บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1179 หลอกใครได้
หรงเยว่เป็นพวกวัตถุส่องแสง พอนางมาพักที่จวนอ๋องฉู่ พระชายาซุน ฮูหยินเหยากับหยวนหย่งอี้ก็พากันมา
เมื่อหรงเยว่เห็นพวกนางก็ตาโตอ้าปากค้าง “พวกท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่?”
นางยังคิดหลอกสามีนางอยู่อีกแน่ะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่นางกลุ่มนี้ที่อยู่ข้างนอกก็ยังหลอกไม่ได้
พระชายาซุนเอ่ย “น้องหกให้คนมาบอก ว่าเจ้าจะพักที่จวนอ๋องหลายวัน บอกว่ากลัวเจ้าเบื่อ ถ้าพวกเราว่างก็ให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน”
หรงเยว่ตาโตอ้าปากค้างอีก
“ข้า…แต่ข้าบอกเขาว่าข้ากลับจื๋อลี่” หรงเยว่ผ่อนไหล่ คิดว่าตนฉลาดแล้วแต่กลับไม่รู้ว่าเขามองทางนางออกแต่แรก
“น้องหกดีกับเจ้ามาก น่าอิจฉาจริงๆ” พระชายาซุนถอดถอนใจ “ไหนเลยจะเหมือนเจ้ารองตาอ้วนคนนั้นของข้า วันๆ รู้แต่กินดื่ม ไม่รู้จักอรรถรส ไม่สนใจข้าด้วย”
ฮูหยินเหยาหัวเราะ “พอเถอะ น้องรองกลัวเจ้า เคารพเจ้า แถมยังเอาใจเจ้า บอกจะแต่งชายารอง พูดมาตั้งหลายปีแล้วก็ยังไม่เห็นแต่ง ถ้าเป็นคนอื่นกลัวแต่จะแต่งมาห้าหกเจ็ดคน มีลูกเป็นโขยงแล้ว ตอนนี้เขาอยู่แต่กับเจ้า ดีกับจวิ้นจู่ เจ้าก็น่าจะพอใจแล้วนะ”
พระชายาซุนชอบให้คนชมว่านางมีความสุข แต่นางก็มีความสุขจริงๆ ถึงเจ้าสองจะอ้วน แต่ก็ซื่อสัตย์ ไม่มีลูกไม้แพรวพราวเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ หลายปีมานี้อยู่แต่กับนางสองแม่ลูก ถึงชีวิตจะราบเรียบแต่ก็มีความสุข
อีกอย่าง ใครอยากให้ชีวิตตัวเองอยู่กับความวิตกกังวล ฝ่าฟันอุปสรรคทุกวันหรืออย่างไร? เห็นพระชายารัชทายาทแล้วก็เหนื่อยใจ แถมยังมีลูกอีกเป็นพรวน
หยวนชิงหลิงมองหรงเยว่ เอ่ย “มีลูกก็เสริมชีวิตให้มีรสชาติยิ่งขึ้น แต่ถ้าไม่มี เจ้ากับน้องหกก็ยังมีความสุข อย่ายึดติดเลย”
หรงเยว่น้ำตาคลอ ที่จริงตลอดมานางก็คิดว่าตัวเองรักเจ้าหก กับที่เจ้าหกรักนางดูเหมือนแค่เพราะปล่อยยอมรับชะตากรรมเท่านั้น กระทั่งไม่สนจะมีลูกกับนาง นางคิดเสมอ ว่าแค่เพราะยังรักไม่พอเท่านั้น หากรักใครสักคน ก็ต้องอยากมีลูกกับนางสิ
แต่ครั้งนี้ทั้งที่รู้ว่านางโกหก รู้ว่าการหนีออกจากบ้านครั้งที่แล้วเป็นเพราะอะไร แต่เขาก็ไม่พูดโจ่งแจ้ง แต่ให้ความร่วมมือนางลับๆ กลัวว่านางจะคิดฟุ้งซ่าน ยังเรียกทุกคนมาพูดคุยเป็นเพื่อนนาง
นางสูดลมหายใจเข้าลึก เก็บน้ำตาเข้าไป “นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้าครั้งนี้ไม่ท้อง ข้าจะไม่ทำอะไรแล้วจริงๆ ช่วงนี้ ตั้งแต่สูตรยายันไหว้พระ วิธีไหนก็ทำมาหมด ไม่แค่เหนื่อยตัวเองยังเหนื่อยเขาอีก”
“คิดได้ก็ดี บางทีเจ้าอยู่เฉย ลูกอาจมาเองก็ได้” พระชายาซุนกล่าว
“อย่าให้ความหวังข้า ข้ายอมแพ้แล้ว แค่แข็งใจครั้งนี้เท่านั้น ต้องสู้กับสวรรค์ให้จบ” หรงเยว่เอ่ย อะซี่ก็ออกมาร่วมวงกับทุกคนด้วย ครรภ์ของอะซี่ในตอนนี้อยู่ตัวแล้ว และนางก็ไม่มีปฏิกิริยาแพ้ท้อง ทุกคนต่างว่านางแข็งแรง คนฝึกยุทธ์ตั้งครรภ์มักสบายกว่าคนอื่น
พอเห็นสองมืออะซี่ลูบท้องแล้ว หรงเยว่ก็เป็นทุกข์และอิจฉาอยู่บ้าง นางอยากมีลูกสักคน จนตอนนี้กลายเป็นความยึดมั่นของนางไปแล้ว นางรักเจ้าหก หวังมีลูกกับเขาสักคน ให้ลูกคนนี้สานความรักของพวกเขาต่อ ขอเพียงเท่านี้
คงเป็นเพราะนางเคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมามากกระมัง? แต่ภารกิจที่นางรับ คนที่นางฆ่าล้วนเป็นคนที่สมควรตาย
“อย่าพูดเรื่องไม่สบายใจพวกนั้นเลย หลายวันก่อนข้าได้รับจดหมายจากเหยียนเอ๋อ พวกเขาเข้าพักเรียบร้อยแล้ว” พระชายาซุนเปลี่ยนเรื่องสนทนา เอ่ย
นางเอาจดหมายมาด้วย อ่านให้ทุกคนฟัง เป็นการบรรยายภาษาพูด ทุกคนได้ฟังแล้วก็ค่อนข้างยินดี ดูท่าหลังจากถึงจวนเจียงเป่ยแล้ว ชีวิตของพวกเขาก็ไม่เลวเหมือนกัน
ส่วนท้ายของจดหมายก็ทักทายทุกคน แล้วยังเจาะจงให้พระชายาซุนขอบคุณกับหยวนชิงหลิงด้วย
พระชายาซุนหัวเราะเอ่ย “นางเกรงใจจริงๆ ชอบเกรงใจอยู่เรื่อย แต่ดีจริงๆ เลยนะ นี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุด”
ทุกคนล้วนมีจุดจบที่ดีที่สุด ครั้นแล้วสายตาทุกคนก็มองทางฮูหยินเหยาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย
ฮูหยินเหยาจัดกระโปรง “มองข้าทำไม? ข้าก็ไม่ใช่ว่ามีชีวิตที่ดีหรือ?”
“ก็ดีอยู่ แต่ท่านมีจวิ้นจู่สองคน ต่อไปถ้าจวิ้นจู่ออกเรือน ท่านตัวคนเดียวจะอยู่ยังไง?” หรงเยว่เอ่ย
“ตอนนี้อยู่ยังไง อีกหน่อยก็อยู่อย่างนั้น” ฮูหยินเหยาเอ่ย
หลังจากผ่านเรื่องเมื่อก่อนหน้า ที่จริงทุกคนก็รู้ว่าฮุ่ยเทียนมีใจให้นางอยู่บ้าง พระชายาซุนคิดว่าเส้นทางนี้ลำเค็ญ แต่พวกหยวนหย่งอี้ หยวนชิงหลิงกับหรงเยว่กลับคิดเห็นต่างออกไป
หยวนหย่งอี้กับหรงเยว่เป็นคนตรงถือบุญคุณความแค้น ไหนเลยจะสนใจระเบียบมากมาย?
ส่วนหยวนชิงหลิงยังให้ชายทรยศที่หักหลังนาง ทำร้ายนางอยู่เป็นหม้ายตลอดชีวิต นั่นยิ่งเหลวไหลไปกันใหญ่
นางเพิ่งสามสิบกว่า หากอยู่ถึงอายุเจ็ดแปดสิบมิต้องทนกับความโดดเดี่ยวหลายสิบปีหรือ?
“ฮุ่ยเทียนเป็นยังไง?” หรงเยว่รู้อยู่แล้วแต่ยังจงใจถาม
ฮูหยินเหยาเงยหน้ามองนาง “ดีมาก”
“เสียแต่เป็นผู้ชายหยาบกร้าน ท่านไม่ชอบใช่หรือไม่?”
“พูดอะไรน่ะ?” เห็นชัดว่าฮูหยินเหยาเริ่มร้อนรน มองทุกคนอย่างลนลานทีหนึ่ง “เจ้าอย่าพูดไปเรื่อยนะ แพร่ออกไปจะไม่งาม อีกไม่กี่ปีเมิ่งเยว่ก็ต้องพูดเรื่องแต่งงานแล้ว”
“งั้นรอให้เมิ่งเยว่กับเมิ่งซิงแต่งงานแล้ว ท่านก็จะพิจารณา?” หรงเยว่ถามขึ้นอีก
พอพระชายาซุนเห็นสีหน้าฮูหยินเหยาลำบากใจก็ขมวดคิ้วเอ่ย “เอาล่ะ ชายาน้องหก อย่าถามเรื่องพวกนี้เลย ฮุ่ยเทียนข้าก็เคยเจอมาหนหนึ่ง คนผู้นี้ดูแล้วน่ากลัวนัก ตัวโต ดุดันจะตาย ไม่รู้ว่าจะตีผู้หญิงหรือเปล่า ถึงฮูหยินเหยาจะหาใครสักคน ก็หาคนหยาบในยุทธจักรไปเรื่อยไม่ได้”
“เขาไม่ตีผู้หญิง!” ฮูหยินเหยามองพระชายาซุนพลางเอ่ย
“นั่นก็เอาแน่ไม่ได้”
“เขาไม่ทำอย่างนั้น” ฮูหยินเหยากล่าวขึ้นอีกครั้งอย่างแน่วแน่ ราวกับปกป้องฮุ่ยเทียน ถึงนางกับฮุ่ยเทียนจะไม่ได้คบหากัน แต่นิสัยของฮุ่ยเทียนจะให้ใครว่าร้ายไม่ได้
พระชายาซุนผงะ มองนาง “สวรรค์ ท่านคงไม่ได้มีใจให้เขาแล้วนะ? รูปร่างท่านเนี่ย เขาตบมาทีเดียวก็ไม่ไหวแล้ว!”
“ข้าบอกว่าเขาไม่ตีผู้หญิงยังไงเล่า!” ฮูหยินเหยาเริ่มหงุดหงิด “อีกอย่าง ข้ากับเขาก็ไม่มีอะไรกัน เจ้าเอาแต่พูดว่าเขาจะตีข้า มีมูลมาจากไหน? นี่ไม่ใช่ว่าร้ายเขาหรือ? อย่าว่าเขาแบบนี้”
พระชายาซุนเอ่ย “ท่านก็เอาแต่ช่วยเขา ถ้าไม่มีอะไรจริง ท่านก็ไม่จำเป็นต้องพูดแทนเขา ฮูหยินเหยา ไม่ใช่ข้าอยากจะตำหนิท่าน ถ้าท่านจะหาใหม่จริงก็ย่อมได้ แต่ฝ่าบาทต้องไม่เห็นด้วยให้ท่านแต่งกับคนหยาบที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีชื่อแน่ เพราะถ้าท่านแต่งไป ต่อไปจวิ้นจู่ก็ต้องเรียกเขาว่าพ่อ ฝ่าบาทจะเห็นด้วยได้ยังไง?”
“พอที!” ฮูหยินเหยาลุกขึ้นด้วยความโกรธ เดินออกข้างนอกไปแบบชนิดไม่บอกกล่าวกับพวกหยวนชิงหลิงสักคำ
ทุกคนมองพระชายาซุน แฝงการตำหนิ
หยวนชิงหลิงเอ่ย “พี่สะใภ้รอง นางไม่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์แล้ว นางจะแต่งกับใครก็เรื่องของนาง อีกอย่าง เมื่อก่อนไม่เห็นท่านมีปฏิกิริยาขนาดนี้นี่”
พระชายาซุนถอนหายใจ “ข้ารู้ว่าข้าพูดอย่างนี้เกินไปอยู่บ้าง แต่ถ้านางเลือกอยู่กับผู้ชายคนนี้จริง อันตรายขวากหนามใหญ่หลวง แล้วยังจะถูกราชวงศ์ขับไล่รังเกียจ ส่งผลกับจวิ้นจู่ พวกเจ้าก็ห่วงนาง ไยดูนางเดินทางผิดได้เล่า? ถ้านางจะหาใหม่จริง ผู้ชายที่ดีกว่าฮุ่ยเทียนก็มีมากมาย”
“แต่คนพวกนั้นก็ไม่แน่ว่าจะดีกับนางเหมือนฮุ่ยเทียน” หยวนหย่งอี้กล่าว
“ดีก็แค่ช่วงสั้นๆ ชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรับประกันได้ว่าต่อไปจะดีจริง?” พระชายาซุนรู้สึกว่าความคิดของพวกนางไร้เดียงสาเกินไป คนหนึ่งชินกับการเพิ่มเลือดบนคมดาบ อีกคนก็เป็นพระชายาที่อยู่แต่บ้านแต่เล็ก เคยแต่งเข้าราชวงศ์มียศมีเกียรติ ทั้งสองไม่เหมาะสมกับสักนิด