บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1239 น่าสงสัยมาก
หยวนชิงหลิงมองเขา ไม่เอ่ยปาก แต่นัยน์ตามีความเย็นชาเล็กน้อย
หลิวจิ้งก้มหน้า ดูเกร็งไม่สงบ แล้วเอ่ยเสียงเบา “แม่นมสี่ให้หม่อมฉันมาพ่ะย่ะค่ะ”
นี่กลับทำให้หยวนชิงหลิงคาดไม่ถึง สบตากับทังหยางทีหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเอ่ย “แม่นมสี่ให้เจ้ามาหาข้า และเป็นนางที่บอกให้เจ้าขายโรงงานยากับสถานพยาบาลแล้วแบ่งให้ข้าครึ่งหนึ่งหรือ?”
หลิวจิ้งนิ่งงันพักหนึ่งแล้วพยักหน้า “พวก…พวกเราพี่น้องแค่อยากไปจากเมืองหลวง ไม่อยากมีเรื่องกังวลอะไรอีก ใช้เงินครึ่งหนึ่งแลกกับความสงบสุขครึ่งชีวิตพวกเราพี่น้อง หม่อมฉันคิดว่าคุ้มค่ามากพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้นหรือ?” เสียงของหยวนชิงหลิงเย็นชาเพิ่งขึ้นอีก
หลิวจิ้งเริ่มร้อนรน “พี่สะใภ้เรื่องที่ท่านแม่หม่อมฉันวางแผนทำร้ายท่าน พวกเราพี่น้องไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่ห้องส่วนตัวในร้านอาหาร ถ้าไม่ใช่อาหลิวบอกพวกเราในภายหลัง พวกเราก็ไม่รู้ว่าท่านแม่จะทำร้ายท่าน โปรดเชื่อหม่อมฉันเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
“อาหลิว?”
“อาหลิวเป็นขุนนางในจวนเจ้าหญิงพ่ะย่ะค่ะ!”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “เจ้ากลับไปก่อน เรื่องขายโรงงานยากับสถานพยาบาลยังไม่ต้องรีบร้อน แล้วอย่าไปเรียกราคาข้างนอกไปเรื่อยล่ะ เรื่องนี้ข้าจะปรึกษากับพี่เจ้าก่อน เสร็จแล้วจะเรียกเจ้ามาที่จวน”
เมื่อหลิวจิ้งได้ยินดังนั้นก็โล่งอก เงยหน้าขึ้นเอ่ย “พี่สะใภ้โปรดวางใจ หม่อมฉันต้องทำตามที่พูดไว้แน่ จะไม่หวงเงินได้เด็ดขาด”
“เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดถึง กลับไปเถอะ!” หยวนชิงหลิงกล่าว
หลิวจิ้งคำนับแล้วก็จากไป ทังหยางไปส่งเขาด้วยตนเอง ถามอีกนิดหน่อย “อาหลิวท่านนั้นยังอยู่ในจวนเจ้าหญิงหรือไม่ขอรับ?”
“อยู่ ช่วยเรื่องงานศพของท่านแม่อยู่”
“เมื่อก่อนเขาก็ช่วยเจ้าหญิงดูแลเรื่องโรงงานยาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ใช่ เขาเป็นผู้ดูแลโรงงานยา!” หลิวจิ้งเอ่ย
“อ้อ ท่านกลับไปก็บอกกับอาหลิว ให้เขาวางใจ พระชายารัชทายาทรู้ความประสงค์ของเขาแล้ว” ทังหยางพูดหน้านิ่ง หลิวจิ้งจึงพูดขึ้นอย่างซาบซึ้ง “เช่นนั้นก็ขอบคุณใต้เท้าทังมาก”
“น้อมส่งคุณชาย!” ทังหยางส่งถึงปากประตู มองเขาขึ้นรถม้าแล้วหมุนตัวเข้าไป
หยวนชิงหลิงสั่งให้คนเข้าวังไปส่งจัดหมายให้แม่นมสี่แล้ว ให้นางกลับมาหน่อย
ทังหยางให้คนอื่นออกไป แล้วเอ่ยกับหยวนชิงหลิง “ไม่ใช่แม่นมสี่ให้เขามาพ่ะย่ะค่ะ น่าจะเป็นอาหลิวคนนั้น เมื่อครู่กระหม่อมคุยกับท่านชาย ให้ท่านชายกลับไปบอกอาหลิว ว่าให้เขาวางใจ พระชายารัชทายาทรงทราบความประสงค์ของเขาแล้ว แล้วท่านชายก็รับคำ เห็นได้ว่าคนที่คิดแผนนี้ก็คืออาหลิวพ่ะย่ะค่ะ”
“งั้น อาหลิวคนนั้นก็ต้องบอกท่านชายว่าอย่าเผยว่าเป็นเขา ก็เลยอ้างว่าแม่นมสี่บอก แต่ตอนที่สั่งประหารเจ้าหญิงฮุ่ยผิง แม่นมสี่เป็นคนจัดการ เชิญนางมาถามหน่อยก็ดี” หยวนชิงหลิงกล่าว
ทังหยางเอ่ย “ถ้าเป็นอาหลิวคนนี้บอก เช่นนั้น คนผู้นี้ก็มีใจคิดไม่ซื่อนะพ่ะย่ะค่ะ”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “ตอนนั้นหงเล่อยู่ในเมืองหลวง กว้านซื้อวัตถุดิบยาอย่างไม่เกรงกลัว แต่ตลาดวัตถุดิบยาในตอนนั้นเจ้าหญิงฮุ่ยผิงเป็นคนควบคุมเกือบทั้งหมด กวาดซื้อยาไปหลายชนิดภายใต้สายตาของนาง แล้วเจ้าหญิงฮุ่ยผิงจะไม่รู้ได้ยังไง? นางรู้ แต่นางทำเฉย ไม่เข้าแทรกแซง นั่นไม่แปลกหรือ?”
ทังหยางพยักหน้า “ขณะเดียวกันอาหลิวคนนี้ก็เป็นผู้ดูแลโรงงานยาด้วย ถ้าเขาบอกเจ้าหญิงฮุ่ยผิงว่าอย่ายุ่ง ก็คือดูไฟจากชายฝั่ง ก็ไม่แน่ว่าเจ้าหญิงฮุ่ยผิงจะฟังเขา นอกเสียจากมีผลประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ!”
“ฉะนั้นเจ้าสงสัยว่าเจ้าหญิงฮุ่ยผิงอาจได้รับผลประโยชน์จากหงเล่?”
ทังหยางมองนาง “พระชายารัชทายาทก็ทรงคาดเดาเช่นนี้มิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ถ้าการคาดเดานี้ถูก งั้นอาหลิวก็ยิ่งน่าสงสัย เขาให้หลิวจิ้งมาหาข้า ให้ข้าช่วยเขาขายสถานพยาบาลกับโรงงานยา ถึงตอนนั้นค่อยแบ่งเงินให้ข้าครึ่งหนึ่ง หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเจ้าห้ากับข้า”
ทังหยางคิดแล้วจึงเอ่ย “ถ้าคิดลึกกว่านี้ อาหลิวคนนี้ก็คงเป็นคนของหงเล่ เขาแค่ช่วยหงเล่ แต่ตอนที่หงเล่เคลื่อนไหวเขาไม่ทันออกมา แน่นอน ทั้งหมดนี่เป็นเพียงการคาดเดา ยังต้องตรวจสอบอีกพ่ะย่ะค่ะ”
เนื่องจากสุขภาพของไท่ซ่างหวงไม่ค่อยดี ดังนั้นอีกวันหนึ่งแม่นมสี่ถึงออกวังกลับมาที่จวน
พอได้ยินว่าไท่ซ่างหวงไม่สบาย หยวนชิงหลิงก็ไม่สนใจถามเรื่องหลิวจิ้ง “ทำไมถึงไม่สบายล่ะ? อาการหนักหรือไม่?”
แม่นมสี่ก็อ่อนล้าอยู่เหมือนกัน “สองคืนมานี้หลับไม่สนิทเพคะ ตื่นขึ้นมายามดึกสูบกระเป๋ายา เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ดึกดื่นมีน้ำค้างอากาศเย็น ทรงจะนั่งสูบกระเป๋ายาที่ระเบียงให้ได้ พอสูบก็ครึ่งชั่วยาม ก็เลยป่วยเพคะ”
“เชิญหมอหลวงแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
“เชิญแล้วเพคะ วันนี้เช้าเชิญมาแล้ว ท่านเซียวเหยากงกับท่านโสวฝู่ก็ป่วยตามไปด้วย” แม่นมสี่พูดอย่างจนใจ
“ทำไมพวกเขาก็ป่วยด้วยล่ะ?” หยวนชิงหลิงตะลึง
แม่นมสี่ถอนหายใจ มองนาง “ไท่ซ่างหวงทรงตื่นขึ้นมาหากระเป๋ายายามดึก เช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขาตื่นได้อย่างไรเพคะ? เดิมก็พักอยู่ในตำหนักเดียวกันอยู่แล้ว คนหนึ่งตื่นขึ้นมา อีกสองก็พลอยตื่นด้วย คนหนึ่งถือสุรา คนหนึ่งถือชา ส่วนอีกคนก็สูบยาเส้น สนทนากันโต้ลมเย็นที่ระเบียง ผ่านไปครึ่งชั่วยามหนึ่งชั่วยาม คราวนี้ล่ะทั้งสามได้ป่วยกันเลย วันนี้จึงย้ายเหล่าพระนัดดาไปที่หอจัยซิงพักสองสามวัน จะได้ไม่ป่วยไปด้วยเพคะ”
ดวงตาหยวนชิงหลิงตึงเครียด “ทรงเสียพระทัยการตายของเจ้าหญิงฮุ่ยผิงละสิ?”
“พระชนมายุสูงจึงยิ่งรับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ยาพิษไท่ซ่างหวงทรงเลือกเอง ไม่เจ็บปวด เจ้าหญิงฮุ่ยผิงก็ไปอย่าง…ค่อนข้างสงบ” นางเองก็ไอไปทีหนึ่ง สีมือ ลู่หยาที่อยู่ด้านข้างจึงเอาโถน้ำร้อนยื่นให้นางทันที นางรับมากอดไว้ในอก แล้วพูดกับหยวนชิงหลิงต่อ “แต่พระชายารัชทายาทไม่ต้องทรงเป็นห่วงไปนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้พวกเขาทั้งสามอยู่เป็นเพื่อนกัน ถึงจะทุกข์ใจก็ผ่านไปได้ อีกอย่าง ไท่ซ่างหวงทรงทราบดีว่าเจ้าหญิงฮุ่ยผิงสมควรตาย”
หยวนชิงหลิงอัดอั้นใจเล็กน้อย จมูกเริ่มตัน “ยังไงก็รบกวนให้แม่นมดูแลไท่ซ่างหวงให้ดีด้วย!”
“วางใจเถอะเพคะ ข้าน้อยต้องดูแลอย่างดีแน่” แม่นมสี่เอ่ย มือร่างกายอุ่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกว่าไอเย็นลดลงไปบ้าง จึงถาม “ที่เรียกให้ข้าน้อยมา มีเรื่องอะไรหรือเพคะ?”
เมื่อนั้นหยวนชิงหลิงถึงนึกเรื่องหลิวจิ้งขึ้นมาได้ เอ่ยถาม “แม่นม เป็นท่านแนะนำให้ลูกชายของเจ้าหญิงฮุ่ยผิง ให้เขามาให้ข้าช่วยขายโรงงานยากับสถานพยาบาลหรือ?”
แม่นมสี่ชะงัก “จะเป็นไปได้อย่างไรเพคะ? ข้าน้อยแค่แนะนำให้ทรงขายทิ้ง ทำการค้าอื่น ไม่ได้บอกให้ทรงมาหาท่านเพคะ”
“แนะนำให้เขาขายโรงงานยา แล้วนอกจากนั้นท่านยังได้พูดอะไรกับเขาอีกหรือไม่?” หยวนชิงหลิงเอ่ย
แม่นมสี่เอ่ย “ตอนนั้นเขานำยาพิษเข้าข้างใน ผสมลงในยาให้เจ้าหญิงฮุ่ยผิงเสวย พอเจ้าหญิงฮุ่ยผิงสิ้นลมแล้วก็รั้งข้าน้อยไว้ ถามข้าน้อยสองสามประโยค ที่ถามไม่มีต้นสายปลายเหตุ ถามว่าองค์รัชทายาทกับพระชายาจะหาเรื่องเขาหรือไม่ จะปล่อยพวกเขาพี่น้องหรือไม่ ข้าน้อยบอกคุณชายแล้ว องค์รัชทายาทจะไม่ทำอะไรพวกเขาพี่น้องเด็ดขาด ให้วางใจ ถ้ายังกังวลมากจริง ก็ออกจากเมืองหลวงไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น ก็พูดไปประมาณนี้เพคะ”
หยวนชิงหลิงจะหัวเราะก็ไม่เชิง “เขาถึงกับถามว่าข้ากับองค์รัชทายาทจะแก้แค้นพวกเขาเชียวหรือ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพวกเขา?”
แม่นมสี่เอ่ย “นั่นสิเพคะ ข้าน้อยก็บอกพวกเขาไปอย่างนี้ ให้พวกเขาวางใจ แต่ข้าน้อยเห็นท่าทางพวกเขาวิตกกังวลมากจริงๆ ไม่รู้ว่ามีคนบอกพวกเราว่าองค์รัชทายาทจะคิดบัญชีกับเขาหรืออย่างไรเพคะ”