บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1195 ปีนี้เกิดอะไรขึ้นกับราชวงศ์
เซเว่นอัพกับโค้กยังคงมองหญ้าต้นนั้นอยู่เช่นเดิม หยวนชิงหลิงไม่พูดอะไร คิดเรื่องของตัวเองเงียบๆ ครรภ์ที่สามมาถึงแล้ว ทำให้นางรับมือไม่ทัน
ยังต้องหาวิธีการพูดกับเจ้าห้าอีก วันนี้เขาคัดค้านขนาดนั้น คาดว่าคงไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
มีเสียงกรนเบาๆดังขึ้น ก้มลงไปดู สองพี่น้องถึงกับหลับไปแล้ว ยังเป็นการนั่งหลับด้วย ไม่มีที่พิง นอนหลับอย่างสบาย
หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก เรียกให้แม่นมมา อุ้มไปคนละหนึ่งคน ส่งพวกเขากลับไปยังห้อง
หยวนชิงหลิงมองใบหน้านอนหลับของพวกเขา ก็รู้สึกง่วงขึ้นมาบ้างแล้ว จึงได้นอนลงข้างกายของพวกเขาทั้งที่ไม่ได้เปลี่ยนชุด นอนไปพร้อมกับพวกเขา
วันนี้หยู่เหวินเห้าไปที่กรมทหาร ให้คนไปเรียกใต้เท้าเซวียนผู้ดูแลฝ่ายพาหนะมาเข้าพบ กลับได้รับรายงานว่าวันนี้ใต้เท้าเซวียนลาหยุด และจะลาหยุดติดต่อกันเป็นเวลาเจ็ดวัน
หยู่เหวินเห้ารู้สึกโมโหอยู่บ้าง “ลาหยุดทำไมไม่บอกล่วงหน้า ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าชายแดนจะมีการเคลื่อนย้ายรถรบ ทำไมเขาไม่จัดการเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วค่อยลา รอให้เขากลับมาหลังผ่านไปเจ็ดวัน เช่นนั้นเวลาก็ช้ามากแล้ว”
ขุนนางในฝ่ายพาหนะรีบเดินเข้ามา รายงานอย่างตื่นตระหนกว่า “องค์รัชทายาทโปรดใจเย็น ที่บ้านของใต้เท้าเซวียนเกิดเรื่องเร่งด่วนขึ้น ทำให้ต้องหยุดงานไป ส่วนเรื่องรถรบ ใต้เท้าเซวียนได้มอบหมายให้ข้าน้อยจัดการแทน ข้าน้อยจะทุ่มเทความสามารถทั้งหมด ทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด”
หยู่เหวินเห้าค่อยคลายอารมณ์ลงไปได้บ้าง ถามว่า “ที่บ้านของใต้เท้าเซวียนเกิดเรื่องเร่งด่วนอะไรขึ้น”
ขุนนางฝ่ายพาหนะมีสีหน้าไม่สบายใจ “คือ คือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“เกิดอะไรขึ้น”หยู่เหวินเห้าจัดระเบียบม้วนหนังสือบนโต๊ะ เห็นเขาพูดจาอึกๆอักๆ จึงถามขึ้นอีกครั้ง
“คือฮูหยินของใต้เท้าเซวียนให้กำเนิดลูก”
“ให้กำเนิดลูกเป็นเรื่องดี ทำไมจึงบอกว่าเป็นเรื่องไม่ดี”หยู่เหวินเห้าพูด
ขุนนางฝ่ายพาหนะถอนหายใจหนึ่งเสียง “เดิมทีก็เป็นเรื่องดี แต่ให้กำเนิดในเวลากลางคืน เด็กไม่กลับหัวคลอดยาก อันตรายต่อแม่และลูก”
หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “อันตรายทั้งแม่และลูกหรือ”
“ใช่แล้ว เด็กคนนั้นสุดท้ายก็คลอดออกมาได้ เป็นเด็กผู้ชาย ใต้เท้าเซวียนไหนเลยจะทนรับเรื่องสะเทือนใจนี้ได้ เมื่อคืนร้องไห้ทั้งคืน แต่เพราะมีภารกิจสำคัญรัดตัว ยังให้ข้าน้อยไปพบดึกดื่น ได้มอบหมายสั่งงานเรื่องรถรบ”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกเย็นวาบในใจ ผู้หญิงคลอดลูก เป็นการเดินผ่านประตูนรกจริงๆ ตอนที่ยายหยวนคลอดพวกเด็กๆ ทำให้เขาตกใจอย่างสุดขีด อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าสงสารขึ้นมาหลายส่วน พูดว่า “เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่งของข้า ให้เขาจัดการเรื่องงานศพของฮูหยินให้เรียบร้อยก่อน ไม่ต้องรีบร้อนกลับมา ให้เขาหยุดพักหนึ่งเดือน จำงานให้สมฐานะด้วย”
“ข้าน้อยขอขอบพระทัยในพระเมตตาของพระองค์แทนใต้เท้าเซวียนด้วย”ขุนนางฝ่ายพาหนะรีบคุกเข่าโขกหัวคำนับทันที องค์รัชทายาทช่างมีจิตใจเมตตาอาทรจริงๆ
ให้เขาออกไปแล้ว หยู่เหวินเห้าก็นึกถึงปัญหาที่ปรึกษากับยายหยวนวันนี้ แผ่นหลังมีเหงื่อเย็นผุดออกมาอย่างไร้สาเหตุ จะต้องการลูกสาวอะไรกัน พวกเราจะไม่ยอมเสี่ยงอันตรายนี้อย่างเด็ดขาด
เขาทำงานเสร็จแล้ว กลับไปอยู่เป็นเพื่อนเมียและลูกที่จวนเร็วมาก
ตอนกลางวันหยวนชิงหลิงได้นอนกลับไปพร้อมกับเจ้าแฝดครู่หนึ่ง สภาพจิตใจไม่เลว และได้ปลูกต้นท้อในสวนพร้อมกับแม่นมฉีไปหลายต้น
เรื่องนี้ที่จริงไม่ต้องให้นางลงมือเอง แต่พวกลูกๆชอบกินลูกท้อ ในเมื่อนางเองก็มีแต่ความคิดที่รบกวนจิตใจ ทางที่ดีคือออกมาทำงานสักหน่อย เพื่อให้จิตใจสงบลง
หลังจากปลูกต้นท้อแล้ว นางก็เข้าครัวไปช่วยแม่ครัวทำกับข้าว ตุ๋นน้ำแกง รอเจ้าห้ากลับมากิน
พวกลูกๆชอบกินโจ๊ก และชอบกินขนมแป้งนึ่ง นางจึงทำพร้อมกัน นึกขึ้นได้ว่า นางแทบจะไม่ได้ทำอาหารให้กับเจ้าแฝดเลย เพียงแต่ขนมนึ่งนี้นึ่งออกมาได้ไม่ค่อยเหมือนที่คิดนัก น้ำมากเกินไป คีบไม่ได้ด้วยซ้ำ
นางรู้สึกผิดหวังมาก นางค่อนข้างรู้สึกผิด เดิมทีคิดอยากจะทำของที่ลูกๆชอบกิน คิดไม่ถึงว่าจะทำไม่สำเร็จ
พวกลูกๆต่างก็ชอบกินของจำพวกไก่ทอด เอาอย่างนี้ ทำไก่ทอดแล้วกัน
เก็บอารมณ์ ให้แม่ครัวไปฆ่าไก่ ล้างสะอาดและผ่านการหมักแล้ว ก็ตั้งน้ำมันเดือดๆหนึ่งกระทะ เอาไก่ที่ผ่านการหมักแล้วลงไปทอดในกระทะ
ชาติที่แล้วไม่ค่อยได้ทำอาหารประเภททอดสักเท่าไหร่ หลังจากแต่งงานกับเจ้าห้า งานบ้านยิ่งทำน้อยลง ให้นางผัดอาหารไม่กี่อย่างยังพอทำได้ งานใหญ่ขั้นตอนเยอะอย่างการทอดไก่ นางควบคุมไม่ค่อยอยู่ ปล่อยไก่ลงไปในกระทะ น้ำมันก็กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทำเอานางตกใจจนรีบถอยหลังไป
แม่นมฉียิ้มเดินเข้าไปข้างหน้า “พระชายารัชทายาท ให้ข้าน้อยทำดีกว่า ”
“ไม่ ไม่เป็นไร ข้าทำเอง”หยวนชิงหลิงถือฝาหม้อเอาไว้ เห็นในหม้อน้ำมันมีน้ำมันกระเด็นแล้ว ก็ไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อพลิกไก่ทอด เห็นหนังไก่ที่เริ่มมีสีเหลืองเปลี่ยนเป็นสีแดงดำขึ้นมา นางก็นิ่งอึ้ง รีบตักขึ้นมาอย่างตกใจทำอะไรไม่ถูก วางไว้บนจานให้เย็น
แต่ทว่า เพิ่งจะวางไว้บนจานได้ไม่นาน ก็เห็นตรงตูดไก่มีเลือดไก่ไหลออกมา แม่นมฉีตกใจจนตาค้าง “พระชายารัชทายาท ไก่นี้ยังไม่สุก”
หยวนชิงหลิงรู้สึกพ่ายแพ้ รู้สึกว่าตัวเองยุ่งมาทั้งวัน แต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง อยากจะทำของกินให้ลูกๆ ของอร่อยสักอย่างก็ทำออกมาไม่ได้
นางนั่งอยู่ใต้ระเบียงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี มองดูรอยเปื้อนโคลนตรงชายกระโปรง นางตั้งครรภ์ลูกคนนี้แล้ว จึงรู้สึกว่าตัวเองปฏิบัติต่อเจ้าแฝดได้ไม่ดีนัก วันนี้ทำกับข้าวให้พวกเขา ก็มาจากใจที่อยากจะชดเชย นางไม่ใช่แม่ที่ดีคนหนึ่งจริงๆ
ตอนนี้ตั้งครรภ์ท้องที่สามแล้ว ใจนางก็ยิ่งรู้สึกลังเล
หลังจากที่หยู่เหวินเห้ากลับมาแล้ว ไปหานางที่ตำหนักเซี่ยวเยว่แต่ไม่พบ พอถามก็ได้รู้ว่านางเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง ก็ยิ้มออกมา เดินไปหานางที่ห้องครัว
กลับเห็นนางนั่งอยู่ตรงใต้ระเบียงห้องครัว เนื้อตัวมอมแมมเลอะเทอะ กระทั่งมีท่าทีของความพ่ายแพ้ ก็อดหัวเราะไม่ได้ คิดในใจว่าคงจะทำกับข้าวได้ไม่ดีแน่ๆ จึงได้เผยสีหน้าเช่นนี้ออกมา
หยวนชิงหลิงได้ยินแม่ครัวเรียกองค์รัชทายาท นางรีบเงยหน้าขึ้นมามอง เก็บอาการผิดหลังบนใบหน้า แสร้งยิ้มออกมา “กลับมาแล้วหรือ”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปดึงนางขึ้นมา ตบเบาๆไปที่หลังกระโปรงของนาง “ทำไมจึงได้สกปรกเช่นนี้”
“ปลูกต้นลูกท้อ ยังคิดจะทำอาหารให้พวกท่านสักหน่อย ปรากฏว่าล้มเหลวแล้ว”หยวนชิงหลิงยิ้มขม มองเขา “รู้สึกตัวเองไร้ประโยชน์จริงๆ”
“ทำไมจึงว่าตัวเองเช่นนี้ เจ้ามีวิชาแพทย์สูงส่ง ช่วยคนไว้ตั้งเท่าไหร่ เรื่องทำกับข้าวมีแม่ครัว เจ้าน่ะ ก็แค่อยู่เสพสุขก็พอแล้ว”หยู่เหวินเห้าดึงมือของนางเดินออกไป พูดกับนางด้วยเสียงอบอุ่น หัวใจของหยวนชิงหลิงเป็นกังวลในเรื่องนี้ จิตใจหม่นหมองให้เขาจูงเดินไปตามใจ
อากาศหนาวขึ้นมาบ้างแล้ว เขาดึงมือนางเอาไว้ ยัดเข้าไปในเสื้อของตัวเอง แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบาย จึงกอดนางเข้ามาไว้ในอ้อมอก พอออกมาก็เห็นทังหยางเดินเข้ามา เขาจึงเรียกทังหยางมา พูดกับเขาว่า “เข้าเตรียมเงินช่วยงานศพไว้ส่วนหนึ่ง ส่งไปที่จวนของใต้เท้าเซวียนผู้ดูแลฝ่ายพาหนะด้วยตนเอง เขาสูญเสียภรรยาไปแล้ว เจ้าปลอบใจเขาสักหน่อย การปลอบใจคน เป็นสิ่งที่เจ้าถนัดมาแต่ไหนแต่ไร”
ทังหยางนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “ใต้เท้าเซวียน ฮูหยินของนางตั้งครรภ์มิใช่หรือ ทำไมจึงตายแล้ว”
“เห็นว่าคลอดยาก หนึ่งศพสองชีวิต น่าอนาถแท้”หยู่เหวินเห้ารู้สึกเห็นใจมาก รู้สึกว่าสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในใต้หล้านี้ไม่มีอะไรเกินเรื่องนี้แล้ว ฮูหยินตายแล้ว ลูกก็ตายแล้ว เหลือแค่ตัวเองที่ต้องเป็นหม้าย ชาตินี้คงไม่มีทางเบิกบานใจได้
หยวนชิงหลิงกำลังชั่งใจว่าจะพูดเรื่องตั้งครรภ์กับเขา ได้ยินคำพูดนี้ หัวใจนางก็เย็นวาบขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกลืนคำพูดที่ติดอยู่ตรงมุมปากกลับเข้าไป
ใต้เท้าเซวียนคนนี้นางไม่เคยพบ แต่ตอนที่เจ้าห้ารับอำนาจในการควบคุมกรมทหารเคยเอ่ยถึงเขาหลายครั้ง บอกว่าใต้เท้าเซวียนคนนี้เป็นคนอายุน้อยที่มีผลงานโดดเด่น สามารถฝึกฝนให้เป็นผู้มีความสามารถได้ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นคนที่ตัวเองรู้จัก และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสามี หัวใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง