บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1180 ท่านชายสี่ส่งหยู่เหวินหลิง
น้อยครั้งที่การสนทนาระหว่างสะใภ้จะมีบรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยความตึงเครียดและหม่นหมองเช่นนี้ ที่จริงพอพระชายาซุนกล่าวจบก็หัวเสียอยู่เหมือนกัน จึงแก้ต่าง “ข้าก็ไม่ใช่ไม่อยากให้นางมีความสุข แค่คิดเผื่อจวิ้นจู่เท่านั้น”
หยวนชิงหลิ่งเอ่ย “ช่างเถอะ อย่าพูดอีกเลย นางก็ไปแล้ว”
ทุกคนนิ่งเงียบ รู้สึกหมดสนุก พระชายาซุนกับหยวนหย่งอี้จึงกลับ
ทั้งสองกลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินว่าท่านชายสี่กับเจ้าหญิงมา
นี่เป็นเรื่องแปลก แต่ไรมาท่านชายสี่ออกบ้านมักไม่พาคนมาด้วย ทำไมวันนี้ถึงมากับเจ้าหญิงได้?
เดิมทีนางที่เป็นพระชายารัชทายาทกับหรงเยว่ที่เป็นพระชายาหวยไม่ต้องบากหน้าออกมารับแขก แต่เพราะคนที่มาคือท่านชายสี่ เป็นอาจารย์ของหยวนชิงหลิง เป็นเจ้านายของหรงเยว่ ดังนั้นทั้งสองจึงพากันออกมา พอถึงลานบ้านก็เห็นท่านชายสี่พาเจ้าหญิงมา
ท่านชายสี่ใส่ชุดสีเขียวอ่อน ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใส่แต่สีขาวล้วน เกล้าผม หากมองดูดีๆ ที่แขนเสื้อยังเหมือนปักผีเสื้อสองตัวอยู่ด้วย ขณะย่างกรายผีเสื้อก็วับๆ แวมๆ ดูเหมือนจะกางปีกโบยบินแต่ก็กลับเหมือนถูกบดบังระหว่างการแกว่งมืออีก
งามไร้เทียบเทียมเหมือนอย่างเคย!
วันนี้เจ้าหญิงหยู่เหวินหลิงสวมชุดสีแดงสด ชุดคลุมด้านนอกเป็นตาข่ายบางราวปีกจักจั่น เกล้ามวยผม งดงามน่ายล อ้อนแอ้นอรชร ที่กระดุมจีนยังปักลายผีเสื้อสองตัว ตามอยู่ด้านหลังท่านชายสี่ช้าๆ ไข่มุกบนหัวรองเท้าผ้าแพรส่องแสงวิบวับอยู่ในชายกระโปรง
“ท่านชายสี่!” ทั้งสองเข้าไปคำนับ
“พี่สะใภ้!” หยู่เหวินหลิงก็ขึ้นหน้ามาย่อคำนับเช่นกัน
มีแต่ท่านชายสี่ที่ยืนตรงผงาดราวกับต้นไม้หยก หลังจากรับการคารวะแล้วก็โบกแขนเสื้อผายมือ สาวเท้าเข้าห้องโถงหลักข้างในประหนึ่งนายท่าน
หยวนชิงหลิงอดร้องความเป็นธรรมให้น้องสามีเป็นไม่ได้ ดึงแขนเสื้อหยู่เหวินหลิง กระซิบถาม “เกิดอะไรขึ้น? สีหน้าเขาไม่สู้ดีเลย”
หยู่เหวินหลิงถามขึ้นอย่างงุนงง “สีหน้าเขาเคยดีเมื่อไรหรือ?”
“งั้นเจ้าก็อย่าอดทนยอมให้เขา ต้องโกรธบ้าง ให้เขาดีกับเจ้าหน่อย” หรงเยว่เอ่ย
เมื่อนั้นหยู่เหวินหลิงก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ “เขาดีกับข้ามากนะ ทำไมข้าต้องโกรธด้วย?”
“ดีที่ไหน?” ทั้งสองถามขึ้นพร้อมเพรียง รู้สึกว่าหยู่เหวินหลิงโง่จริงๆ ท่านชายสี่เอาแต่ทำหน้าเป็นภูเขาน้ำแข็ง ดีตรงไหน?
“ไม่ดีตรงไหน?” หยู่เหวินหลิงเอ่ยถาม
หรงเยว่คิดว่าตนต้องสอนหยู่เหวินหลิงหน่อยแล้ว “ข้าถามเจ้า เวลากินข้าวเขาเคยคีบกับข้าวให้เจ้าไหม?”
“เคยสิ!”
เคย? หรงเยว่ไม่ค่อยเชื่อ บางทีที่คีบให้อาจเป็นของที่เขาไม่ชอบกิน เลือกที่ไม่ชอบให้นางแล้วตัวเองจะได้กินแต่ที่ชอบ
“งั้นเขาห่วงใยเจ้าไหม? เอาใจใส่ใกล้ชิดเจ้าไหม? เจ้าไม่สบายเขาตามหมอมาแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าไหม? กลางคืนเวลานอนเขาห่มผ้าให้เจ้าไหม?”
“ใช่สิ!” หยู่เหวินหลิงเอ่ย
หรงเยว่ถลึงตามองนาง “เป็นไปไม่ได้”
หยู่เหวินหลิงหัวเราะเอ่ย “ถึงยังไงที่ท่านพูดเขาก็ทำหมด แล้วยังดีดพิณให้ข้าฟัง รำกระบี่ให้ข้าดู ดูดาวดูพระจันทร์เป็นเพื่อนข้า อุ้มข้าขึ้นหลังคา หนุนเขานอนทั้งคืน”
หยวนชิงหลิงกับหรงเยว่ต่างคิดว่านั่นต้องไม่ใช่ท่านชายสี่แน่ ท่านชายสี่ต้องแปลงโฉมเป็นคนอื่น แล้วให้ตัวแทนมาทำแทนเขา
ท่านชายสี่ไอ้คนโฉดนี่!
คนโฉดนั่งนิ่งอยู่ข้างใน นัยน์ตากวาดมองหยวนชิงหลิงด้วยความเย็นชา “เข้ามาพูดข้างใน!”
ทั้งสองตามกันเข้าไป หยู่เหวินหลิงก็ตามเข้าไปด้วย ท่านชายสี่ยื่นมือดึงหยู่เหวินหลิง ให้นางนั่งข้างตน เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นาง แล้วเอ่ยขึ้นเรียบ “อย่าพูดกับหรงเยว่ให้มาก สมองนางไม่ค่อยดี”
ถึงกับยุแหย่ให้พวกเขาสามีภรรยาแตกกัน หรงเยว่ไอ้หญิงชั่ว!
หรงเยว่เพิ่งนั่งลง พอได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ลุกขึ้นพรวด จ้องท่านชายสี่ อีกฝ่ายพูดชืดๆ “ทำไม? ไม่พอใจ?”
หรงเยว่ไม่กล้าไม่พอใจ นั่งลงอีกครั้ง “งั้นท่านชายสี่กับเจ้าหญิงให้เกียรติมา มีธุระอะไรหรือ?”
“ไม่ใช่กงการของเจ้า ข้ามาจวนอ๋องฉู่ เจ้าจะไปที่ไหนก็ไป!” พอท่านชายสี่กล่าวอย่างเย็นชาแล้วก็หันไปมองหยวนชิงหลิง “มีเรื่องคุยกับเจ้า คนที่ไม่เกี่ยวข้องเจ้าก็ไล่ออกไป นี่มันถิ่นของเจ้า”
หยวนชิงหลิงมองหรงเยว่อย่างลำบากใจ “เจ้าจะไปเองหรือว่าให้ข้าไล่เจ้า?”
หรงเยว่ลุกขึ้นแบบงอนตุ๊บป่อง “ไม่ฟังก็ไม่ฟัง ข้าไม่สนใจสักนิด”
ว่าแล้วก็สะบัดตัวเดินออกไป
เมื่อหรงเยว่เดินออกไปแล้ว สีหน้าท่านชายสี่ถึงดีขึ้นมาหน่อย มองหยวนชิงหลิงเอ่ย “ข้ามาปรึกษาธุระกับเจ้านิดหนึ่ง ให้เจ้าหญิงพักอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ข้าจะไปทำธุระที่จื๋อลี่หน่อย”
“ต้องได้อยู่แล้ว” หยวนชิงหลิงประหลาดใจมาก เรื่องนี้สั่งมาคำเดียวก็พอ ไยต้องมาด้วยตนเอง?
ท่านชายสี่กล่าวเรียบ “มีสองสามเรื่องที่อยากกำชับเจ้า ตอนนี้นางกำลังกินยาอยู่ เจ้าเฝ้าดูหน่อย อย่าให้นางถูกน้ำเย็น อย่าให้นางตากลมไม่สบาย อย่าให้นางกินของดิบของฤทธิ์เย็น กลางคืนสามทุ่มก็ต้องเข้านอน”
หยวนชิงหลิงมองเจ้าหญิง เอ่ยถาม “เจ้ากินยา? ทำไมต้องกินยา? เป็นอะไรหรือ?”
หยู่เหวินหลิงพูดอย่างเขินอาย “ฮูหยินใหญ่ให้สูตรยามา บอกว่ากินแล้วจะไม่ปวดท้อง”
“ปวดท้อง?” หยวนชิงหลิงมองนาง สีหน้าก็ไม่เลว ท่าทางไม่เหมือนปวดท้อง
“ใช่ ช่วงนั้นมาจะได้ไม่ปวดท้อง” หยู่เหวินหลิงพูดอย่าง น่ารักไร้เดียงสา
อ้อ ปวดประจำเดือน
หยวนชิงหลิงรู้สึกอยากรู้ขึ้นมาทันใด พวกเขานอนด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว เข้าหอแล้วหรือยังเนี่ย? ตอนนี้แม้แต่นางปวดประจำเดือน ท่านชายสี่ยังเป็นห่วง หรือจะหมายถึงเป็นสามีภรรยากันแล้วจริงๆ?
แต่เรื่องนี้จะถามต่อหน้าท่านชายสี่ไม่ได้
เมื่อท่านชายสี่กำชับเสร็จ ก็พูดขึ้นลอยๆ “แล้วก็นะ ข้ามายืมหมาป่าหิมะกลับจื๋อลี่ด้วย”
“ได้!” หยวนชิงหลิงเอ่ย
สีหน้าท่านชายสี่ผ่อนคลายมาหน่อย “ยืมสามตัว!”
“อ่อ ได้!” หมาป่าหิมะสามตัว? เอาไปทำอะไรเยอะแยะ? การกลับจื๋อลี่ครั้งนี้อันตรายมากหรือ?
เมื่อท่านชายสี่ได้ดั่งใจหมายแล้วก็กำชับอย่างละเอียดอีกหน่อย จากนั้นก็นำหมาป่าหิมะสามตัวจากไป
พอท่านชายสี่จากไปแล้ว หรงเยว่ถึงกลับมา มองแววตาเหม่อลอยของหยู่เหวินหลิงที่มองทางปากประตู พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “คนก็ไปจนลับแล้ว เจ้ายังมองหาอะไรอีก?”
หยู่เหวินหลิงดึงสายตากลับ สีหน้าเลือดฝาด “จะมองหน่อยไม่ได้หรือ?”
“เจ้าหญิง พวกเจ้าร่วมห้องกันแล้วหรือยัง?” หรงเยว่นั่งลอง ทำท่าเป็นอาซ้อใหญ่เอ่ยถาม
“พวกเราก็นอนด้วยกันนี่!” หยู่เหวินหลิงมองนางพลางเอ่ย
“ที่ข้าถามหมายถึง พวกเจ้ามีอะไรกันแล้วหรือยัง!” หรงเยว่พูดขึ้นอย่างอารมณ์เสีย
หยู่เหวินหลิงส่ายหน้าอายม้วน พูดอ้อมแอ้ม “เขาบอกว่าข้ายังเด็กไปหน่อย รอข้าโตอีกนิด”
“เจ้ายังเด็ก? เลยยี่สิบมาแล้วนะ อีกอย่าง ท่านชายสี่ก็แก่ขนาดนี้แล้ว ถ้ารออีกเขาก็หงอกเต็มหัวแล้วมั้ง?” ซ้ำเติมเขาสุดกำลัง
หยู่เหวินหลิงทำท่าปกป้องสามี “ท่านจะว่าเขาอย่างนี้ไม่ได้นะ เขาไม่แก่สักหน่อย เขายังดูอ่อนเยาว์กว่าท่านอีก พี่สะใภ้หก ท่านดูท่านตอนนี้สิ ทรุดโทรมจนเหมือนอะไรแล้ว?”
คำพูดนี้ช่างแทงใจดำ สีหน้าหรงเยว่เปลี่ยนไปทันที
นางเอาแต่กังวลเรื่องตั้งครรภ์ทุกวัน นางก็ต้องทรุดโทรมอยู่แล้ว
พอหยู่เหวินหลิงโต้กลับไปได้ก็อารมณ์ดี มองหยวนชิงหลิงแล้วเอ่ย “เขาบอกว่าตอนนี้ข้าสุขภาพไม่ดี ถ้าเข้าหอจะตั้งท้องง่าย เขาบอกว่าผู้หญิงตั้งท้องคลอดลูกอย่างกับผ่านประตูผีมารอบ ร่างกายต้องแข็งแรงถึงจะดี อีกอย่าง เขาบอกว่าบางทีถ้าข้าท้อง ก็เป็นไปได้มากว่าจะเป็นแฝดสอง แฝดสาม เพราะพี่สะใภ้ห้าท่านก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ข้ากับพี่ห้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน เป็นไปได้มากว่าจะเหมือนพี่สะใภ้ห้าอย่างนั้น”