บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1235 ไฟคลอกฮุ่ยผิง
ฮุ่ยผิงหัวเราะ “ไม่ให้เงินท่านเยอะหรอก หมื่นตำลึง ท่านขายโรงหมอ สถานพยาบาลในเมืองหลวงพร้อมสัญญาของหมอพวกนั้นทั้งหมดให้ข้า แลกกับชีวิตของเจ้าและลูกชายเจ้า การแลกเปลี่ยนนี้คุ้มมาก พระชายารัชทายาทคิดให้ดีเถอะ”
หยวนชิงหลิงพูดเสียงเย็น “หมื่นตำลึง? เจ้าหญิงคิดจะแย่งซึ่งๆ หน้าหรือเพคะ? ไม่ต้องคิด ท่านลงมือเถอะ เรียกคนเข้ามาเลย อยากได้สถานพยาบาลของหม่อมฉัน? ไม่มีทาง!”
ดวงตาเจ้าหญิงฮุ่ยผิงพลันเหี้ยมขึ้น “ดูท่า พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ลงมือสินะ”
ยายเฒ่าเปิดประตูออกทันที ด้านนอกมีชายกำยำหกคนถือกระบี่เดินเข้ามา บนใบหน้าพวกเขาล้วนมีความโหดเหี้ยม ประชิดเข้ามาเป็นวงล้อม
นัยน์ตาหยวนชิงหลิงเย็นยะเยือก ปกป้องโค้กให้ถอยไปสองก้าว ครั้นแล้วถูกชายกำยำประชิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว จิตสังหารบนตัวพวกเขาทะลักออกมาท่วมท้น ราวกับฮุ่ยผิงออกคำสั่งมาก็จะลงมือทันที
ในมือหยวนชิงหลิงไม่มีอาวุธ ทั้งนางยังตั้งครรภ์อยู่ จะฝ่าออกไปก็ไม่น่าเป็นไปได้ ได้แต่หวังว่าองครักษ์ลับผีจะมาเร็วหน่อย
เมื่อนั้นโค้กก็ยื่นศีรษะออกมา “ท่านแม่ ไม่ต้องกลัวพ่ะย่ะค่ะ”
เขาดิ้นออกมาจากมือของหยวนชิงหลิง แล้วเดินไปทางเจ้าหญิงฮุ่ยผิง หยวนชิงหลิงร้อนใจทันที ยื่นมือออกไปดึงเขา แต่ก็ถูกชายกำยำขวางไว้
โค้กเดินไปอยู่ตรงหน้าฮุ่ยผิง ใบหน้าเล็กๆ จริงจังมาก “เจ้าหญิง ท่านอย่าฆ่าท่านแม่หม่อมฉัน”
เจ้าหญิงฮุ่ยผิงหัวเราะ “เจ้าก็บอกให้ท่านแม่เจ้ารู้จักสถานการณ์หน่อยสิ นางกับเจ้าจะได้ไม่ต้องตาย”
โค้กแบะปาก มองเจ้าหญิงฮุ่ยผิงอย่างเหลือทน แล้วค่อยๆ ยื่นมือน้อยๆ ออกมา แบมือออก วางไว้ตรงหน้าฮุ่ยผิง เอียงศีรษะเอ่ย “เจ้าหญิง ท่านดูสิว่าในมือข้ามีอะไร?”
เมื่อฮุ่ยผิง มองไปก็เห็นเพียงแสงวาบ กระบี่เล่มหนึ่งไม่รู้ว่าลอยมาจากที่ไหน ตกอยู่บนฝ่ามือน้อยๆ ของเขา เห็นนิ้วทั้งห้าจับไว้ จากนั้นคมกระบี่ก็บาดใบหน้านางไปตรงๆ ประกายเย็นวาบหนึ่ง เลือดสาดกระเซ็น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าหน้าเย็นๆ เจ็บๆ เอามือคลำอย่างไม่รู้ตัว ที่แก้มมีเลือดไหลออกมาซิบๆ มือก็เปื้อนเลือดสดด้วย
ยายเฒ่าร้องขึ้นเสียงหนึ่ง แล้ววิ่งเข้ามาเอาผ้าเช็ดหน้ากดใบหน้าฮุ่ยผิงทันที
ส่วนโค้กก็ยืนอยู่กับที่อย่างแน่นิ่ง กระบี่ลดลงจากมือเขา คมกระบี่ถึงกับไม่เปื้อนเลือดของนางสักหยด ความเร็วปานนี้ แม้แต่ชายกำยำเหล่านั้นยังต้องสะพรึง
เมื่อนั้นคนหนึ่งที่เหมือนเพิ่งรู้สึกว่ากระบี่ตนหายไป และที่เด็กคนนั้นกำลังถืออยู่ ไม่ใช่กระบี่ของเขาหรือ?
โค้กยังคงเอ่ยเสียงเนิบ ไม่รีบไม่ร้อน “เจ้าหญิงพ่ะย่ะค่ะ ท่านบอกให้พวกเขาไปซะ ท่านแม่ข้าขี้กลัว พวกเขาอยู่ที่นี่จะให้นางตกใจกลัวได้”
“เจ้า…!” ฮุ่ยผิงเลือดขึ้นหน้า ยกมือขึ้นจะตบโค้กไปทีหนึ่ง แต่กลับเห็นตรงหน้ามีอะไรกะพริบ สิ่งนั้นแผดเผาใบหน้านางทันที นางรีบเอามือกุมไว้
ยายเฒ่าสะดุ้งรีบทิ้งผ้าเช็ดหน้า ตกใจถึงขีดสุด ผีหลอก? ทำไมผ้าเช็ดหน้าถึงมีไฟลุกได้?
ไม่เพียงแต่ผ้าเช็ดหน้าที่ไหม้ เส้นผมของเจ้าหญิงฮุ่ยผิงก็เริ่มไหม้ด้วยเหมือนกัน มองนางเต้นผาง แสงไฟเริ่มลามจากศีรษะไปยังเสื้อผ้า พอยายเฒ่าตั้งสติได้ก็ดึงผ้าปูโต๊ะคลุมนางไว้ คิดว่าดับไฟ แต่ผ้าปูโต๊ะก็ติดไฟพรึบ ราวกับเป็นลูกไฟที่คลุมนาง ฮุ่ยผิงอยากอ้าปากตะโกน แต่พออ้าปาก ไฟก็กรอกเข้าปากนางไป นางล้มกลิ้งอยู่กับพื้นด้วยความทรมาน อยากร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็หมดหนทาง
ชายกำยำร่างบึกหลายคนรีบเข้ามาช่วยดับไฟ บางคนสาดน้ำ บางคนถอดชัดด้านนอกคลุม ชุลมุนวุ่นวาย
หยวนชิงหลิงตะลึงค้าง มองโค้กถือกระบี่เดินมาช้าๆ กระตุกคนนั้นที่กระบี่หาย แล้วกล่าวอย่างจริงใจ “ท่านอา คืนกระบี่ให้ท่าน พวกเราไปแล้วนะ!”
ชายกำยำตกใจหน้าซีดเผือด ไหนเลยจะกล้ารับ? ถอยหลังระรัวแล้วเผ่นแนบไป
โค้กเดินมาจูงมือหยวนชิงหลิง “ท่านแม่ เรากลับกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงดึงเขาที่กำลังจะเดินออกไปข้างนอก ถึงจะรู้ว่าเจ้าแฝดช่วยชีวิตนางมาหลายครั้ง แต่นางเห็นพวกเขาลงมือเป็นครั้งแรก
ไฟห้องส่วนตัวไม่ได้ไหม้ไปทั้งหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นดวงไฟไหวพลิ้วไปสองสามครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ วอด
“โค้ก เจ้าจุดไฟหรือ?” หยวนชิงหลิงกำลังตื่นตระหนก มองใบหน้าบริสุทธิ์ของลูกชาย เอ่ยถาม
โค้กส่ายหน้า “หม่อมฉันแค่แทงนางเท่านั้น ไม่ได้จุดไฟพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่เจ้า? งั้นทำไมอยู่ๆ ก็มีไฟลุกขึ้นมาได้ล่ะ?” เมื่อครู่หยวนชิงหลิงจับจ้องมาตลอด ผ้าเช็ดหน้าของยายเฒ่าอยู่ดีๆ ก็ติดไฟขึ้นมา จากนั้นก็เป็นผมของฮุ่ยผิง อีกอย่าง มีแต่สิ่งที่โดนตัวนางถึงจะลุกไหม้ อย่างอื่นไม่เป็นอะไรเลย แม้แต่ผ้าม่านที่หย่อนตัวอยู่ในห้องก็ไม่ติดไฟ
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ” โค้กเอ่ย
ความเคลื่อนไหวในห้องส่วนตัวราวกับไม่ส่งผลถึงคนอื่น แม้แต่บ๋อยก็ไม่ไปทางนั้น เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้เมื่อหันกลับไปมอง ด้านในไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น แม้แต่เสียงของฮุ่ยผิงก็ไม่มีด้วย นางคาดเดาอยู่ในใจ คงไม่ได้ถูกคลอกตายไปแล้วนะ?
“ไม่ใช่เจ้าจริงหรือ?” หยวนชิงหลิงถามอีกครั้งอย่างไม่เชื่อ
นิ้วน้อยๆ ของโค้กบิดอยู่ในฝ่ามือของนาง “ท่านแม่ หม่อมฉันไม่ชอบเล่นไฟพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่เซเว่นอัพหรือเปล่า?” หยวนชิงหลิงลากเขาเดินเร็วไปทางห้องส่วนตัว พอผลักประตูออกก็เห็นเซเว่นอัพกับอะซี่กำลังกินของหวานหลังอาหารอยู่ เมื่อเห็นพวกนางกลับมาอะซี่ก็หัวเราะพลางเอ่ย “รีบมาชิมรังนกนมสดนี่เร็ว อร่อยมากเลย”
“ท่านแม่ อร่อยพ่ะย่ะค่ะ!” เซเว่นอัพก็หันกลับมาเรียกด้วย พวงแก้มน้อยๆ เปื้อนฟองนม ที่มุมปากก็ขาวเป็นวง
หยวนชิงหลิงมองเซเว่นอัพ แล้วมองโค้กอีก แววตาเหม่อไปเล็กน้อย
“พี่หยวน สีหน้าท่านไม่ดีเลย เป็นอะไรไปหรือ? หรือว่าฮูหยินฟางพูดอะไรแย่ๆ กับท่าน?” อะซี่เพิ่งสังเกตเห็นสีหน้านางที่แปลกไป
หยวนชิงหลิงนั่งลง มองอะซี่ “ไม่ใช่ฮูหยินฟาง แต่เป็นเจ้าหญิงฮุ่ยผิง!”
สีหน้าอะซี่เปลี่ยนฉับพลัน “อะไรนะ? เจ้าหญิงฮุ่ยผิง? ไม่มีอะไรนางมาจ่ายเงินให้เราทำไม?”
“อยากล่อข้าไป ในห้องมีนักฆ่าอยู่ คิดจะฆ่าพวกเรา” หยวนชิงหลิงตอบไปอย่างราบเรียบ
อะซี่ลุกขึ้นโดยพลัน “งั้นก็แย่นะสิ? ไหนล่ะ? หนีไปแล้วหรือ?”
หยวนชิงหลิงดึงมือนางไว้ “นั่งลง เรากลับมาได้อย่างปลอดภัย อย่าสนใจอีกเลย”
“องครักษ์ลับผีมาแล้วหรือ?” อะซี่มองโค้ก เห็นเขาปลอดภัยดีแล้วถึงวางใจ
หยวนชิงหลิงพยักหน้าเล็กน้อย “องครักษ์ลับผีมาแล้ว พวกเราก็เลยมา”
อย่างไรนางก็บอกอะซี่ไม่ได้ว่าฮุ่ยผิงถูกโค้กแทงบาดเจ็บ แล้วยังถูกไฟคลอกอีก เรื่องพวกนี้อธิบายไม่ได้
อะซี่เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “ไม่ได้ ข้าต้องไปด่านาง แล้วแจ้งทางการให้มาจับนางถึงจะถูก”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ อย่าวิ่งไปวิ่งมาเลย องครักษ์ลับผีจะจัดการเองนั่นแหละ เจ้าวางใจเถอะ ถึงจะไม่แจ้งทางการ นางก็คงไม่ได้อยู่ดีแน่…”
ไฟคลอกขนาดนั้นแล้ว ไม่แน่อาจตายแล้วจริงๆ
โค้กก็ลากมืออะซี่พูดด้วย “น้าสี่ คนพวกนั้นมีกระบี่ ท่านอย่าไปเลย น่ากลัวจะตาย”
อะซี่กุมใบหน้าโค้ก พูดอย่างเอ็นดู “ตายแล้วเจ้าโค้กน้อย ตกใจแย่แล้วละสิ? ไม่ต้องกลัวนะ เรื่องใหญ่แค่ไหน ก็มีน้าสี่เจ้าอยู่”
“ไม่ตกใจได้ยังไง? คนพวกนั้นดุจะตาย น้าสี่ ข้าก็อยากดื่มนมแพะ ท่านปล่อยข้า ข้าจะดื่มนมแล้ว”
อะซี่ปล่อยของลง หยิบรังนกนมสดบนโต๊ะให้เขา พูดอย่างสงสาร “ได้ รีบกินเถอะ รีบกิน ถ้าชอบน้าสี่จะพาเจ้ามาอีก”
แล้วนางก็ดันมาให้หยวนชิงหลิงอีกถ้วย “พี่หยวนก็กินสิ ตุ๋นได้หวานอร่อยมากเลย”