บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1205 ข้าไม่กลัวนาง
ท่านชายสี่เหลิ่งนิ่งอึ้ง ไฉนจึงลืมไปว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ว่าเพิ่งจะพัฒนาขึ้นในช่วงสองปีนี้เอง
ได้ในสิ่งที่คิดแล้ว หยู่เหวินเห้าก็กลับไปที่จวน ฝีเท้าว่องไวเดินไปทางตำหนักเซี่ยวเยว่ ฉี่หลอบอกกับเขาว่า พระชายารัชทายาทอยู่ที่ห้องบัญชี วันนี้ในหมู่บ้านได้ส่งบัญชีมา พระชายารัชทายาทจะตรวจบัญชี
หยู่เหวินเห้าหัวใจไหววูบ ตอนนี้ในบ้านยังมีเงินอยู่เท่าไหร่ เขาไม่รู้เลยจริงๆ ฉวยโอกาสที่ยายหยวนกำลังตรวจสอบบัญชี อย่างไรเสียก็ต้องทำความเข้าใจกับนางให้ละเอียดก่อน เงินที่ใช้สำหรับศึกษาพัฒนาอาวุธ ถ้าหากให้น้องเขยออกทั้งหมด ใจเขาก็รู้สึกไม่เหมาะสม ถ้าหากจวนของตนเองมีเงินเพียงพอ ก็สามารถออกเงินได้ส่วนหนึ่ง
คิดได้แล้ว ก็ไปชงชาเก๋ากี้ด้วยตนเองหนึ่งแก้วส่งไปที่ห้องบัญชี
ทังหยางก็อยู่ด้านใน ได้ทำการตรวจสอบก่อนหนึ่งรอบค่อยส่งให้หยวนชิงหลิงตรวจให้แน่ใจ ในห้องบัญชีมีบัญชีวางไว้กองใหญ่ สามเดือนที่ไม่ได้ทำการตรวจบัญชีแล้ว ฉะนั้นจึงกองเต็มโต๊ะไปหมด
“กลับมาแล้วหรือ”เห็นหยู่เหวินเห้าเดินเข้ามา หยวนชิงหลิงก็วางบัญชีลง นวดดวงตาที่รู้สึกล้า
“เหนื่อยแล้วกระมัง ดื่มชาก่อน”หยู่เหวินเห้ารีบส่งชาเก๋ากี้ให้ทันที เดินอ้อมไปทางด้านหลังของนาง ค่อยๆบีบนวดที่ไหล่
ทังหยางพูดยิ้มๆว่า “พระองค์ พินอบพิเทาเช่นนี้ เกรงว่าจะมีจุดมุ่งหมายกระมัง”
หยู่เหวินเห้ากลอกตาให้เขาแวบหนึ่ง “ทำดีกับเมียหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร”
“ย่อมได้ ”ทังหยางส่งบัญชีที่ผ่านการดูแล้วไปตรงหน้าหยวนชิงหลิง พูดว่า “พระชายารัชทายาทถ้าหากเหนื่อยแล้ว ก็พักก่อน พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ”
หยวนชิงหลิงตอนนี้นั่งนานไม่ได้ จึงพยักหน้า “ได้ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ก็ดูแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยตรวจส่วนที่เหลือต่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ”คนทำบัญชีตอบรับหนึ่งเสียง
หยู่เหวินเห้านั่งลงหยิบบัญชีขึ้นมาอ่านครู่หนึ่ง ข้างในมีการจดบันทึกอยู่เต็มไปหมด พอดูแล้วเขาก็รู้สึกเวียนหัวตาลายขึ้นมาทันที รีบปิดบัญชีลง ถามว่า “ปีนี้รายได้ไม่เลวกระมัง”
“พอใช้ได้ หมู่บ้านมีรายได้ แต่ว่าไร่นาก่อนการเก็บเกี่ยว ได้ถูกน้ำท่วม ค่าเช่าที่นาคงเก็บไม่ได้ กำลังจะปรึกษากับท่านอยู่พอดี ส่งคนไปดูสถานการณ์เสียหน่อย ถ้าหากไม่มีการเก็บเกี่ยวจริงๆ ค่าเช่าก็คงจะไม่สามารถเก็บได้ ”
“เรื่องนี้ให้ทังหยางหาคนไปจัดการก็พอ”หยู่เหวินเห้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้
“ได้ ประเดี๋ยวข้าจะหาคนไปดู ที่นาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของพวกเรา ปีที่ผ่านมาแทบจะไม่ถูกท่วมมาก่อน”ทังหยางจับตาดูอย่างดี จะหลอกลวงเขานั้นไม่ง่าย
คนทำบัญชีที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “ปีนี้เคยท่วมแล้ว ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อยู่ต้นน้ำของแม่น้ำหวย ตอนที่เกิดอุทกภัยน้ำได้หลากเข้าไป ทำให้คันกั้นน้ำขาด ตอนที่คันกั้นน้ำขาดนั่นเอง น้ำก็หลากเข้าท่วมที่นาของจวนอ๋อง แต่ว่าที่บริเวณของอ๋องฉีนั้นท่วมไม่ถึง นับว่าเป็นโชคดีก็ว่าได้”
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าที่ดินที่ได้รับการจัดสรรของตัวเองอยู่ห่างจากน้องเจ็ดไม่มากนัก ที่นาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เสด็จพ่อประทานให้หลังจากที่สู้รบชนะ เป็นที่นาที่อุดมสมบูรณ์ ภายหลังฮองเฮาก็ได้ไปขอให้ฮ่องเต้ประทานให้น้องเจ็ดบ้าง
“ใต้เท้าทัง ท่านส่งคนไปดู ตลอดแนวทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ลงไป ดูสถานการณ์อุทกภัย ”หยู่เหวินเห้าพูด
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าจะส่งคนไปทันที”ทังหยางพูดจบ ก็หมุนตัวเดินออกไป
หยู่เหวินเห้าเห็นหยวนชิงหลิงดื่มชาเก๋ากี้หมดแล้ว จึงยื่นหน้าเข้าไปหอมนางหนึ่งที คนทำบัญชีเห็นดังนั้น ก็รีบลุกขึ้นกล่าวลาทันที แอบยิ้มแล้วเดินออกไป
เห็นในห้องไม่มีใครแล้ว หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “ยายหยวน ตอนนี้บ้านเรามีเงินอยู่เท่าไหร่”
หยวนชิงหลิงเอาสมุดบัญชีมาซ้อนกันไว้ ใช้ความคิด “ที่สามารถใช้ได้น่าจะมีสักหนึ่งล้านตำลึงกระมัง ได้ทำการเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง ใช้สำหรับยามคับขัน ทำไมหรือ ต้องการใช้เงินหรือ”
“อืม ทำงานบางอย่างกับท่านชายสี่เหลิ่ง คาดว่าต้องใช้จ่ายเงินอยู่บ้าง”
“ทำการค้าหรือ”หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึง เงยหน้าขึ้นมองเขา
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า ดึงมือของนางมากุมเอาไว้และพูดว่า “ไม่ใช่ทำการค้า เงินนี้เอาออกไปแล้ว ก็ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้อีก คาดว่าต้องใช้สองสามแสนตำลึง”
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจเย็นๆเฮือกหนึ่ง “มากขนาดนี้เชียว ไม่ใช่การทำการค้า แล้วท่านจะเอาเงินมากมายไปทำอะไรกัน ”
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ปิดบังนาง “อืม ก็เรื่องอาวุธพวกนั้น เสด็จพ่อไม่เห็นด้วย และตัวข้าเองก็รู้สึกว่าไม่ควรให้ทางกรมทหารเป็นผู้ดูแลการสร้างอาวุธ ฉะนั้นคิดแล้ว จึงได้ทำเรื่องนี้กับท่านชายสี่เหลิ่งกันตามลำพัง แต่คาดว่าเงินที่ต้องลงทุนนั้นไม่น้อย หลิงเอ๋อตกลงจะยืมให้ข้าส่วนหนึ่ง แต่ข้าคิดว่าอย่างไรเสียจะให้พวกเขาสองสามีภรรยาออกฝ่ายเดียวไม่ได้ คิดว่าพวกเราก็ควรออกบ้าง”
หยวนชิงหลิงได้ยินว่าเป็นเรื่องนี้ ก็ตอบตกลง พูดว่า “เช่นนั้นก็ได้ รอให้ท่านจัดการเสร็จแล้ว ถึงเวลาต้องการเงิน ข้าจะเอาให้ท่าน”
“จริงหรือ สองสามแสนตำลึงเชียวนะ เจ้าตอบตกลงง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ”หยู่เหวินเห้าเดิมทีคิดว่านางจะไม่เห็นด้วย เพราะปกติแล้วขอเงินค่าขนมมากหน่อย นางยังไม่ยอมเลย
หยวนชิงหลิงมองสีหน้าตกตะลึงของเขา ก็พูดยิ้มๆว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ของประเทศชาติ ข้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เงินต้องใช้จ่ายในเรื่องที่สำคัญและจำเป็น นี่เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น”
“เจ้าช่างดีจริงๆ”หยู่เหวินเห้าหอมไปที่แก้มของนางแรงๆหนึ่งที สายตาเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง เมียที่เข้าใจและมีเหตุผลเช่นนี้ จะไปหาได้จากที่ไหน
ทั้งสองจูงมือกันเดินออกไป ตอนนี้ในจวนยังไม่มีใครรู้ว่านางตั้งครรภ์ เรื่องอาหารการกินนางเฝ้าระวังด้วยตัวเอง มีข่าวลืออยู่ข้างนอก ถ้าหากยังประกาศว่านางตั้งครรภ์อีก เกรงว่าคลื่นลมครั้งนี้จะก่อความสับสนวุ่นวายอีกนาน
“ทางด้านทะเลสาบจิ้ง เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“ช่วงไม่กี่วันมานี้รู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง จึงปล่อยไว้ก่อน แต่น่าจะมีช่องโหว่แล้ว ไร้รับสิ่งของที่พี่ชายส่งมาไม่ขาดสายเลย”
“เหนื่อยหรือ เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ไม่ต้องตรวจบัญชีแล้ว มอบให้ทังหยางทำเถอะ”หยู่เหวินเห้าพูด
“จะให้มอบทุกเรื่องให้ใต้เท้าทังคนเดียวได้อย่างไร เขาก็เหนื่อย ใช่แล้ว ทางด้านโรงหมอหุ้ยหมิงเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ได้ปรึกษากับเสด็จพ่อหรือไม่”เมื่อเทียบกับเรื่องอาวุธ หยวนชิงหลิงเป็นห่วงเรื่องของประชาชนมากกว่า
“พูดแล้ว ”สีหน้าของหยู่เหวินเห้าขรึมลง “คิดไม่ถึงว่าเสด็จพ่อจะยินยอมพร้อมใจให้เสด็จป้าทำเช่นนี้ ภายนอกนั้นเขาอยากจะปฏิวัติ แต่เกรงว่าจะเป็นการกระทบต่อภาครวมทั้งหมด ทำให้ท้องพระคลังไม่สามารถประคับประคองได้ ตอนนี้ร้านยาราคาสูง การเก็บภาษีก็สูง สำหรับราชสำนักแล้วยังเป็นผลประโยชน์ชั่วคราว ถ้าหากเพิ่มโรงหมอหุ้ยหมิง และมีราชสำนักเป็นคนออกกฎหมายเพื่อไปกดราคาของโรงหมอและร้านยาให้ต่ำลง เขาไม่เห็นด้วย นี่เป็นความคิดของเขา ”
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ แต่ที่ว่าได้ประโยชน์นี้ สุดท้ายทุนก็ต้องตกไปเป็นภาระของประชาชนอยู่ดี ”
“ใช่ เขาคิดว่าถ้าหากเพิ่มโรงหมอ จะทำให้ราชสำนักมีภาระมากเกินไป ไม่สามารถรักษาสมดุลของรายได้กับค่าใช้จ่าย สุดท้ายราชสำนักต้องเป็นฝ่ายอุดหนุนเอง”
หยวนชิงหลิงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ให้สิ้นสุดเช่นนี้หรือ เช่นนั้นการสร้างโรงเรียนแพทย์ จะมีความหมายอะไร ตอนแรกที่ข้าสร้างโรงเรียนแพทย์ขึ้นมา เสด็จพ่อก็เห็นด้วยนี่นา”
“ข้าจะลองหาวิธีการดู สร้างหมอออกมาแล้ว ต้องมีประโยชน์แน่นอน เจ้าอย่ากังวล ”หยู่เหวินเห้ารู้ว่านี้เป็นเลือดเนื้อและจิตใจที่นางทุ่มเทไปในหลายปีมานี้ ลงทุนเงินทองไปไม่น้อย ตอนแรกที่เสด็จพ่อเห็นด้วย เพราะไม่คิดว่านางจะสามารถอบรมสั่งสอนหมอออกมาได้ภายในสองสามปีนี้
หยวนชิงหลิงครุ่นคิด “ถ้าหากว่า ไม่สามารถเพิ่มโรงหมอได้ เช่นนั้นหมอจากโรงเรียนแพทย์ออกมาตั้งโรงหมอเองเล่า หรือบางที ข้าออกทุนเปิดโรงหมอ ว่าจ้างหมอเหล่านั้นมาทำงาน ไม่จำเป็นต้องหาเงินได้มากมาย ขอเพียงทำให้รายรับกับรายจ่ายสมดุลกันก็พอ เจ้าห้า เรื่องใหญ่ของประชาชนเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ต้องแก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าไม่รู้ว่าตอนนี้ราคาของโรงหมอสูงแค่ไหน เสด็จพ่อเองคาดว่าก็คงไม่รู้ ได้แต่คิดว่าประชาชนยังคงแบกรับได้อยู่ ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้ ครุ่นคิดขึ้นมาเล็กน้อย “เช่นนั้นก็ต้องคิดหาวิธี ให้เสด็จพ่อรู้ ส่วนเรื่องที่เจ้าจะเปิดโรงหมอไม่ใช่จะทำไม่ได้ เพียงแต่เกรงว่าเสด็จป้าจะหาเรื่องยุ่งยากให้เจ้าไม่หยุด และท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาอยู่ดี”
“ข้าไม่กลัวนาง”หยวนชิงหลิงพูด