บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1217 ไท่ซ่างหวงก็เป็นกษัตริย์ที่ชาญฉลาด
รอถึงตอนค่ำ หวงกุ้ยเฟยค่อยมาทูลฮ่องเต้หมิงหยวน เรื่องการเลือกพระสนม
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังแล้วก็โกรธอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เหลวไหล ไม่เลือกมาตั้งนานขนาดไหนแล้ว จะเลือกมาทำอะไร?”
หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้กลัวฮู่เฟยโกรธหรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง พร้อมขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เจ้าคิดเช่นนี้หรือ?”
“หากฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่หม่อมฉันที่คิดเช่นนี้ เป็นทุกคนในโลกต่างคิดเช่นนี้ ตอนนี้ฮ่องเต้รักใคร่ฮู่เฟยคนเดียว ทั้งวังหลังทั้งในราชสำนักต่างมีคนพูดถึง ตอนที่ฉินเฟยเสนอเรื่องนี้ หม่อมฉันยังส่งคนไปถาม ถึงรู้ว่าที่แท้ราชครูเหว่ยกับเหล่าขุนนางบางส่วน เสนอฎีกาให้ฮ่องเต้เลือกพระสนมแต่แรกแล้ว ฮ่องเต้ระงับเรื่องนี้มาตลอด”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกวาดสายตามองดูมู่หรูกงกง อย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง มู่หรูกงกงยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“ตอนนี้หวงกุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรที่จะพักผ่อน ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมากขนาดนี้ ปีนี้ไม่เลือกพระสนม ผ่านไปอีกหลายปีค่อยว่ากัน” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
หวงกุ้ยเฟยถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ คนภายนอกพูดว่าฮ่องเต้รักเดียวใจเดียว แต่จะพูดว่าฮู่เฟยอย่างไร? พระองค์กำลังทำให้ฮู่เฟยตกอยู่ในสภาพอย่างไร?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับนาง ใช่ว่าเจ้าไม่รู้นิสัยของข้า ก่อนที่นางยังไม่เข้าวัง ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับการเลือกพระชายาแล้ว”
หวงกุ้ยเฟยจ้องมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นด้วยความจริงใจว่า “ฮ่องเต้ หม่อมฉันรับใช้พระองค์มานาน ทำไมจะไม่รู้ล่ะ? ก่อนที่ฮู่เฟยจะเข้าวัง พระองค์ก็ดีกับหม่อมฉันมาก เอาหม่อมฉันเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะไม่เลือกพระสนม โชคดีที่หม่อมฉันไม่มีบุตร จึงไม่เป็นที่อิจฉาริษยาของคนอื่น แต่ฮู่เฟยไม่ใช่ ฮู่เฟยมีโอรส ตอนนี้ก็ยังตั้งครรภ์อีก หากฮ่องเต้รักนางจริงๆ ก็ไม่ควรที่จะให้นางด่าต่อว่าขนาดนี้ ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นระแวง ความรู้สึกที่คนทั่วทั้งวันเห็นเป็นศัตรูเช่นนี้ ไม่มีความสุข”
ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ยินเช่นนี้ ยิ่งขมวดคิ้วแน่น คิดๆดูแล้วก็พูดว่า “เรื่องนี้ค่อยคุยกันเถอะ อย่าเพิ่งตัดสินใจทำอะไร”
“งั้นฮ่องเต้ลองไปคุยกับฮู่เฟยก่อน” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
ความที่นางรู้ทัน ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อนข้างเสียหน้า จึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะไปถามไท่ซ่างหวง”
หวงกุ้ยเฟยหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ตอนนี้ไท่ซ่างหวงถึงขั้นช่วยพระองค์ดูแลจัดการเรื่องในวังหลังแล้ว พระองค์ไปถามเถอะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูรอยยิ้มกว้างของหวงกุ้ยเฟยนั่น สักพักก็ถามขึ้นว่า “เจ้าล่ะ? เจ้ารู้สึกอย่างไรโกรธไหมที่เขารักใคร่ฮู่เฟยคนเดียว?”
หวงกุ้ยเฟยเงียบไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ตอนเริ่มแรกก็พอมีบ้าง แต่เพราะเป็นห่วงกลัวว่าฮ่องเต้จะถูกทำเสน่ห์ เมื่อได้รู้จักกับฮู่เฟย รู้ว่านางไม่ใช่สาวจิ้งจอก นางรักฮ่องเต้ รักอย่างลึกซึ้งยิ่งกว่าพวกเราทุกคนในวังหลัง นางเข้าวังมาไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เป็นการมาเพราะรักพระองค์ หม่อมฉันยังกระทำไม่ได้ถึงขนาดนี้ หม่อมฉันอายุมากแล้ว สิ่งที่หวังในใจคือชีวิตที่มั่นคง คนในครอบครัวก็อยู่อย่างสงบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างอื่น หม่อมฉันล้วนให้ไม่ได้ แล้วจะคาดหวังให้ฮ่องเต้มีให้หรือ?”
ผู้หญิงในวังหลัง ล้วนมีความคิดที่เหมือนกัน อยากที่จะเป็นที่รักใคร่ ไม่ใช่เป็นเพราะรักฮ่องเต้ มีบางคนทำเพื่อครอบครัว มีบางคนทำเพื่อตำแหน่งเกียรติยศ มีบางคนทำเพื่อลูก ไม่ว่ายังไงล้วนต่างไม่บริสุทธิ์ใจ
แต่นี่ก็ไม่ได้ถือว่าเรื่องที่พวกนางทำจะเป็นเรื่องที่ผิด พวกนางแค่ทำไม่ได้เหมือนอย่างฮู่เฟย รนหาที่ตาย เพียงเพื่อความรัก แน่นอนว่าถือเป็นข้อยกเว้นส่วนบุคคล
ฮ่องเต้หมิงหยวนพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็รู้ ในเรื่องการเลือกพระสนมเจ้าก็ถูกกดดันมาไม่น้อย เจ้าปกครองวังหลัง ทุกอย่างล้วนคิดว่าเป็นความผิดของเจ้า”
หวงกุ้ยเฟยอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เดือดร้อนมาถึงหม่อมฉัน ล้วนเดือดร้อนโทษฮู่เฟยโน้น ทุกคนต่างคิดว่า หากฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยกับการเลือกพระสนม จะต้องเป็นเพราะฮู่เฟย”
“ข้าจะครุ่นคิดดู” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้น
หวงกุ้ยเฟยลุกขึ้นมากราบทูลลา
ฮ่องเต้หมิงหยวนเอนหลังพิงเก้าอี้ มองดูมู่หรูกงกงแบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไปพูดมากกับหวงกุ้ยเฟยใช่ไหม?”
“ฮ่องเต้โปรดอภัย” มู่หรูกงกงรีบคุกเข่าขออภัย พร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อมก็ไม่อยากพูด แต่เหนียงเหนียงเฉลียวฉลาดขนาดไหน? พูดวกไปวนมาจนกระหม่อมเผลอพูดออกมา”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสูดลมหายใจเข้า พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่างเจ้า หวงกุ้ยเฟยเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้หรือ? เห็นได้ชัดว่าเจ้าตั้งใจอยากที่จะบอกนาง”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “ฮ่องเต้ชมกระหม่อมเกินไปแล้ว แต่ว่า….เหล่าขุนนางบางส่วน ต่างเห็นว่าฮ่องเต้รักใคร่ฮู่เฟยเหนียงเหนียงคนเดียว ตอนนี้แม่ทัพใหญ่ทำศึกอยู่ข้างนอก เกรงว่าจะมีอำนาจ เป็นอันตรายต่อองค์ชายรัชทายาท…..”
เขาแอบเหลือบมองฮ่องเต้หมิงหยวนแวบหนึ่ง เห็นแววตาเขาเยือกเย็น จึงไม่กล้าพูดต่อ
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “คนพวกนั้นเลอะเลือน เจ้าก็เลอะเลือนตามหรือ? เจ้าห้ายังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ หรือว่าข้าจะดูไม่ออก ว่าใครควรที่จะครองแผ่นดินหรือ? ตอนนี้องค์ชายสิบยังเป็นแค่ทารก เขาจะเป็นอันตรายต่อใครได้?”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นอย่างบังอาจว่า “ฮ่องเต้ เหล่าขุนนางคิดว่า องค์ชายสิบยังเด็ก แต่พระองค์ก็ยังหนุ่ม กระหม่อมไม่กล้าคาดเดาไปเรื่อย แต่พวกเหล่าขุนนางค่อนข้างเป็นกังวล กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อฮู่เฟยเหนียงเหนียง ตอนนี้ถึงแม้จะแบ่งวังหน้ากับวังหลัง แต่จะแบ่งแยกกันชัดเจนได้อย่างไร? ล้วนส่งผลเชื่อมต่อกันไม่ใช่หรือ? ภายนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้นนิดหน่อย ภายในวังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ฮ่องเต้ครุ่นคิดให้ดี”
“ข้าไม่อยากเลือกพระสนม ไม่ใช่เพราะฮู่เฟย” ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมืออย่างเบื่อหน่าย พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ พูดกับเจ้าก็ไม่รู้เรื่อง เคลื่อนขบวนไปพระตำหนักฉินคุน”
ในเมื่อเขาพูดว่าจะไปถามไท่ซ่างหวง งั้นก็ต้องไปถาม ถึงแม้เรื่องนี้ไปถามไท่ซ่างหวงจะเป็นเรื่องไร้สาระ
และแล้ว เมื่อไท่ซ่างหวงได้ยินสิ่งที่เขาถาม ก็เหลือบมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ายังนึกว่า เจ้าจะเลือกพระสนมให้ข้า ไม่เช่นนั้น เรื่องในวังหลัง ต้องมาถามข้าด้วยหรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็แค่มาคุยด้วยเฉยๆ….เพราะมีขุนนางหัวโบราณบางส่วนเห็นว่าฮู่เฟยกับองค์ชายสิบเป็นภัยต่อตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท”
ยังไงฮ่องเต้หมิงหยวนก็พูดเข้าเรื่องจริงจัง ค่อยกู้หน้ากลับมาได้บ้าง
“เป็นกังวลไม่ใช่เรื่องปกติหรือ?” สายตาไท่ซ่างหวงเยือกเย็น มองดูเขาแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนเราสนิทสนมกลมเกลียวกันที่เห็นได้จากท่าทางแสดงออกภายนอกเท่านั้น แต่ภายในใจคิดกันไปคนละทาง เจ้าสามารถรับประกันได้ว่า ต่อไปจะเป็นภัยต่อตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท?”
“ข้าคิดว่า องค์ชายสิบไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน……”
“ตอนที่หยู่เหวินจุนยังอายุน้อย เจ้าเคยคิดไหมว่าต่อมาเขาจะกลายเป็นคนเช่นนี้?” ไท่ซ่างหวงถามขึ้น
“อันนี้….” สีหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไท่ซ่างหวงโยนหมากเข้าปาก มองดูเขาพร้อมถามว่า “เลือกพระสนมเจ้าลำบากใจหรือ? ฮู่เฟยจะโกรธ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนรีบพูดอธิบายว่า “ไม่ นางไม่คัดค้านอย่างแน่นอน”
“แล้วทำไมเจ้าไม่เลือก? จะต้องให้คนอื่นสงสัย? เรื่องบางเรื่อง ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าวัวหายล้อมคอก หากสงสารฮู่เฟย งั้นนางก็ไม่ควรที่จะเข้าวังมาตั้งแต่แรก นางรู้ว่าในวังหลังจะต้องมีคนใหม่มาเรื่อยๆ อีกอย่าง ตอนนี้นางเป็นแม่คน ยิ่งควรที่จะปกป้องลูกของตนเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่ให้เหล่าขุนนางเข้าใจผิด คิดว่านางเป็นที่รักใคร่ของเจ้า ต่อไปสามารถทำให้องค์ชายสิบมีโอกาสเป็นภัยต่อตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท”
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังจนเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อพูดได้อย่างมีเหตุผล”
เซียวเหยากงฟังอยู่ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผล ดูความจริงก็รู้ ไท่ซ่างหวงแต่งตั้งฮ่องเต้เป็นองค์ชายรัชทายาทในตอนนั้น พวกอ๋องแทบล้วนถูกแต่งตั้งให้ไปปกครองในเขตศักดินา ตัดกำลังทหารให้มีเพียงความมั่งคั่งไปตลอดชีวิต เหลือไว้เพียงอ๋องชินลุ่ยช่วยงานในเมืองหลวง ส่วนที่เหลือ สามารถเข้าเมืองหลวงมาได้เพียงปีละครั้ง ไท่ซ่างหวงสละบัลลังก์อย่างรวดเร็ว เคยเกิดความกลาโหลเสียที่ไหน? ไท่ซ่างหวงเป็นกษัตริย์ที่ชาญฉลาดยิ่งนัก”
ไท่ซ่างหวงมองดูเซียวเหยากงแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พอประมาณก็พอแล้ว”