บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1223 ปลาติดเบ็ดแล้ว
“พวกเราเสนอเงื่อนไขที่ดีเช่นนี้ หมอพวกนั้นคงไม่ปฏิเสธมั้ง?” ราชบุตรเขยหลิวเงียบสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “เพียงแต่ว่าเช่นนี้ พวกเขาจะเชื่อไหม? หมอที่เพิ่งจบออกมา ให้กำไลของโรงหมอคนล่ะครึ่ง ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ”
องค์หญิงฮุ่ยผิงอมยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “หากพวกเราให้คนอื่นไปพูด งั้นพวกเขาต้องไม่เชื่อแน่ แต่หมอหลวงเฉา เป็นอาจารย์ของพวกเขา อาจารย์สำหรับลูกศิษย์ มีแต่ความเชื่อถืออย่างไม่มีข้อสงสัย ไม่เช่นนั้น เจ้าคิดว่าทำไมข้าต้องให้ตั๋วเงินคนแซ่เฉานั่นสามหมื่นตำลึง? โรงหมอที่จะเปิดใหม่พวกนี้ ต่อไปเจ้าเป็นคนดูแล”
“ยังคงเป็นเจ้าหญิงที่ฉลาดที่สุด” ราชบุตรเขยหลิวยื่นมือโอบกอดนางแนบอก พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “หลายปีมานี้ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”
องค์หญิงฮุ่ยผิงพิงแนบอกเขา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้ารักและจริงใจต่อข้าคนเดียว ข้าก็ต้องคิดหาวิธีทำทุกอย่างเพื่อเจ้าอย่างดีที่สุด”
สายตาราชบุตรเขยหลิวสั่นไหว แล้วก็รีบเปลี่ยนเป็นสายตารักใคร่อย่างลึกซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารักและจริงใจต่อเจ้าคนเดียว นั่นเป็นสิ่งที่สมควร ตอนที่แต่งงานข้าก็เคยพูดแล้ว ชั่วชีวิตนี้จะมีเจ้าเพียงคนเดียว จะไม่มีสนมไปตลอดชีวิต”
จวนเจ้าหญิงอันเงียบสงบ หลังคากระเบื้องเคลือบเรืองแสงภายใต้แสงจันทร์เหมือนดั่งแสงหิ่งห้อย ดวงตาเข้มคู่หนึ่งจ้องมองมาที่พวกเขา รอเมื่อเจ้าหญิงสองสามีภรรยาลงมาจากอาคารแล้ว คนคนนั้นก็บินลอยขึ้นไป หายไปในอากาศหนือจวนเจ้าหญิง
หลังจากเขาไปแล้ว ก็มีคนชุดดำอีกคนหนึ่งลงมา ซ่อนอยู่บนหลังคาของห้องด้านข้าง ลอบฟังต่อไป
องครักษ์ลับผีที่จากไปตรงไปยังจวนอ๋องฉู่ หยวนชิงหลิงเพิ่งกลับมาจากโรงหมอ พบองครักษ์ลับผีกับหยู่เหวินเห้าอยู่ที่ห้องหนังสือ
สนทนาระหว่างเจ้าหญิงสองสามีภรรยา เล่าให้หยวนชิงหลิงฟังอย่างไม่ตกหล่นสักคำ หยวนชิงหลิงอมยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ดีมาก ดูท่าทีจะหลงกลแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ามั่นใจว่าหมอพวกนั้นจะไม่ไปหรือ?”
“พวกเขาจะไปหายอดหมอหลิว เล่นละครฉากนี้ให้เสร็จสิ้นแทนข้า แต่พวกเขาจะไม่ไป” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“แต่กำไรคนละครึ่ง น่าสนใจมากเลย เจ้าหยวน ใช่ว่าทุกคนจะมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหมือนกับเจ้า” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงพุดขึ้นว่า “ผู้มีมนุษยธรรม ย่อมพูดอย่างมีมนุษยธรรม แต่หากคนที่ไม่มีมนุษยธรรม งั้นก็พูดกันด้วยกฎหมาย ก่อนที่จะเข้าโรงเรียนแพทย์ ข้าก็ได้ให้พวกเขาเซ็นสัญญาแล้ว หลังจากเรียนจบออกมา จะต้องอยู่ที่กรมการแพทย์ครบสามปี หรือแล้วแต่ข้าสั่งย้าย จะไปเป็นหมอในโรงหมอที่ข้าไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้ หากพวกเขาไปเป่าหยวนถัง ข้าก็จะดำเนินคดีกับพวกเขา เรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนมากที่เกิดจากการผิดสัญญา”
“อืม งั้นก็ดี ยังคงเป็นเจ้าที่คิดรอบคอบ” หยู่เหวินเห้าค่อยวางใจ
เงียบไปสักพัก มองดูองครักษ์ลับผี พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าค่อนข้างแปลกใจ หลายปีมานี้ราชบุตรเขยหลิว ไม่มีผู้หญิงอื่นอยู่ข้างนอกจริงหรือ?”
องครักษ์ลับผีพูดขึ้นว่า “เรียนองค์ชายรัชทายาท กระหม่อมจะไปสืบ”
“อืม ไปสืบดู” หยู่เหวินเห้าโบกมือให้เขากลับไป
“ขอรับ” องครักษ์ลับผีถอยออกไป
หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ทำไมต้องสืบเรื่องส่วนตัวของราชบุตรเขยหลิว? เขามีผู้หญิงอื่นหรือไม่ ไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องนี้เลย”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางพร้อมถามขึ้นว่า “หากเป็นเจ้า โกรธเพราะสูญเงินเป็นจำนวนมาก หรือโกรธเพราะรู้ว่าข้ามีผู้หญิงอื่นอยู่ข้างนอก”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างไม่ต้องคิดว่า “โกรธที่เจ้ามีผู้หญิงอื่นอยู่ข้างนอกสิ”
“งั้นก็ถูกแล้วไง?” หยู่เหวินเห้าอมยิ้มพร้อมจูงมือของนางเดินออกไปข้างนอก พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเกลียดเสด็จป้าจนเข้ากระดูกดำไม่ใช่หรือ? นั่นเพียงแค่ทำให้เขาสูญเงิน ทำการธุรกิจไม่ได้ ไม่เบาไปหรือ? จะให้นางพบกับความย่ำแย่ ดีที่สุดคือให้นางได้รู้ว่า ผู้ชายที่นางหลงเชื่อใจมาตลอด ปิดบังนางซ่อนผู้หญิงอื่นไว้ แล้วเลี้ยงดูอยู่ข้างนอก”
หยวนชิงหลิงเอียงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเป็นป้าของเจ้านะ”
สายตาหยู่เหวินเห้าฉายแววเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “เวลานี้ ข้าคือผู้สืบทอดกษัตริย์เป่ยถัง ไม่ใช่หลานของเขา เจ้าคิดดู นางทำร้ายคนมามากเท่าไหร่แล้ว? ที่สั่งให้คนไปสืบเรื่องที่จื๋อลี่ เกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน แต่คนพวกนี้ต่างไม่กล้าพูดออกมาว่าเป็นนาง ยังไงนางก็ต้องชดใช้กรรม จะปล่อยให้นางอยู่อย่างมีความสุขต่อไปได้อย่างไร? และสืบคดีพวกนั้น ถึงแม้สุดท้ายสรุปคดีแล้วกำหนดโทษนาง จะฆ่านางหรือ? เสด็จปู่คงจะเสียใจไปช่วงหนึ่ง ถ้าไม่ฆ่า และจะสืบไปเพื่ออะไร? ล้มธุรกิจของนาง นางยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย มีกินมีใช้อย่างร่ำรวยไปตลอดชีวิต ไม่ถือเป็นการชดใช้กรรม มีเพียงทำให้นางเสียใจ ถึงจะเป็นการทำให้นางเจ็บปวดอย่างแท้จริง ทำให้นางพังทลาย”
หยวนชิงหลิงไม่รู้สึกเห็นใจคนคนนี้เลย นางเป็นคนผลิตยา มีเพียงคนป่วยที่ต้องการทานยา ฉกเงินของคนป่วย คนแบบนี้ไม่มีมนุษยธรรมแต่แรกแล้ว จะมีมนุษยธรรมกับนางทำไม?
“แต่ฮุ่ยผิงเป็นคนร้ายกาจ ราชบุตรเขยหลิวไม่น่าจะกล้าแอบมีผู้หญิงอื่น” หยวนชิงหลิงคิดๆดู แล้วพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ผู้ชาย ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ยิ่งเป็นอะไรที่หลบๆซ่อนๆ ยิ่งรู้สึกสนุกตื่นเต้น เขามีผู้หญิงอื่นหรือไม่ข้าไม่รู้ แต่ตอนที่ข้าทำงานอยู่ในกรมการพระนคร ทงผ้าน(ทงผ้านเป็นตำแหน่งดูแลเรื่องศาล ไร่นาเสบียงฯลฯ)เคยเอารายการทรัพย์สินของเหล่าราชวงศ์มาให้ข้าดู ข้าเห็นราชบุตรเขยหลิวมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่ถนนไป่ฮัว แต่ไม่ได้รวมอยู่ในทรัพย์สินของเจ้าหญิง คนในราชวงศ์ กระทั่งขุนนางซื้อบ้านอยู่ข้างนอกเป็นเรื่องปกติ แต่ที่บังเอิญก็คือ ครั้งนั้นราชบุตรเขยหลิวขอร้องให้ทงผ้านโอนบ้านหลังนั้นให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง และไม่ยอมปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเป็นทางการ ตอนนั้นข้าก็ไม่ได้สนใจอะไร รู้ว่าครบครัวพวกเขาร่ำรวย ให้เงินใช้ยกบ้านให้ เป็นเรื่องปกติมาก เพียงแต่คืนนี้จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ หลายปีมานี้ความรักที่จริงใจของราชบุตรเขยหลิวล้วนเป็นเท็จหรือเปล่า? สืบดูหน่อยก็ดี”
หยวนชิงหลิงฟังคำพูดของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “บ้านในเมืองหลวงพวกนี้แพงขนาดไหน ข้ารู้ดี ยังไงก็มากกว่าหนึ่งแสนตำลึง ต่อให้ทางด้านถนนไป่ฮัวไม่แพงเท่าทางด้านพวกเรา แต่เชื่อว่าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งก็มากกว่าหนึ่งแสนตำลึง ถ้าจะยกให้คนคนนี้ก็ต้องสามารถช่วยเหลือได้อย่ามาก แต่ยกให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง……ค่อนข้างเป็นไปไม่ได้จริงๆ”
ผู้หญิงเป่ยถังออกมาทำธุรกิจน้อยคนมาก และครอบครัวราชบุตรเขยหลิวก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับยา การติดต่อทำธุรกิจค้าขายไปมาหาสู่กัน มีความเป็นไปได้น้อย หากเป็นการทำเรื่องไม่ดีพวกนั้น เจ้าหญิงไม่จำเป็นต้องใช้ผู้หญิงคนหนึ่ง ข้างกายนางมีคนมีความสามารถมากมาย
และหลังจากที่หมอหลวงเฉาเอาเงินไปแล้ว ก็ตรงกลับไปที่บ้านของเขา ไม่ได้ออกมาทั้งคืน จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็ไม่ได้กลับโรงพยาบาล แต่พาคนในครอบครัวไปเดินซื้อของในเมืองหลวง ซื้อเครื่องประดับศีรษะที่ถนนชิงหลวนให้ฮูหยินหลายชุด ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก สนุกจริงๆ
สุดท้ายหลังจากทานมื้อเที่ยงแล้ว เขาค่อยกลับโรงพยาบาล หลังจากคนที่คอยสะกดรอยตามเขา เห็นเขาเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วก็กลับมารายงานฮุ่ยผิง
ฮุ่ยผิงได้ฟังแล้ว สายตาฉายแววได้ใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเงินได้ ค่าเดือนของเขาทั้งปีแค่กี่ร้อยตำลึงเอง ที่ข้าให้เขา เป็นจำนวนเงินที่ใช้ทั้งชีวิตเขาก็หามาไม่ได้ เขาจะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร? ท่านพ่อ ปลาติดเบ็ดแล้ว”
ยอดหมอหลิวมองดูลูกสะใภ้ พร้อมพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “คนคนนี้มีนิสัยอ่อนแอ ตอนนั้นเคยขโมยโสมในคลังยา ข้าจึงรู้ว่าเขาเป็นคนโลภคนหนึ่ง”
“กล้าขโมยโสมในวัง? นั่นถือเป็นคนโลภจริงๆ โลภอย่างไม่คิดถึงชีวิต” ฮุ่ยผิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ยอดหมอหลิวพูดว่า “ดีที่ตอนนั้นข้าไม่ได้จัดการอย่างเด็ดขาด ให้เขาเอากลับมาคืนก็พอแล้ว ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะสะดวกเช่นนี้หรือ? ใช่ เรื่องร้าน จัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
ฮุ่ยผิงพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ สองวันนี้ทยอยเซ็นสัญญาแล้ว ตอนนี้ราชบุตรเขยหลิวกำลังไปหาช่าง ตกแต่งเสียหน่อยก็สามารถซื้อของเข้าได้แล้ว”
“โรงผลิตยาล่ะ? หาซื้อยาที่ขาดได้แล้วหรือยัง?”
ฮุ่ยผิงพูดขึ้นด้วยสายตาโกรธเคืองว่า “เรื่องนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อย โรงผลิตยาคาดยาจะต้องหยุดชะงักชั่วคราว หรือเปลี่ยนไปผลิตยาอย่างอื่น แต่การเตรียมผลิตยาตัวใหม่ต้องใช้เวลา คาดว่าภายในสามเดือนนี้ คงไม่สามารถผลิตยาออกมาได้”