บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1218 ความกังวลของไท่ซ่างหวง
ไท่ซ่างหวงเห็นฮ่องเต้หมิงหยวนครุ่นคิด จึงพูดขึ้นว่า “เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงอันตรายที่ซ่อนอยู่ เอาแบบนี้ เจ้าส่งองค์ชายสิบไปเลี้ยงที่อื่น ไม่ควรให้ฮู่เฟยเลี้ยง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อ จะทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไมจะทำไม่ได้? องค์ชายห่างแม่ตั้งแต่เด็ก ก็จะไม่ถูกนางสนมทำอันตรายได้ง่ายๆ และฮู่เฟยก็จะได้ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้เจ้าอย่างเดียว” ไท่ซ่างหวงคิดไปคิดมา แล้วก็คิดว่าข้อเสนอนี้เยี่ยมที่สุด จึงพูดขึ้นว่า “เอาแบบนี้แหละ แต่งตั้งเป็นอ๋อง ประทานจวน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นอย่างแน่ใจว่า “นี่เป็นการคาดเดาไปเรื่อยของพวกขุนนาง เจ้าสับยังเด็ก จะส่งออกวังไปได้อย่างไร?”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เจ้าเลือกคนที่ไว้ใจได้ ติดตามออกไปคอยดูแลก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
“ใครจะไปเลี้ยงดูได้ดีเท่ากับแม่ของตนเอง? เสด็จพ่อ องค์ชายสิบคือฮู่เฟยที่ตั้งท้องสิบเดือน แล้วคลอดออกมาอย่างทรมาน การพลัดพรากระหว่างลูกกับแม่เป็นความทรมานอย่างที่สุด ข้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้” ฮ่องเต้หมิงหยวนปฏิเสธอย่างจริงจัง
ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้วขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อันนี้ก็ไม่ยอม อันนั้นก็ไม่ยอม งั้นเจ้าอยากทำอย่างไร?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขา ถอนหายใจอย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าตัดสินใจเลือกพระสนม”
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ยังจะมาถามข้าทำไม? ไปเถอะกลับไปเถอะ ข้าไม่อยากยุ่งเรื่องในวังหลัง เสียศักดิ์ศรีข้าหมด ทำอย่างกับข้าเป็นพวกผู้หญิง”
ไท่ซ่างหวงถุยหมากออกมา ไม่มีฟัน กัดไม่ได้ เหลือบตามองดูเซียวเหยากงแวบหนึ่ง เจ้านี่บอกว่าหมากกับบุหรี่เหมือกัน เหมือนกันตรงไหน?
สูบบุหรี่ไม่ต้องใช้ฟันกัด
ฮ่องเต้หมิงหยวนทูลลากลับไปอย่างจนใจ
รอหลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนออกไปแล้ว เซียวเหยากงมองดูเงาหลังของฮ่องเต้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ยังคงไม่ค่อยยินยอม เขาไม่รู้ถึงความเป็นทุกข์ของเจ้า”
ไท่ซ่างหวงดื่มชาหนึ่งคำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนอื่นเขาต้องรู้ การเป็นฮ่องเต้ไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียว จะจัดการวังหน้า ก็ต้องปล่อยอำนาจวังหลัง เขาเป็นฮ่องเต้จะตัดสินใจเองทุกเรื่องในวังหลังไม่ได้ จะเอาแต่ใจไม่ได้ ฮู่เฟยยังสาว รอเขาแก่ตัว อายุมากแล้ว อำนาจที่ฮู่เฟยสั่งสมมาในหลายปีนี้ เป็นอันตรายต่อองค์ชายรัชทายาทอย่างแน่นอน ต่อให้ฮู่เฟยไม่มีความคิดเช่นนี้ แต่ต่อไปองค์ชายสิบจะมีความคิดนี้ไหม? ต่อไปนางยังจะมีโอรสอีก สามารถรับประกันได้ว่าลูกๆพวกนั้นจะไม่คิดหรือ? หากเขาไม่เลือกพระสนมเพื่อฮู่เฟย จะมีเหล่าขุนนางเท่าไหร่ที่จะเอาใจฮู่เฟย เอาใจเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย เพื่ออยากที่จะได้เป็นขุนนางช่วยงานแทนองค์ชายวัยเยาว์? เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเป็นคนวู่วาม ถูกหลอกล่อง่าย ตอนนั้นก็เคยคิดอยากมีอำนาจเหนือฟ้าไม่ใช่หรือ? ดีที่ทำลายลงมาแล้ว พวกนี้ล้วนเป็นอันตรายที่แอบแฝงอยู่ ไม่ป้องกันไม่ได้”
เซียวเหยากงรับคำ มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหก เจ้าถือว่าเป็นคนโชคร้ายคนหนึ่ง สละบัลลังก์ลงมาแล้ว ยังต้องวางแผนคิดเพื่อเป่ยถัง”
ไท่ซ่างหวงหรี่ตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “แผ่นดินนี้ชื่อเป็นของตระกูลหยู่เหวิน แต่ความจริงเป็นของประชาชน หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นในราชวงศ์ คนที่ต้องเดือดร้อนก็คือประชาชน สามารถป้องกันได้ ล้วนต้องป้องกัน ฮู่เฟยน่าสงสาร? น่าสงสารอย่างแน่นอน แต่สนมในวังหลังคนอื่นๆไม่น่าสงสารหรือ? เพื่อความสงบสุขของแผ่นดิน บางครั้งก็ต้องมีคนบางส่วนต้องเสียสละ องค์ชายรัชทายาทไม่น่าสงสารหรือ? เจ้าลองคิดถึงองค์ชายรัชทายาทกับพระชายารัชทายาทในหลายปีนี้ ที่มีอยู่อย่างตอนนี้ทั้งหมด ล้วนต่อสู้มาอย่างยากลำบาก ใครเคยให้อะไรไหม? บางครั้งข้ายังทนดูไม่ได้เลย”
เซียวเหยากงพูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “งั้นต่อไปองค์ชายรัชทายาทขึ้นครองราชย์ ตอนที่ต้องเลือกสนม เจ้าเดาดูว่าพระชายารัชทายาทจะทำอย่างไร?”
ท่าทีไท่ซ่างหวงอ่อนโยนลง พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาไม่เลือกพระสนมก็ได้ ในรัชสมัยก่อนหน้าก็เคยมีการปลดวังหลัง เป็นฮ่องเต้ที่มีภรรยาเพียงคนเดียว”
“เจ้าลำเอียงไปไหม?” เซียวเหยากงอึ้ง
ไท่ซ่างหวงกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่จะเรียกว่าลำเอียงได้อย่างไร? ข้าถามเจ้า นางสนมเข้าวังหลัง เหตุผลที่สำคัญที่สุดคืออะไร?”
“มีลูกหลานสืบวงศ์สกุลโดยไม่ขาดสาย”
“ตอนนี้พระชายารัชทายาทมีลูกชายห้าคน ลูกหลานเยอะหรือยัง?”
“เอ่อ….ใช่” เซียวเหยากงหัวเราะ แล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นตอนนี้ฮ่องเต้ก็มีโอรสเยอะแล้ว ก็ยังมีการแย่งชิงกันอยู่ไม่ใช่หรือ? และตอนนี้เจ้าให้เขาเลือกพระสนม จุดประสงค์ก็คือเพื่อให้ไม่เป็นภัยต่อตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท”
“ลูกชายของเขา ไม่ได้เกิดจากสนม แต่พระชายารัชทายาทคลอดลูกชายห้าคน ยังเป็นฝาแฝด จิตใจเชื่อมผูกพันกัน ลดการต่อสู้แย่งชิงกันไหม? อีกอย่าง ทำไมหลังจากที่ข้าแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทแล้ว ก็รีบแต่งตั้งพระราชนัดดาองค์ใหญ่ เพราะต้องการให้พวกเขารู้ตั้งแต่เด็กว่า ต่อไปซาลาเปาจะต้องเป็นฮ่องเต้ การรับรู้นี้ จะฝังแน่นอยู่ในหัวใจของพวกเขาไปจนพวกเขาเติบโต ซาลาเปาเป็นโอรสสืบสายโลหิตโดยตรง เป็นโอรสองค์โต ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ต่อให้มีความคิดเป็นอื่น แต่ก็ไม่มีเหตุผลในการต่อต้านใช่หรือไม่? เจ้าจะถือธงกระทำการใหญ่ ก็ต้องมีเหตุผลที่สมควรไม่ใช่หรือ?”
“เจ้าพูดถูก” เซียวเหยากงขยับไปใกล้เขา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นพูดตามความจริง เจ้าเข้าข้างพระชายารัชทายาทใช่หรือไม่?”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่”
เซียวเหยากงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดประโยคนี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? ยังทำเป็นพูดอธิบายมากมาย”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ข้าก็ไม่ได้เข้าข้างอย่างไม่มีเหตุผล พูดถึงครอบครัวพระชายารัชทายาท คนอย่างเจ้าพระยาจิ้ง สามารถทำอะไรได้? ต่อไปหากองค์ชายรัชทายาทเป็นฮ่องเต้ หากเลือกสนมถึงจะเป็นการเริ่มต้นของความวุ่นวาย”
เซียวเหยากงพูดว่า “เพียงแต่ วังหลังเป็นหนทางรักษาความมั่นคงในวังหน้ามาตลอด หากปลดวังหลัง ไม่น่าเสียดายหรือ?”
“องค์ชายรัชทายาทยังหนุ่ม ตอนนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถ เลื่อนชั้นขุนนางรุ่นเยาว์มาส่วนหนึ่ง คนพวกนี้ล้วนจงรักภักดีต่อเขา และถึงตอนนี้พวกเขาพี่น้องหลายคน โดยรวมล้วนสามัคคีกันแล้ว ต่อไปก็ยากที่จะเกิดเรื่องวุ่นวาย ป้องกันพวกที่ยังไม่โต ยังไม่รู้จักนิสัยก็พอแล้ว และก็ไม่ต้องอาศัยการเลือกสนมเพื่อความมั่นคงในตำแหน่งคุณนาง องค์ชายรัชทายาทมีความสามารถนี้”
ไท่ซ่างหวงพูดถึงตรงนี้ ถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฮ่องเต้ชาญฉลาด แต่ที่ผ่านมาหลายปีนี้เขาไม่ให้ความสำคัญองค์ชายรัชทายาท เขาลำเอียง เขายอมรับไหม? องค์ชายรัชทายาทมีพรสวรรค์มาก จะมีการปฏิรูปเป่ยถังอย่างมากแน่นอน แต่ฮ่องเต้เป็นคนหัวโบราณ คิดว่าไม่ทำอะไรคือปลอดภัยที่สุด ยกตัวอย่างการปฏิรูปทางการแพทย์กับอาวุธดินปืน เขาไม่ยอมปฏิรูป ห่วงหน้าพะวงหลัง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาว หากเขาไม่ขาดความกล้า มีราชโองการสั่งพวกเขาทำ เป่ยโม่ยังจะเกรงกลัวเราบ้าง ความมั่นคงของประเทศ ไม่เคยได้มาจากการถดถอยและอดทน เขายังไม่เข้าใจในจุดนี้ เมื่อพูดกลับมา หากความบาดหมางระหว่างพวกเขาสองพ่อลูก และเขาก็รักใคร่แต่เพียงฮู่เฟยมานาน เมื่อทั้งสองพ่อลูกมีปัญหากันถึงระดับหนึ่ง เจ้าสามารถรับประกันได้เลยเขาจะไม่มีความคิดที่จะปลดองค์ชายรัชทายาทหรือ?”
เซียวเหยากงพูดขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจว่า “เจ้าหก ต้องยอมรับว่า ตอนนั้นหากเจ้าไม่ใช่เพราะป่วยแล้วสละบัลลังก์ เป่ยถังในตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนี้แน่”
ไท่ซ่างหวงโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ยังสามารถมีชีวิตอยู่ เป็นบุญที่สวรรค์ประทานให้ ให้ข้าได้เห็นพวกเขาเดือดร้อน แล้วก็ให้ความเห็นชี้แนะ หากตายไปแล้ว ต่อไปเป็นอย่างไรก็มองไม่เห็น ยิ่งช่วยไม่ได้ ข้าเขาทองจำนวนมากให้กับกรมคลัง ที่จริงเป็นการให้ท้ายฮ่องเต้ จะต่อสู้พวกเราก็ไม่กลัว แต่เขากลับไม่รับรู้ แน่นอน จะบอกว่าเขาไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ดีก็ไม่ได้ ในระหว่างที่เขาเป็นฮ่องเต้ ก็กระทำได้อย่างไม่เลว อย่างเช่นมาตรการขายสินค้าต่างๆ เป็นการทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น”