บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1261 ผู้มาเยือนจากทางใต้
ทังหยางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หน้าประตูว่างเปล่าวังเวง มีเพียงเสียงลมที่พัดข้ามถนนสายยาว พัดกองเศษใบไม้ปลิวว่อน
น่าแปลก
ในใจของทังหยางรู้สึกสงสัยอย่างมาก กลางวันแสก ๆ คงไม่ใช่ว่าถูกผีหลอกเข้าแล้วหรอกนะ?
เขาไม่ได้คิดไปถึงหนานเปียนเค่อเขาคิดว่าถ้าในเมื่อหนานเปียนเค่อเป็นนักฆ่าลึกลับ ถ้าจะมาจริง ๆ จะต้องมาตอนกลางคืนแน่ การเคาะประตูด้วยการประโคมโหมแห่เสียใหญ่โตแล้วขอน้ำกินหน้าด้าน ๆ แบบนั้น ในความเป็นจริงย่อมไม่ใช่ทางที่นักฆ่าผู้น่าสะพรึงกลัวจะทำอยู่แล้ว
เขาให้ผู้ดูแลต้อนรับปิดประตู หันหลังกลับเดินเข้าไปข้างใน แต่เพิ่งก้าวเท้าเหยียบขั้นบันไดหินในห้องโถงใหญ่ แล้วได้เห็นคนผู้นั้นนั่งอยู่ข้างใน ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกว่าเลือดในกายจับตัวจนแข็งเยือก หนังศีรษะถึงกับชาหนึบ!
สิ่งที่ยิ่งทำให้หนังศีรษะของเขาชาหนึบกว่าก็คือ การได้เห็นพระชายารัชทายาทนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ กำลังยิ้มแย้มพูดคุยกับหนานเปียนเค่อ
ทังหยางรีบหันกลับไปทันทีและสั่งคนรับใช้ว่า “รีบไปที่จวนเหลิ่งเร็วเข้า ไปบอกรัชทายาทว่าหนานเปียนเค่อเหมือนจะมาที่จวนนี้แล้ว!”
เมื่อคนรับใช้ได้ยินคำพูดนั้นก็ตกใจมาก รีบหันหลังวิ่งออกไปทันที
ทังหยางจึงสั่งให้คนรับใช้พาหมาป่าหิมะกับเจ้าเสือน้อยมา ค่อยสะกดจิตใจอันหนักอึ้งของตัวเองลงไป ฝืนยกรอยยิ้มบนใบหน้าเล็กน้อย ก้าวเท้าขึ้นเหยียบบนบันไดหินเดินเข้าไปข้างใน
“โอ้ ท่านผู้เฒ่า ที่แท้ท่านเข้ามาแล้วหรือนี่? ข้ายังนึกแปลกใจอยู่เชียวว่าทำไมถึงไม่เห็นท่าน ” ทังหยางพูดพร้อมกับกำหมัดประสานมือเอ่ยทักทาย
หนานเปียนเค่อมองทังหยาง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ข้ากระหายน้ำมากจริง ๆ จึงเข้ามาขอน้ำดื่มสักแก้ว พระชายารัชทายาทช่างใส่ใจยิ่งนักบอกว่าถ้ากระหายน้ำก็ดื่มน้ำเย็น ๆ สักแก้วจะดีที่สุด ที่จวนรัชทายาทแห่งนี้ช่างดีจริง ๆ อยากดื่มน้ำเย็น ก็มีน้ำเย็นให้ พระชายารัชทายาทช่างดีเหลือเกินแล้ว!”
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วพูดว่า”ไม่เป็นไรหรอก ท่านผู้เฒ่า ท่านเดินทางมาจากแดนไกล เราควรต้อนรับขับสู้ให้ดีถึงจะถูก”
นางเงยหน้าขึ้นมองทังหยาง สีหน้าฉายแววฉงนสงสัย เห็นได้ชัดว่านางยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของ หนานเปียนเค่อ
ทังหยางกลับขยิบตาส่งสัญญาณให้นางแล้วพูดว่า “พระชายารัชทายาท พระราชนัดดากำลังตามหาท่านอยู่ ท่านรีบกลับไปดูเขาเถอะ ข้าจะต้อนรับท่านผู้เฒ่าให้เอง”
“ซาลาเปากำลังนอนกลางวัน อีกครู่หนึ่งเขาต้องตื่นไปฝึกวรยุทธ์” หยวนชิงหลิงพูดไปพลาง ก็เห็นว่าทังหยางขยิบตาให้นางตลอดเวลา จึงลังเลไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เอาเถอะ ข้าจะไปดูเขาเสียหน่อย”
ทังหยางก็ยิ้มพลางพูดว่า “เชิญท่านผู้เฒ่านั่งพักสักครู่ ข้าน้อยมีคำพูดสองสามประโยคที่อยากจะคุยกับพระชายารัชทายาท”
หนานเปียนเค่อประสานมือพลางพูดว่า “ท่านยุ่งไม่น้อย ไปทำธุระของท่านก่อนเถอะ ข้ารอดื่มน้ำสักแก้วก็พอ!”
ทังหยางกับหยวนชิงหลิงเดินออกไป ทันทีที่พวกเขาพ้นออกจากหน้าประตู ทังหยางก็ไม่สนใจความแตกต่างระหว่างชายหญิง หรือความแตกต่างในชนชั้นฐานันดรใด ๆ ถึงขั้นคว้าแขนเสื้อของหยวนชิงหลิงแล้วดึงออกไปทันที
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นทังหยางมีสีหน้าซีดเซียวขนาดนี้มาก่อน จึงรู้สึกตกใจมาก ท่านผู้เฒ่าคนนี้ คงไม่ใช่ว่าเป็นนักฆ่าหรอกนะ?
หลังจากดึงหยวนชิงหลิงไปตลอดจนถึงระเบียงทางเดินวน เมื่อเห็นอะซี่หันหน้ามามองเขา ทังหยางค่อยยอมปล่อยแขนเสื้อของนาง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า”พระชายารัชทายาทโปรดรีบกลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ แล้วอย่าออกมาเด็ดขาด คนผู้นี้มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นหนานเปียนเค่อ!”
หยวนชิงหลิงตกใจมาก “อะไรนะ? เขาคือ หนานเปียนเค่อ? แน่ใจแล้วรึ?”
อะซี่เพิ่งมาถึง ได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจมากเช่นกัน
ทังหยางตอบว่า”ยังไม่แน่ใจ แต่คนคนนี้มีวิชาตัวเบาที่ดีมาก เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งคุยกับเขาที่หน้าประตู เพียงชั่วพริบตาเขาก็เข้ามาได้แล้ว กระทั่งข้าก็ยังดูไม่ออกว่าเขาเข้ามาได้อย่างไร . เมื่อครู่นี้ท่านคุยเรื่องอะไรกับเขารึ?”
หยวนชิงหลิงตกใจมากจริง ๆ ชายชราคนนี้ดูเหมือนชายชราทั่ว ๆ ไปที่ธรรมดาสามัญอย่างที่สุด ก็เป็นหนานเปียนเค่อได้เลยเชียวรึ?
“ข้าบังเอิญอยู่ในห้องโถงเมื่อตอนที่เขาเข้ามา เมื่อเขาเห็นข้า เขาก็บอกว่ากระหายน้ำ อยากขอน้ำสักแก้ว ข้าจึงให้ฉี่หลอไปเตรียมน้ำแข็งมา เขาถามข้าว่า ข้าคือพระชายารัชทายาทใช่หรือไม่? เขาบอกว่าเขามาจากแดนไกล มีธุระอยากมาพบรัชทายาท ข้าคิดว่าเขาเป็นพลเมืองของเมืองใดเมืองหนึ่ง ต้องการมาร้องขอการอุทธรณ์หรืออะไรแบบนั้น”
อะซี่ลดเสียงลงแล้วพูดว่า “เขาไม่ใช่ว่าอยากดื่มน้ำหรอกรึ? เราวางยาพิษเขาในน้ำ ให้เขาตายเพราะยาพิษไปเสีย เขาก็จะไม่มีวันมารบกวนรัชทายาทได้อีกต่อไป”
ทังหยางส่ายหน้า “ไม่ได้ ประการแรก ข้าไม่แน่ใจว่าเขาคือหนานเปียนเค่อ ประการที่สอง ถ้าเขาคือหนานเปียนเค่อจริง ๆ เขาจะสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็ว เกรงว่าเขาอาจจะชิงลงมือโจมตี เวลานี้นอกจากเจ้าเสือน้อยกับหมาป่าหิมะ ก็ไม่มียอดฝีมือในจวนเลย อย่างไรก็ต้องไปดึงตัวคนของท่านชายสี่มาให้ได้ อะซี่ เจ้ากลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่กับพระชายารัชทายาทก่อน แล้วอย่าออกมาเด็ดขาด ข้าจะไปรับหน้าเขาไว้พลาง ๆ ก่อน”
“ใต้เท้าทัง ระวังตัวด้วยล่ะ!” หยวนชิงหลิงกำชับ
“ พระชายารัชทายาทโปรดวางใจเถอะ เป้าหมายของเขาไม่ใช่ข้า เขาไม่ลงมือฆ่าคนส่งเดชแน่! ” ทังหยางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ พอดีกับที่ฉี่หลอก็ยกน้ำเย็นมาถึง ทังหยางมารับไปแล้วพูดว่า”เจ้ากลับไปที่ตำหนักเซี่ยวเยว่ดูแลพระชายารัชทายาทหน่อย นางบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อย”
“รับทราบ!” ฉี่หลอได้ยินว่าพระชายารัชทายาทรู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงรีบส่งน้ำเย็นให้ แล้วหันหลังกลับเดินออกไปทันที
ทังหยางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นอย่างสุภาพ จากนั้นก็ยกน้ำเย็นเดินเข้าไป วางมันลงบนโต๊ะน้ำชาข้าง ๆ หนานเปียนเค่อ “ท่านผู้เฒ่า เชิญดื่มน้ำ!”
หนานเปียนเค่อ เหมือนดั่งได้พบสมบัติล้ำค่า ยกน้ำขึ้นมาดื่มลงไปดัง “อึก ๆ ๆ” ด้วยท่าทางที่เรียกได้ว่าดื่มด่ำแช่มชื่นอย่างยิ่ง หลังจากดื่มเสร็จ ก็ค่อย ๆ วางแก้วน้ำลงแล้วพูดด้วยความยินดีว่า “พระชายารัชทายาทไม่ได้หลอกข้าจริง ๆ เจ้าน้ำผลไม้เย็น ๆ นี้มันดับกระหายได้จริง ๆ ด้วย บุญคุณของน้ำเย็นแก้วนี้ ข้าจะขอจดจำมันไว้ไม่ลืม!”
ทังหยางนั่งลงแล้วมองเขาอย่างระมัดระวัง “ไม่ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ที่ไหนรึ?”
หนานเปียนเค่อ ประสานมือ “เสียมารยาทแล้ว ตัวข้าเป็นผู้มาจากทางใต้”
ทังหยางพลันรู้สึกว่าเลือดในกายแข็งตัวไปชั่วขณะ สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย สรุปว่าเป็นเขาจริง ๆ
“ดังนั้น ท่านมาที่นี่ก็เพื่อเงินหนึ่งล้านตำลึงทองอย่างนั้นรึ?” ทังหยางถาม
หนานเปียนเค่อ พยักหน้า “ถูกต้อง เงินหนึ่งล้านตำลึงทองนี้ ช่างน่าดึงดูดใจยิ่งนัก ตัวข้าอาศัยอยู่ในชนบทอันห่างไกลมานานหลายปี หมู่บ้านโดยรอบก็ยากจนกันดารนัก ข้าจึงอยากหาเงินไปช่วยสักก้อน”
“ ท่านผู้เฒ่าช่างมีจิตใจเมตตากรุณา แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า รัชทายาทองค์ปัจจุบันก็ทรงเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ทั้งยังฉลาดหลักแหลมมากอีกด้วย? ”
“ข้ารู้ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือของรัชทายาทมาแล้ว!” หนานเปียนเค่อ หยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วพูดด้วยท่าทางติดจะกระดากอายเล็กน้อยว่า “พอจะขอน้ำเพิ่มอีกสักแก้วได้หรือไม่? หรือไม่ก็สักกาหนึ่ง ถ้าไม่มีน้ำแข็งมากขนาดนั้น ก็ตักน้ำจากบ่อใส่ถังมาเลยก็ได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้อากาศเย็น แต่น้ำในบ่อกลับอุ่นเสียได้ ไม่พอดับกระหายเอาเสียเลย!”
สีหน้าของทังหยางเริ่มเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้น หนึ่งถัง!?
เขาเรียกหูหมิงเข้ามาแล้วสั่งว่า”ไปที่โกดังเก็บน้ำแข็งเอาน้ำแข็งออกมาก้อนหนึ่ง แล้วไปตักน้ำจากบ่อมาหนึ่งถัง เอาน้ำแข็งนั้นแช่ลงไปในถัง แล้วยกมาที่นี่หน่อย!”
“ขอรับ!” หูหมิงรับคำสั่งแล้วรีบออกไปทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง หูหมิงกับหกเกอเอ๋อก็ช่วยกันยกถังน้ำเข้ามา แล้ววางลงในห้องโถง ทันทีที่หนานเปียนเค่อ เห็น เขาก็ยินดีมากจนถึงกับเนื้อเต้นมือไม้สั่นไปหมด เอาแต่พูดซ้ำ ๆ ว่า “ช่างใจกว้างเหลือเกินแล้ว ขอบคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณอย่างยิ่ง!”
เขาเดินเข้าไป ยกถังน้ำด้วยมือข้างเดียว แล้วดื่มน้ำจากถังในลักษณะนั้นตรง ๆ
ถังน้ำใบนี้ใหญ่มาก ถึงขั้นต้องให้หกเกอเอ๋อกับหูหมิงช่วยกันยกสองคน ถึงสามารถยกเข้ามาได้ แต่เขากลับยกมันขึ้นมาแบบสบาย ๆ แล้วดื่มอย่างไม่สะทกสะท้าน
เขาไม่ได้หยุดหายใจเลย ดื่มต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ทังหยางเห็นดังนั้นก็แทบจะยืนขึ้นอยู่แล้ว น้ำถังนี้ถ้าดื่มลงไปจนหมด คนจะไม่บวมน้ำจนจุกตายหรอกรึ?
น้ำหนึ่งถังเต็ม ๆ ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว ทั้งหมดเข้าไปอยู่ในท้องของหนานเปียนเค่อแต่ท้องของเขากลับไม่บวมขึ้นมาเลย ราวกับว่าเขาไม่เคยดื่มมันลงไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่ใบหน้า ลำคอ และมือที่ผอมบางคู่นั้นของเขา กลับชุ่มชื้นขึ้นมาทันที เหมือนดินอันแห้งผากที่พอรดน้ำลงไป ก็ได้รับความชุ่มชื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นี่มันวิชาพิสดารอะไรกันล่ะนี่?
ทังหยางตกใจจนตะลึงพรึงเพริดไปแล้ว!
เจ้าเสือน้อยกับหมาป่าหิมะก็มาแล้ว พวกมันนั่งหมอบอยู่ข้างนอก เจ้าเสือน้อยแสดงท่าทีค่อนข้างหยิ่งยโส ไม่สนใจอะไรหรือใครมากนัก แค่นั่งหมอบอย่างเงียบ ๆ ด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
ในทางตรงกันข้าม หมาป่าหิมะดูมีท่าทีอยากรู้อยากเห็นมากกว่า เอาแต่หันหน้ามองเข้าไปไม่หยุด ดวงตาสีฟ้ามองจ้องไปที่หนานเปียนเค่อบางทีอาจเป็นเพราะทั่วร่างของ หนานเปียนเค่อไม่มีไอสังหารแผ่ออกมา ดังนั้น พวกมันจึงไม่แสดงเจตนาที่จะโจมตีเข้ามาเช่นกัน