บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1219 ส่งชาให้กับองค์ชายรัชทายาท
เซียวเหยากงอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนว่า “นั่นเพราะองค์ชายรัชทายาทเสนอแนะ”
“มาตรการนโยบายหลายอย่างล้วนเป็นเหล่าขุนนางเสนอแนะ แต่ต้องดูว่าฮ่องเต้มีความกล้าที่จะนำไปปฏิบัติไหม” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้น
เซียวเหยากงพยักหัว มองไป กลับเห็นซาลาเปาถือตำราเล่มหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก กำลังฟังอยู่อย่างหลงใหล จึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “พระราชนัดดาองค์ใหญ่ มาแล้วทำไมไม่บอกล่ะ?”
ซาลาเปาค่อยได้สติกลับมา หอบหนังสือเข้ามาถวายบังคมไท่ซ่างหวง แล้วค่อยทำความเคารพเซียวเหยากง
“ทำไมถึงมาเวลานี้? โสวฝู่ล่ะ?” สายตาไท่ซ่างหวงเปลี่ยนเป็นเอ็นดูขึ้นมาทันที แล้วก็ยื่นมือลูบหัวเขา
ซาลาเปาเงยหัวขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “โสวฝู่ท้องเสีย น้องๆไปเล่นแล้ว ข้ากลับมาท่องหนังสือ โสวฝู่บอกว่าตอนค่ำจะให้ท่องหนังสือ”
“อืม ซาลาเปาว่าง่าย ทานขนมไหม?” ไท่ซ่างหวงรีบโบกมือ สั่งคนไปเอาขนมมา
ซาลาเปาพูดขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า “กิน”
เขาวางหนังสือไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ เงยหัวมองดูไท่ซ่างหวง ลูกตาดำสองดวงฉายแววประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่ทวด ข้าคิดว่าเมื่อกี้ที่ท่านพูดถึงเสด็จปู่ ค่อนข้างไม่ถูกต้อง”
“อ๋า? ไม่ถูกตรงไหน?” ไท่ซ่างหวงอึ้งไปสักพัก มองดูเขาอย่างแปลกใจ
ซาลาเปาพูดว่า “ข้าคิดว่าเสด็จปู่ไม่ได้กลัวการต่อสู้ แต่ว่าตอนนี้เป่ยถัง ยังมีปัญหาภายในที่ต้องแก้ไขมากมาย อย่างเช่นปัญหาภัยน้ำท่วมในทุกปี อย่างเช่นปัญหาภัยแล้งทางภาคเหนือ อย่างเช่นพื้นที่ยากจนหลายพื้นที่มากมากที่ขาดแคนอาหาร ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม เสด็จปู่อยากจัดการภายในก่อนแล้วค่อยจัดการภายนอก ตามหลักการแล้ว แบบนี้ไม่ผิด เพียงแต่ว่า เสด็จปู่เพิกเฉยไปหนึ่งอย่าง หากศัตรูภายนอกจับตามองดูอยู่ตลอด ปล่อยนานไปจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรง ยังจะเป็นการทำให้ประชาชนเข้าใจว่าราชสำนักอ่อนแอ ราชสำนักไม่แข็งแกร่งประชาชนอ่อนแอ แล้วจะมีความสงบสุขเจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร?”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา มองอยู่เนิ่นนาน คำพูดพวกนี้พูดออกมาจากปากเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวด ทำให้ไม่น่าตกใจได้อย่างไร?
เขาพยักหัวให้กับซาลาเปา น้ำเสียงก็ค่อนข้างแหบ พร้อมพูดขึ้นว่า “ซาลาเปาพูดถูก”
เขาหันไปมองดูเซียวเหยากง พร้อมพูดขึ้นว่า “คราวนี้เจ้ารู้หรือยัง ทำไมข้าถึงไม่ยอมให้ใครทำอันตรายองค์ชายรัชทายาท? ต่อไปซาลาเปาของข้าก็จะต้องเป็นฮ่องเต้”
องค์ชายรัชทายาทมีความสามารถ แต่ซาลาเปาเป็นคนที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ใครก็จะมาสั่นคลอนจุดนี้ไม่ได้ สั่นคลอนตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์ เท่ากับเป็นการทำให้ประเทศชาติสั่นคลอน เขาจะสนใจว่าใครน่าสงสารหรือไม่น่าสงสารทำไม?
ซาลาเปาเริ่มท่องหนังสือแล้ว ท่าทีจริงจังทะมัดทะแมง
ฮ่องเต้หมิงหยวนมาที่ตำหนักฮู่เฟย พูดคุยไปเรื่อยอยู่ตั้งนาน แต่ก็ไม่สามารถพูดเรื่องเลือกพระสนมออกมาได้
แต่ฮู่เฟยคิดเดาได้เองแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้กำลังเครียดเรื่องเลือกพระสนมหรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าถือสาเรื่องนี้ไหม?”
ฮู่เฟยพูดขึ้นอย่างสงบว่า “เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ว่าช้าหรือเร็ว ตอนที่ข้าเข้าวังก็ทำใจเรื่องนี้ไว้แล้ว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจับมือของนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “มีบ่อยครั้งที่ข้าเองก็ไม่มีทางเลือก หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”
ฮู่เฟยอมยิ้มขึ้นมา พิงอยู่ข้างกายเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ยังห่วงว่าข้าจะมีความสุขหรือไม่ไม่มีความสุข ถือสาหรือไม่ถือสา ข้าก็พอใจมากแล้ว ในวังหลังมีสนมมากมายขนาดนี้ หลายปีมานี้ข้าเป็นที่รักใคร่มาตลอด ก็ไม่เคยมีใครทำอะไรให้ข้าลำบากใจ พวกนางยังมีความใจกว้างแล้วข้าจะไม่ใจกว้างได้หรือ? ข้ารู้ว่าเลือกอะไรควรถือสา เรื่องอะไรไม่ควรถือสา ฮ่องเต้รักใคร่ข้ามาหลายปีนี้ ขุนนางในราชสำนักต่างวิพากษ์วิจารณ์แต่แรกแล้ว ที่จริงท่านพ่อก็เคยบอกข้าว่า มีบางคนอยู่ดีๆก็ทำตัวเป็นศัตรูกับเขา มีบางคนกลับเอาใจเขา ข้าไม่ชอบสิ่งที่เปลี่ยนไปจนไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะตอนนี้เข้ามาองค์ชายสิบแล้ว และยังตั้งครรภ์อีก ยังไงข้าก็ต้องคิดถึงพวกเขาบ้าง”
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังแล้ว ในใจตื้นตันอย่างมาก ถึงแม้บางครั้งนางจะวู่วาม แต่สอบปีมานี้นิสัยยิ่งอยู่ก็ยิ่งเงียบขรึมลง มีเหตุผล มีเมตตา
“เจ้าวางใจ ต่อให้เลือกพระสนมแล้ว ในใจข้าก็มีเจ้าเพียงคนเดียว” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
ฮู่เฟยตอบรับด้วยเสียงเบา ยื่นมือกอดเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าเถอะ”
นางไม่ลืมที่พระชายารัชทายาทขอให้ช่วย ถึงแม้เรื่องที่จะเลือกพระสนมจะทำให้นางทุกข์ทรมาน แต่นี่เป็นสิ่งที่นางเลือก นางรู้ว่าจะต้องแลกกับสิ่งที่ตนเองเลือก และก็เตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว
นางคิดถึงคำพูดประโยคหนึ่งของหวงกุ้ยเฟย นางพูดว่า ความปรารถนาของมนุษย์สมหวังอยู่เสมอ ก็จะง่ายที่ได้คืบจะเอาศอก มีเพียงยึดมั่นในเจตนาเดิมเท่านั้น ถึงจะประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
คำพูดประโยคนี้ ตอนที่หวงกุ้ยเฟยพูด นางไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว ไม่เพียงถอนหายใจ หวงกุ้ยเฟยเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วจริงๆ
ความรู้สึกผิดในใจฮ่องเต้หมิงหยวนที่มีต่อนาง ตอนนี้สิ่งที่นางร้องขอ เขาจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน บวกกับเขาเองก็อยากออกไปเดินเล่น เขาครองราชย์มาหลายปีนี้ ออกจากวังน้อยครั้งมาก เมื่อออกไปก็เป็นการไปอย่างเอิกเกริก ตอนนี้คิดได้ว่ายังสามมากเหมือนกับในตอนนั้น เดินบนถนนชิงหลวน เดินไปตามถนนต่างในเมืองหลวง เขาเองก็ค่อนข้างรอคอย
“พรุ่งนี้พาเจ้าออกไป รอวันนี้ข้าจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แล้วออกไปเที่ยวเล่น ให้เพลินใจเป็นเพื่อนเจ้า” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้น
ฮู่เฟยรับคำ พร้อมพยายามฉีกยิ้ม ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าไม่สบายใจ ก็ให้ระบายกับข้า ไม่ต้องกลั้นไว้”
ฮู่เฟยพูดขึ้นว่า “ทำไมข้าถึงเข้าวังมา? ก็เพราะเพื่อเจ้า ตอนที่ข้ามา ก็รู้อยู่แล้วว่าข้างกายเจ้ามีผู้หญิงคนอื่น ตอนนั้นข้าทนรับได้ ทำไมฮ่องเต้ถึงคิดว่าตอนนี้ข้าจะไม่สามารถทนรับได้? อย่าตามใจข้าเกินไป ข้าก็ไม่ได้อยากมีความหวังมากกว่านี้ ความโลภของคนเรามีอย่างไม่สิ้นสุด หยั่งเชิงไม่ได้”
แม่นมจูงมือองค์ชายสิบเข้ามา ใบหน้าอ้วนท้วนขององค์ชายสิบเปื้อนไปด้วยเศษขนมหวาน แม่นมย่อตัวถวายบังคม พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ เหนียงเหนียง องค์ชายสิบทานขนมหวานไปสองจานแล้ว ยังอยากทานอีก หม่อมฉันไม่กล้าให้พระองค์ทานแล้ว พระองค์จึงพูดว่าจะฟ้องหม่อมฉัน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนอุ้มเขาขึ้นมา หยิกแก้มน้อยของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “โย้ ยังอยากทาน? ไม่กลัวอ้วนเหมือนพี่ชายรองเจ้าแบบนั้นหรือ?”
เจ้าสิบพูดขึ้นอย่างเอ็นดูว่า “พี่ชายรองดูแข็งแรงมาก ข้าก็อยากเหมือนพี่ชายรองแบบนั้น”
“ไม่ได้เรื่อง ต่อไป เจ้าต้องเหมือนกับพี่ชายห้า นำทหารไปทำศึก ปกครองแผ่นดินแทนเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเช่นนี้ ในใจกลับอึ้งไปสักพัก รอยยิ้มบนใบหน้าก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยๆยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “บางที เหมือนพี่ชายเจ็ดของเจ้าก่อนได้ ตอนนี้พี่ชายเจ็ดของเจ้าตัดสินคดีได้อย่างยอดเยี่ยม”
หังใจฮู่เฟยก็เต้นอย่างแรงสักพัก แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถึงว่าทำไมหวงกุ้ยเฟยถึงไม่คัดค้านการเลือกสนม เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่า เขารักใคร่เอ็นดูเจ้าสิบขนาดไหน?
ฮ่องเต้หมิงหยวนเล่นกับองค์ชายสิบอยู่สักพัก แล้วก็กลับไปยังห้องทรงพระอักษร ครุ่นคิดอยู่ตั้งนาน แล้วเรียกมู่หรูกงกงมาถามว่า “เจ้ายังจำตอนที่องค์ชายรัชทายาทยังเด็กได้ไหม?”
มู่หรูกงกงยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “จำได้แน่นอน องค์ชายรัชทายาทเชื่อฟังสอนง่ายมาตั้งแต่เด็ก สี่ขวบก็เริ่มเรียนฝีมือการต่อสู้แล้ว ห้าขวบก็สามารถฝึกกระบวนท่าการต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่ว ไท่ซ่างหวงเอ็นดูเขาอย่างที่สุด”
“ข้า….. กลับเหมือนจำไม่ค่อยได้” สายตาฮ่องเต้หมิงหยวนแลดูเศร้า
“ตอนนั้นฮ่องเต้ยังเป็นองค์ชายรัชทายาท งานยุ่งมาก” มู่หรูกงกงพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่พูดอะไรอีก ค่อยๆตรวจฎีกาไป ผ่านไปนาน จู่ๆก็เงยหัวขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “ชาต้าซิงที่เพิ่งมาถึง เจ้าไปจวนอ๋องฉู่ด้วยตนเอง เอาไปให้องค์ชายรัชทายาทหนึ่งกิโล”
มู่หรูกงกงโค้งคำนับพร้อมพูดขึ้นว่า “ขอรับ”