ้งไปสักพัก หรือว่าสามารถเห็นยุคครีเทเชียสได้ด้วย? นี่มันเกินจริงไปแล้วมั้ง?
นางคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่นางมองไม่เห็น ทำได้เพียงฟังซาลาเปาพูดอธิบาย
ต่อมาก็ดูอีกหลายอัน ล้วนไม่ใช่สิ่งที่หยวนชิงหลิงต้องการ เดินรอบทะเลสาบครึ่งรอบ กลับจู่ๆก็ได้ยินเสียงซาลาเปาร้องขึ้นมาว่า “อันนี้ข้ารู้ สถานที่นี้ข้ารู้ แม่ รีบมาเร็ว”
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ ก็รีบวิ่งไป หยู่เหวินเห้ากับหงเย่ก็วิ่งตามไปด้วย
ร่างกายครึ่งตัวของซาลาเปา แทบจะลอยอยู่ในอากาศ นิ้วมือชี้ห่างจากทะเลสาบไปประมาณหนึ่งเมตร พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นี่ ที่นี่เป็นถนนเส้นที่เราไปบ้านคุณยายครั้งที่แล้ว เจ้าดู คนพวกนี้สวมเสื้อผ้าเหมือนกัน เป็นที่นี่…อ๋า? ทำไมไม่เหมือนเดิมแล้ว? เปลี่ยนไปอีกแล้ว?”
หยวนชิงหลิงเพิ่งตื่นเต้นแปบเดียว เมื่อได้ยินเขาพูดก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าพร้อมถามขึ้นว่า “อะไรไม่เหมือนเดิมแล้ว? ไม่ใช่ถนนเส้นนั้นแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่แล้ว ไม่เหมือนเดิมแล้ว” ซาลาเปาจ้องมองดูอยู่สักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงเปลี่ยนกลายเป็นบ้านแล้ว? เป็นบ้านหลังหนึ่งแล้ว”
หยวนชิงหลิงร้อนใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงเปลี่ยนกลายเป็นบ้านแล้วล่ะ? เจ้ามองดูให้ดี เมื่อกี้พูดว่าเป็นถนนไปบ้านคุณยายไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ถึงกลายเป็นบ้านแล้ว”
ซาลาเปาอึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่บ้านอีกแล้ว เป็นภูเขาแล้ว มีดอกเหมยเยอะแยะมากมาย”