บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1227 โกลาหลไปเอง
องค์หญิงฮุ่ยผิงนิ่งอึ้งไปเลย สักพักค่อยเข้าใจทุกอย่าง แล้วก็กัดฟันพูดขึ้นว่า “หากเป็นเหลิ่งซี่ ข้าไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
ยอดหมอหลิวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนี้ เหลิ่งซี่พี่กระทำเพียงอย่างเดียวแน่ หากเขาเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ก็จะต้องได้กำไรมากที่สุด และหยวนชิงหลิงเป็นลูกศิษย์ของเขา ตั้งแต่แรกทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าเขาจะไม่นิ่งดูดายแน่?
กฎเกณฑ์ของตลาดนี้ ผ่านมา 20 ปี เขาเล่นจนรู้หมดทุกอย่างแล้ว หลงกลเขาได้อย่างไร?
เขาพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นชา “ตอนนี้ซื้อโรงหมอแล้ว ซื้อยาแล้ว และผลิตภัณฑ์ยาของพวกเขาก็ได้ยึดตลาดอย่างรวดเร็วแล้ว ต่อให้พวกเราผลิตยาออกมาได้ ก็สู้ราคาถูกกับเขาไม่ได้ จะต้องมีการหยุดชะงักช่วงระยะเวลาหนึ่ง และเจ้าซื้อร้าน ซื้อยา ลงทุนไปด้วยเงินเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เราอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกชักนำอย่างพ่ายแพ้”
“จะไม่พ่ายแพ้ พวกเราจะสู้ราคาถูกกับเขา” องค์หญิงฮุ่ยผิงพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
“สู้ไม่ได้หรอก พวกเขานำเข้าสินค้าในราคาถูกกว่าพวกเราขนาดนี้ เราเพียงแค่เอากำไรจากยาสามเหวินต่อยาหนึ่งขวด พวกเราก็จะต้องขาดทุนห้าเหวิน พวกเราขายสินค้าก็จะขาดทุน หากไม่ขายสินค้าก็จะถูกพวกเขากลืนไปทางตลาด แล้วพวกเราก็จะไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาอีก”
ฮุ่ยผิงจะยอมได้อย่างไร กำหมัดพร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “งั้นพวกเราจะปล่อยพวกเขาไปอย่างนี้หรือ?”
ยอดหมอหลิวค่อยๆนั่งลง เงยหน้าขาวซีดหมดแรงมองดูลูกสะใภ้ที่อวดเก่งมาทั้งชีวิตคนนี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “สู้เหลิ่งซี่ไม่ได้ เขาเป็นคนที่รวยที่สุดในราชวงศ์เป่ยถัง เขามีทรัพย์สมบัติมากเท่าไหร่ เจ้าไม่รู้เลย ทรัพย์สมบัติของพวกเราอาจจะไม่ถึงหนึ่งส่วนของเขาด้วยซ้ำ”
ฮุ่ยผิงพ่นลมหายใจเย็นออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”
ยอดหมอหลิวมีความรู้สึกว่า นี่อาจจะเป็นการต่อสู้อย่างพลิกคว่ำ ริมฝีปากของเขาสั่นเทา พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาบริจาคเงินให้กับราชสำนักบ่อยครั้ง ให้ทีเป็นล้านถึงสองสามล้าน อย่างไม่กระพริบตา หากไม่มีทรัพย์สมบัติที่มั่งคั่ง เขาจะให้ได้หรือ?”
องค์หญิงฮุ่ยผิงพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “ข้าจากพ่ายแพ้อยู่ภายใต้เงื้อมมือเขาไม่ได้ เขาก็จะล้มข้าไม่ได้”
“เขาล้มเจ้าไม่ได้ในทันใด แต่จากค่อยๆกลืนกินเจ้า หยุดเถอะ”
องค์หญิงฮุ่ยผิงได้ยินพ่อสามีพูดเช่นนี้ แทบจะไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง ทำธุรกิจมาหลายปีนี้ วิธีการของเขาชาญฉลาดที่สุด และอยู่ในวงการธุรกิจมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ทำไมจะต้องกลัวเหลิ่งซี่คนที่ไม่มีเบื้องหลังอะไรเลย? ต่อให้ตอนนี้เขาเป็นราชบุตรเขย แต่ว่าไปแล้ว ฮ่องเต้ก็แค่เห็นแก่เงินของเขา ไม่สนใจดูแลเขาเลยสักนิด
“จะหยุดได้อย่างไร?” นางพูดขึ้นอย่างเย็นชา เงยหน้าขึ้น ใช้สายตาเหยียดหยามมองดูยอดหมอหลิว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่คิดว่าท่านพ่อจะขี้ขลาดขนาดนี้ แค่คาดเดาว่าเป็นฝีมือของเหลิ่งซี่ ก็ตกใจจนยอมแพ้ ใช่เหลิ่งซี่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า ยังไม่เป็นที่แน่นอนเลย ปัญหาในตอนนี้ ก็แค่โรงหมอพวกนั้นไม่มีหมอไปประจำ งั้นก็หา จ่ายเงินจำนวนมากไปหา ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่มีหมอมา” ฮุ่ยผิงพูดเสร็จ ใช้สายตาที่ผิดหวังอย่างที่สุดมองดูยอดหมอหลิว แล้วหันตัวจากไป
องค์หญิงฮุ่ยผิงสั่งคนปล่อยข่าวออกไป ให้คนหาหมอมาประจำ
แต่ยังหาคนไม่ได้ พระราชโองการฉบับหนึ่งก็ประกาศแจ้งมา
ที่แท้ ใต้เท้าอู๋ของโรงหมอหุ้ยหมิงไปฟ้องฮ่องเต้ว่า องค์หญิงฮุ่ยผิงกับยอดหมอหลิวพยายามจ่ายเงินติดสินบนเขา หวังควบคุมราคายาสมุนไพร
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้หมิงหยวน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นการกระทำขององค์หญิงฮุ่ยผิง ครั้งนี้หลังจากไปเยี่ยมเยียนประชาชนอย่างเป็นการส่วนตัว พบว่าฮุ่ยผิงทำเกินไป ดังนั้นจึงมีพระราชโองการกำหนดควบคุมราคายา แต่เค้าก็ไม่ได้ตำหนิฮุ่ยผิง และก็ไม่ได้ลงโทษนาง เดิมมีเจตนาจะใช้พระราชโองการฉบับนี้ โจมตีนางพร้อมกับควบคุมราคายา กลับคิดไม่ถึงว่านางจะยังหันกลับมาติดสินบนโรงหมอหุ้ยหมิง คิดควบคุมราคายาต่อไป
นี่เท่ากับเป็นการท้าทายฮ่องเต้หมิงหยวน เขาสามารถยอมให้ฮุ่ยผิงหาเงิน แต่จะไม่ยอมให้นางต่อหน้าทำอย่างลับหลังทำอีกอย่าง อย่างไม่เชื่อฟังพระราชโองการ
ฮ่องเต้หมิงหยวนยังคงไม่ลงโทษโดยตรง มีพระราชโองการลงมา กำหนดมาตรฐานให้ประชาชน ตั้งแต่วันที่สิบสามเดือนหนึ่งเป็นต้นไป หากจะเปิดโรงหมอ ต้องมีใบอนุญาตคุณวุฒิทางการแพทย์จากโรงหมอหุ้ยหมิงของโรงหมอหลวง
และตอนนี้ที่เปิดอยู่แล้วก็สามารถไปยื่นขอได้เลย ในระหว่างการยื่นขออนุญาต ยังคงสามารถเป็นหมอต่อไปได้
พระราชโองการฉบับนี้ เพื่อโรงหมอใหม่ขององค์หญิงฮุ่ยผิงโดยเฉพาะ
เมื่อมีพระราชโองการมา ทำให้ฮุ่ยผิงมึนงง แต่ดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับใต้เท้าอู๋โรงหมอหุ้ยหมิงค่อนข้างดี ก่อนหน้านี้เพิ่งให้ไป ถ้าจะทำก็ง่าย
ดังนั้นนางจึงไม่มีเวลาสนใจท่านชายสี่เหลิ่ง สั่งคนไปโรงหมอหุ้ยหมิงรีบขอใบรองก่อน
จากนั้นผู้จัดการกลับมาบอกว่า ต้องพิจารณาทีละแห่ง แม้แต่คุณสมบัติของหมอก็ต้องตรวจสอบพิจารณา ตอนนี้ฮุ่ยผิงยังหาหมอไม่ได้ จะตรวจสอบพิจารณาได้อย่างไร?
และในตอนนี้ โรงหมอหุ้ยหมิงก็ประกาศราคายาสมุนไพรอย่างเป็นทางการ ราชสำนักพิมพ์เป็นเล่ม ส่งตรงไปยังโรงหมอทุกแห่งกับตลาดค้าขายยาขนาดใหญ่
ฮุ่ยผิงดูแล้ว ราคายาพวกนี้ใช่ราคาที่นางกำหนดตรงไหน? อย่างเช่นยาเซียวเหยาหนึ่งขวด ราคาที่นางต้องการคือสามสิบห้าเหวิน แต่ที่นี่กำหนดราคาสูงสุดไม่เกินสิบห้าเหวิน
ตามสินค้าตอนนี้ที่นางซื้อมา ขายราคาสิบห้าเหวิน ไม่เพียงไม่ได้กำไร ยังขาดทุนด้วยซ้ำ
นางรีบไปหาใต้เท้าอู๋อย่างโมโห ใต้เท้าอู๋เอาตั๋วเงินออกมา ยื่นให้ตรงหน้าเจ้าหน้า พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ช่วงนี้กระหม่อมไม่มีเวลาไปเยี่ยมเจ้าหญิง จึงทำให้เรื่องสำคัญนี้ล่าช้า ราคายาสมุนไพร ย่วนพ่านโรงหมอหลวงเป็นคนกำหนด ผ่านเน่ย์เก๋อแล้ว กระหม่อมไม่สามารถทำอะไรได้ ขอเจ้าหญิงรับเงินคืนกลับไป”
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรก?” ฮุ่ยผิงโกรธอย่างที่สุด ยกมือปัดเงินทิ้ง เบิกตาโตพร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “ข้าไม่สน เจ้าคิดหาวิธี ไปคุยกับย่วนพ่าน ราคาจะกำหนดต่ำกว่าที่ข้ากำหนดไม่ได้ หากต่ำกว่า โรงผลิตยาของเราจะไม่มีกำไร แล้วจะจ่ายภาษีได้อย่างไร?”
ใต้เท้าอู๋แสดงท่าทีจนใจ โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหญิง ท่านยังคงไม่เข้าใจที่กระหม่อมพูด ราคากำหนดและตีพิมพ์แล้ว ต่อไปทั่วทั้งเป่ยถังล้วนขายตามราคานี้ หากแพงกว่าราคาที่กำหนด ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย กระหม่อมทำอะไรไม่ได้ เจ้าหญิงเชิญกลับเถอะ”
ใต้เท้าอู๋พูดไล่ตรงๆเลย สีหน้าเรียบเฉยแตกต่างจากความเคารพให้เกียรติอย่างก่อนหน้านี้
องค์หญิงฮุ่ยผิงแทบอยากที่จะฆ่าคน จ้องมองใต้เท้าอู๋อย่างโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้ารับเงินแล้ว ก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้น ข้าจะไปฟ้องเจ้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้”
ใต้เท้าอู๋กลับหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหญิง กระหม่อมเป็นขุนนางราชสำนัก และก็เป็นหมอคนหนึ่ง การกระทำของท่าน กระหม่อมไม่ชอบแต่แรกแล้ว ท่านใช้สถานะความเป็นเจ้าหญิง กดขี่โรงหมอหุ้ยหมิงเพื่อทำงานให้ท่าน เมื่อก่อนฮ่องเต้ไม่สนใจ แต่ตอนนี้ในเมื่อฮ่องเต้ตักสินใจจะควบคุมจัดการแล้ว ในฐานะขุนนางยังไงก็ต้องฟังฮ่องเต้ เงินของเจ้าหญิงพวกนี้ เอากลับไปเถอะ ไม่ต้องไปฟ้องกระหม่อม กระหม่อมขอรับโทษจากฮ่องเต้แต่แรกแล้ว และยอมรับเรื่ององค์หญิงกับยอดหมอหลิวติดสินบนกระหม่อม เจ้าหญิงระวังตัวเองให้ดีเถอะ”
ฮุ่ยผิงได้ยินเช่นนี้ ดวงตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าที่หักหลังข้า เจ้าบังอาจมาก เจ้าไม่กลัวตายใช่ไหม?”
ใต้เท้าอู๋พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “หากเกิดอะไรขึ้นกับกระหม่อม ฮ่องเต้จะรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือเจ้าหญิง เจ้าหญิงครุ่นคิดให้ดีเถอะ ในเมื่อฮ่องเต้เข้ามียุ่งเกี่ยว ก็จะไม่นิ่งดูดายแน่ กระหม่อมคิดว่า ตอนนี้คิดหาวิธี ไปขอให้ฮ่องเต้หลายโกรธถึงจะถูก