บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1211 จู่ก็ดุร้ายขึ้นมา
ใต้เท้าฟางกลับส่ายหัว ยิ้มหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมพูดขึ้นว่า “คนส่วนมากคิดเช่นนี้ แต่ก็จะมีคนบางส่วน ไม่อยากรับเงินที่มาจากการกระทำผิด กลัวจะทำให้ลูกหลานเดือดร้อน นี่เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรม โหราศาสตร์การแพทย์ คนเป็นหมอ มีคนมากมายล้วนเชื่อในพรหมลิขิต เชื่อเวรกรรมตามสนอง หลายปีก่อนจื๋อลี่ก็มีโรงหมอกับโรงผลิตยาไม่ยอมโก่งราคาเหมือนนาง แต่ไม่ถึงหนึ่งเดือน โรงหมอกับโรงผลิตยาพวกนั้น ถ้าไม่มีคนตายร้านก็ถูกไฟไหม้ ถึงแม้ไม่มีหลักฐานว่าองค์หญิงฮุ่ยผิงเป็นคนทำ แต่คนในวงการนี้ ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ องค์หญิงฮุ่ยผิงต้องการที่จะครอบครองกิจการทั้งหมด จะไม่ให้ผู้ใดกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อเจตจำนงของนาง ดังนั้น นานๆไป ก็ไม่มีใครกล้าเดือดร้อนอีกแล้ว”
ส่ายตาหยวนชิงหลิงแผดเผาไปด้วยความโกรธเคือง เงยหัวมองดูทังหยางพร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้เจ้าก็ไหม?”
ทังหยางส่ายหัว พร้อมพูดว่า “ไม่รู้”
“สืบไม่ได้หรือ?”
ทังหยางครุ่นคิดว่า พร้อมพูดขึ้นว่า “น่าจะได้ กระหม่อมสั่งคนไปสืบดู”
ถึงแม้จะเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน แต่หากมีคนตาย และไฟไหม้ร้านค้ากับโรงงาน ก็จะต้องมีคนจำได้แน่ สืบความอาจจะค่อนข้างยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ยังไงครอบครัวผู้ที่ถูกกระทำอย่างอยู่ พวกเขาจะต้องรู้เรื่องภายในอยู่บ้างแน่
“เรื่องนี้เกิดขึ้นในจื๋อลี่ จื๋อลี่ก็คือรังโจรของท่านชายสี่ ให้ท่านชายสี่สั่งคนไปสืบดู” อะซี่พูดขึ้น
“งั้นใต้เท้าทังไปจวนท่านชายสี่ด้วยตนเอง เล่าเรื่องนี้ให้ท่านชายสี่ฟัง ต้องรวดเร็ว” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“ได้ขอรับ” ทังหยางพูดเสร็จ ยกมือขึ้นประสานแล้วก็รีบไป
หยวนชิงหลิงเรียกคนทำบัญชีมา ดูราคาของยาพวกนี้ จากนั้นก็กำหนดราคาขึ้นมาหนึ่งฉบับ หลังจากกำหนดราคาแล้ว ก็เทียบกับร้านยาโรงหมอของฮุ่ยผิง ดูว่าถูกกว่าเท่าไหร่
นางพูดกับคนทำบัญชีกับใต้เท้าฟางว่า “คืนนี้พวกเจ้าทำงานล่วงเวลาอยู่ที่นี่ กำหนดราคาให้ได้ก่อน พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำอีกเยอะ”
“ขอรับ” ทั้งสองคนตอบรับ
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมา ยืดเอวเดินออกมา ท่าทีเหมือนอะซี่มาก นางขุ่นเคืองใจไปหนึ่งรอบ แล้วก็นั่งลงอย่างปวดเอวปวดหลัง คราวนี้ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองก็เป็นคนท้อง
เพียงแต่ ปกตินางไม่อารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้ ตั้งครรภ์ครั้งนี้ แม้แต่อารมณ์ก็ฉุนเฉียวง่ายขึ้นมา ต่อไปนางคงไม่คลอดลูกออกมาเป็นเด็กหุนหันพลันแล่นมั้ง?
“พี่หยวน ทำไมเจ้าจะต้องเกลียดชังองค์หญิงฮุ่ยผิงขนาดนี้?” สำหรับอะซี่เห็นว่า ถึงแม้องค์หญิงฮุ่ยผิงจะน่าชิงชัง แต่อย่างน้อยองค์หญิงฮุ่ยผิงก็ดีกว่าคนที่คิดจะทำร้ายพี่หยวนมั้ง? ยังไงก็ไม่ได้ทำร้ายนางโดยตรง คนพวกนั้นล้วนเคยลอบฆ่าพี่หยวน
หยวนชิงหลิงมองดูกิ่งไม้แห้งในลาน หลังจากเปลี่ยนฤดู ภายในลานก็ยากที่จะมองเห็นสีเขียว ความโศกเศร้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้จิตใจก็ยิ่งหม่นหมองไปด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่ บนโลกใบนี้ จะมีคนบางประเภทที่มีลักษณะพิเศษ อย่างเช่นหมอ อย่างเช่นทหาร คนเป็นหมอ ก็ต้องมีจิตที่ต้องการรักษาคนช่วยชีวิตคน จะเห็นแก่ผลประโยชน์อย่างเดียวไม่ได้ คนมากมายอาจจะพูดว่า หมอก็เป็นคน หมอก็โลภในทรัพย์สินเงินทองได้ ใช่ สามารถทำได้ แต่สุภาพบุรุษที่โลภในเงินทองก็จะต้องหามาอย่างถูกต้อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมอที่ต้องช่วยชีวิตคน เปิดโรงหมอก็ดี เปิดร้านขายยาก็ดี ต่างก็มีผลกำไร แต่มีความจำเป็นที่จะต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ก่อนชีวิตคนหรือ? ผลประโยชน์จะต้องสูงขนาดนี้เลยหรือ? เพื่อผลประโยชน์แล้ว ไม่สนใจความเป็นความตายของผู้ป่วย ลืมความทุกข์ยากลำบากของประชาชน คนอยู่บนโลก ทุกคนไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บป่วย บนโลกนี้ มีคนที่สามารถควักเงินเพื่อจ่ายยารักษาได้อย่างสบาย แต่มีประชาชนยากจนมากมายที่ไม่มีเงินจ่าย โรคบางอย่าง ต้องทานยานานเป็นปี ไม่มีปัญญาหายามาทานก็ต้องตาย ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราสุขสบายขนาดนี้ แต่เจ้าเคยคิดถึง มีบางคนที่เป็นกังวลอยู่ทุกวันว่า พรุ่งนี้ ไม่มีเงินซื้อยาแล้วจะตายไหม? ฮุ่ยผิงสมควรตาย อะซี่ หากมีเทพเจ้าจริง ก็ควรที่จะให้นางได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกเช่นนี้บ้าง”
นางพูดเช่นนี้ กับอารมณ์ที่หดหู่ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะตอนนี้ทั้งหมด แต่เป็นยุคสมัยที่นางมีชีวิตอยู่มากกว่า ครอบครัวเช่นนี้มีเยอะมาก
นางเป็นหมอ คนอื่นสามารถพูดอะไรก็ได้ โศกเศร้าได้ แต่นางไม่สามารถปล่อยวางได้
อะซี่ฟังแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าใจทั้งหมด แต่ในใจก็พอเข้าใจบ้างแล้ว
หยู่เหวินเห้ากลับมาตอนกลางคืน ทังหยางรายงานเรื่องนี้ก่อนแล้ว หยู่เหวินเห้ากลัวเจ้าหยวนจะโกรธจนเสียสุจภาพ จึงรีบกลับไปพูดกล่อม
แต่หยวนชิงหลิงสงบจิตสงบใจได้ทั้งหมดแล้ว ในเมื่อนางมีแผนการ ต่อไปก็แค่ดำเนินการก็พอแล้ว
ดังนั้นนางจึงเล่าแผนการให้หยู่เหวินเห้าฟัง หยู่เหวินเห้าฟังแล้ว ก็พูดชื่นชมว่า “เจ้าหยวน เป็นความคิดที่ดีมาก ให้นางเปิดโรงหมอ แล้วก็ไม่มีผู้ป่วยมารักษา”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มโรงหมอ พวกเราจึงต้องทำเอง เสด็จพ่ออาจจะโกรธ เจ้าต้องเตรียมการคุยกับเขาก่อน”
“เจ้าพูดกับฮู่เฟยแล้วไม่ใช่หรือ? ให้เสด็จพ่อออกจากวังมาสักครั้ง ขอเพียงทำตามแผนการของข้า เสด็จพ่อก็จะสามารถรับรู้ถึงความทุกข์ยากของประชาชน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แผนการของเจ้า ชั่วร้ายไปหน่อย”
“อืม จะถูกฟ้าผ่าเอาได้ ข้าจะต้องกอดหมอหญิงของพวกเราไว้ให้แน่น ยังไงเจ้าก็ช่วยชีวิตคนมานับไม่ถ้วน มีบุญบารมีค้ำชู” เข้าพูดพร้อมกับกอดหยวนชิงหลิงไว้ แล้วก็จูบที่แก้มของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่โกรธแล้ว ดีไหม?”
ในหัวสมองหยวนชิงหลิงมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “หากครั้งนี้ข้าล้มนางไม่ได้ ข้าก็จะจ้างนักฆ่าไปฆ่านาง”
“อ๋า?” หยู่เหวินเห้าอึ้ง นิ่งจ้องมองดูนาง
หยวนชิงหลิงเองก็อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เพย ข้าจะใช้วิธีเช่นนี้ได้อย่างไร……โอ้พระเจ้า แต่อยากทำมากจริงๆ ตอนนี้ข้าก็อยากที่จะไปฆ่านางแล้ว”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปแตะที่หน้าผากของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไข้หรือ?”
“เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ” หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมา รู้สึกร้อนไปทั้งตัว วันนี้ก็มีความรู้สึกแล้ว แต่นางคิดว่าตนเองโกรธโมโหจนเลอะเลือน พยายามที่จะระงับไฟนี้ไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า ข้าไม่รู้ว่าเป็นเพราะองค์หญิงฮุ่ยผิงทำให้โกรธหรือเปล่า วันนี้ข้าคิดแต่ว่าจะไปทำอย่างไรกับนาง แก้แค้นนาง ให้นางได้รับกรรมตามสนอง ตอนนี้ข้าถึงขั้นคิดอยากที่จะใช้มีดตัดเนื้อบนตัวนางออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วก็ใช้ปิ่นปักผมแทงตาของนาง ยังไม่ให้หมอไปช่วยชีวิตนาง ให้นางเสียเลือดจนตาย……”
สายตาหยู่เหวินเห้าฉายแววเป็นกังวล ลุกขึ้นมาจับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าโกรธจนเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ ไม่โกรธ ไม่ต้องไปโกรธโมโหนาง นางจะต้องถูกเจ้าทำให้ครอบครัวล่มจม เจ้าวางใจเถอะ”
“ไม่ ต่อให้ตอนนี้นางไม่มีธุรกิจแล้ว แต่นางมีเงินมากมายขนาดนั้นแล้ว พอที่จะเลี้ยงนางไปหลายชั่วอายุคนแล้ว ครอบครัวของนางไม่มีทางล่มจม” สายตาหยวนชิงหลิงโกรธจัด
หยู่เหวินเห้ากอดนางไว้ พูดปลอบด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องคิดแล้ว เจ้าไม่ต้องคิดเรื่องเงิน เจ้าคิดดูสิลูกชายนางเยอะขนาดนี้ล้วนไม่ได้เรื่อง อยากให้ลูกของนางเป็นขุนนาง แต่ก็ไม่มีใครใช้ได้สักคน นางได้กำไรมาเยอะขนาดนี้ก็ต้องใช้จ่ายใช่ไหม? แค่ใช้จ่ายก็จ่ายหมดแล้ว”
หยวนชิงหลิงซบอกของเขา ฟังเขาพูดปลอบแต่ละประโยค ไฟโกรธในใจค่อยลดลงช้าๆ
หยู่เหวินเห้าประคองหลังของนาง ลูบอยู่อย่างเบา คนท้อง อารมณ์เป็นเหมือนดั่งเด็กจริงๆ เปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายๆ ตอนที่เข้าประตูมานางยังดีๆอยู่เลย บทจะร้ายก็ร้ายขึ้นมาเลย