บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1279 แม่ทัพหลักได้รับบาดเจ็บ
เลือดสายหนึ่งสาดกระเซ็นออกมาในลานสายตาของเขา แขนข้างหนึ่งของอ๋องอานพลันขาดร่วงลงบนพื้น ดวงตาของแม่ทัพใหญ่ฉินแดงก่ำไอสังหารคุกรุ่น ดึงดาบใหญ่กลับไปแล้วยกขึ้น เพื่อเตรียมกุดหัวของอ๋องอานทันที
อ๋องเว่ยถูกผลักตกจากหลังม้า ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย เขากวาดตามองด้วยความตื่นตระหนก ตกใจจนอกสั่นขวัญหายอ้าปากแผดร้องตะโกนว่า “เจ้าสี่!”
เขาสาวเท้าก้าวหนึ่ง คิดอยากจะพุ่งเข้าไปช่วย แต่ถูกกองทัพเป่ยโม่รุมล้อมเข้ามาทันที เขาส่งเสียงร้องคำรามอย่างเศร้าโศกและโกรธแค้น เหมือนดั่งสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่อาจเข้าไปช่วยได้ ในทางกลับกัน เขาเป็นฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บถึงสองแห่งแทน
อ๋องอันถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งเห็นดาบเล่มใหญ่ฟันลงมาอีกครั้ง เขาไม่มีที่ไหนให้หลบซ่อน เลือดในร่างกายเหมือนจะแข็งเยือก มองเห็นเทพแห่งความตายมารอตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ ร้องตะโกนจนสุดเสียงว่า “เหยียนเอ๋อ!”
ปรากฏเสียงดัง “เคร้ง” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง มีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งอย่างรวดเร็ว เข้ามาชนปะทะกับดาบของแม่ทัพใหญ่ฉิน แต่ก็เป็นแค่การปะทะเท่านั้น ดาบก็ยังฟันลงไปที่ส่วนหัวของอ๋องอาน เส้นผมปอยหนึ่งถูกตัดจนปลิวกระจัดกระจาย อ๋องอานแทบไม่กล้าเชื่อว่า หัวของตัวเองจะยังเชื่อมติดกับคออยู่
หยู่เหวินเห้าเหินกายเหยียบมาบนหัวคน กระบี่ของเขาพุ่งออกไปแล้ว มาถึงทั้งมือเปล่า ๆ แล้วแย่งอาวุธของทหารเป่ยโม่คนหนึ่งมา ฟันเข้าใส่หัวของแม่ทัพใหญ่ฉินทันที
แม่ทัพใหญ่ฉินสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย พลิกฝ่ามือฟาดเขากลับไปฝ่ามือหนึ่ง ร่างของหยู่เหวินเห้าถอยกลับหลังไปกลางอากาศ แต่ก็เหยียบหัวคนที่อยู่ในสนามแล้วเหินกลับไปอีก
หงเย่กับหนานเปียนเค่อก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนพุ่งเข้าล้อมโจมตีแม่ทัพใหญ่ฉิน ท่ามกลางผู้คนที่เบียดเสียดยุ่งเหยิงเหมือนมดแตกรัง เป็นการยากที่จะสู้แบบคลุกวงใน การโจมตีระยะประชิดจึงไม่ส่งผลคุกคามแม่ทัพใหญ่ฉินมากนัก อีกทั้งทันทีที่มีคนเปิดทางให้ ทหารของเป่ยโม่ก็กรูกันเข้ามาเหมือนสายน้ำหลั่งไหล ทำลายการล้อมโจมตีของทั้งสามคนทันที
ทัพม้าศึกของหยู่เหวินเห้า ก็ถูกโจมตีจนกระจัดกระจายไปแล้วเช่นกัน เขาทำได้แค่อุ้มอ๋องอานออกมาให้รอดพ้นจากการถูกล้อมโจมตี อ๋องอานสลบไปแล้ว เพราะความเจ็บปวดจากแขนที่ขาด และเสียเลือดแบบฉับพลัน บวกกับความเหนื่อยล้าในช่วงหลายวันมานี้ ทำให้เขาฝืนทนต่อไปไม่ไหว
อ๋องเว่ยเหวี่ยงกระบี่ฟันออกไป พยายามช่วยหยู่เหวินเห้าให้หลุดพ้นจากการถูกล้อม แต่ในเวลานี้ จำนวนกองกำลังของเป่ยโม่แสดงถึงความได้เปรียบกว่ามาก พวกเขาถูกปิดกั้นหมดทุกทิศทาง ทำให้ไม่มีวิธีหนีออกไปได้
หยู่เหวินเห้าอุ้มอ๋องอานขึ้นมาอีกครั้ง จึงไม่สามารถใช้สองมือได้ ต้องอาศัยหงเย่ช่วยเปิดทางให้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ยากลำบากอย่างถึงขีดสุด เมื่ออ๋องอานได้สติฟื้นจากความเจ็บปวดขึ้นมา ก็เห็นดาบเล่มหนึ่งฟันเข้าใส่หยู่เหวินเห้า แม้ว่าจะถูกปัดออกโดยหงเย่ แต่ก็นับว่าอันตรายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดเช่นกัน
อ๋องอานใช้มืออีกข้างที่เหลือ จับแขนของหยู่เหวินเห้า ใบหน้าแทบจะเรียกได้ว่าดุร้าย
“ทิ้งข้าไว้ รีบหนีไปซะ ประเทศ… อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้สืบทอด”
หยู่เหวินเห้ากัดฟันกรอด ก้มหน้าลงมองสำรวจเขาอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง “ยังทนไหว ทนต่อไปให้ไหว ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า”
หงเย่กวัดแกว่งดาบอยู่ข้าง ๆ เขาเริ่มจะต้านไว้ไม่อยู่แล้ว “ข้าจะบุกฆ่าออกไป เจ้าใช้วิชาตัวเบาพาอ๋องอานหนีไป”
มือข้างหนึ่งของเขาแย่งกระบี่ของทหารเป่ยโม่มา แล้วใช้กระบี่ทั้งสองฟาดฟันเปิดทาง ทุกกระบวนท่าล้วนอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ไม่มีหนทางที่จะบุกฆ่าออกไปได้เลย เพราะทันทีที่ล้มลงไปหนึ่งคน ก็จะมีคนมาแทนที่ตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการที่คนกลุ่มใหญ่ ๆ บุกเข้ามาพร้อมกัน ทั้งกระบี่ทั้งดาบก็พุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง หงเย่จึงออกอาวุธไม่ได้ ทั้งแขนและแผ่นหลังล้วนได้รับบาดเจ็บ
เขาได้รับบาดเจ็บ ความเร็วของเขาจึงลดลงไป ทำให้สถานการณ์ของหยู่เหวินเห้ายิ่งอันตรายเข้าขั้นวิกฤติ ทั้งดาบทั้งกระบี่พุ่งเข้าหาเขา แทงโดนอ๋องอาน ยิ่งแทงโดนหยู่เหวินเห้า กระบี่เล่มหนึ่งแทงมาจากด้านหลังของเขา แต่เพราะเขาสวมเสื้อเกราะ จึงไม่ได้รับอันตรายชั่วคราว เขากัดฟัน มองหาช่องว่างท่ามกลางฝูงคน พยายามจะใช้วิชาตัวเบาเหินขึ้นไปหลายครั้ง แต่ก็ถูกสกัดกั้นไว้ทุกครั้ง
ดาบอีกเล่มหนึ่งฟันเข้าที่ขาของเขา ดาบเล่มนี้ฟันโดนอย่างจัง ชั่วพริบตาเลือดก็ไหลอาบออกมาทันที หอกสั้นยังคงโจมตีต่อเนื่อง เจาะทะลุเสื้อเกราะของเขา มีดาบแทงเข้ามาจากด้านหลัง หยู่เหวินเห้ารู้สึกเจ็บแปลบที่หลังอย่างรุนแรง ร่างกายเริ่มโอนเอน คล้ายว่าจะยืนไม่อยู่
เขาคำรามอย่างโกรธจัด เตะคนที่อยู่ข้างหน้าออกไป คิดจะเหยียบหัวอีกฝ่ายเหินกายขึ้นไป แต่แม่ทัพใหญ่ฉินชิงเหาะขึ้นมากลางอากาศ แล้วใช้ดาบยาวดักทางเอาไว้เสียก่อน เขาเห็นว่าอ๋องเว่ยได้แทรกตัวพุ่งเข้ามา ก็ร้องตะโกนเสียงดัง แล้วเหวี่ยงอ๋องอานด้วยกำลังทั้งหมดที่มีไปให้ อ๋องเว่ยรับไว้ได้ แต่หยู่เหวินเห้าไม่อาจต้านทานดาบใหญ่ของแม่ทัพใหญ่ฉินได้ไหว ดาบใหญ่เชือดเข้าที่หน้าอกของเขา เลือดไหลกระเซ็น เซียวเหยากงบุกทะลวงวงล้อมเข้ามา รับเขาไว้กลางอากาศได้ทัน แล้วขว้างกระบี่ทะยานออกไป แต่แค่เฉี่ยวคอของแม่ทัพฉินไปเท่านั้น
กระบี่เฉี่ยวที่คอของแม่ทัพฉิน หงเย่เห็นเป็นโอกาสเหมาะ รีบเหยียบหัวศัตรูเหินขึ้นไป ฟาดฟันด้วยกระบี่ในมือทั้งสองเล่ม เฉือนแขนทั้งสองข้างของแม่ทัพใหญ่ฉิน ปราณกระบี่นั้นดุดันร้ายกาจ เสื้อเกราะพลันทะลุขาดออกจากกัน เลือดสด ๆ ไหลอาบออกมาจากข้างใน
หงเย่ก่นด่าสาปแช่งไปประโยคหนึ่ง กลายเป็นว่าไม่อาจตัดแขนของเขาให้ขาดได้
เนื่องจากแม่ทัพได้รับบาดเจ็บ สถานการณ์การต่อสู้จึงเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดไปแทน ทั้งสองฝ่ายสูญเสียความตั้งใจที่จะโจมตี เพราะแท้ที่จริงพวกเขาต่างก็หมดแรงจนถึงขีดจำกัดแล้ว ต่อให้สู้ต่อไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีผลลัพธ์ที่ดีออกมา
ไท่ซ่างหวงสั่งถอยทัพ กองทัพทั้งหมดจึงถอยกลับไปที่ตัวเมือง
หยู่เหวินเห้าถูกส่งกลับไป ได้ยินว่าให้ถอยทัพ ก็พยายามดิ้นรนร้องขอให้ยืนหยัดต่อไปอีกสักพัก จะยอมให้เกิดความล้มเหลวเนื่องจากขาดความพยายามครั้งสุดท้ายไม่ได้ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แค่จะหายใจก็ยังลำบาก หลังจากพูดประโยคนี้จบ เขาก็แทบจะเป็นลมหมดสติไป
ไท่ซ่างหวงมองดูหลานชายที่ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ ทั้งทุกข์ใจทั้งโกรธแค้น เขากล่าวว่า “ไม่ ตอนนี้แม่ทัพของอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ ต่อให้พวกเราถอยทัพตอนนี้ พวกนั้นก็จะไม่โบกมืออำลาทันที พวกนั้นจะพักสักระยะหนึ่งก่อนแน่นอน อีกทั้งเวลาที่อ๋องชินเฟิงอันให้เรามาก็เหมือนจะสมควรแก่เวลาแล้วด้วย ไม่ว่าจะทำอะไรเขามักจะเผื่อทางและเวลาอยู่เสมอ ข้าเชื่อว่าถึงแม้พวกเราจะทนยื้อช่วงเวลาสุดท้ายนี้ไว้ไม่ได้จริง ๆ เขาก็คงจะมีวิธีรับมือกับมัน หรือไม่ก็สามารถทำให้เสร็จก่อนกำหนดได้แน่ ๆ”
โสวฝู่ก็ยังคิดว่าเขาพูดถูก มีคำสั่งออกไป ให้ถอยทัพกลับไปที่เมือง แล้วปิดประตูเมืองเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพเป่ยโม่บุกเข้ามาได้
กองทัพรีบอพยพอย่างรวดเร็ว ประตูเมืองปิดสนิท แล้วให้นักแม่นธนูเข้ามาประจำตำแหน่งที่กำแพงเมืองแทน
แม่ทัพใหญ่ฉินแห่งเป่ยโม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้โจมตีเมืองต่อ ต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน
หยู่เหวินเห้ากับอ๋องอานได้รับบาดเจ็บสาหัส หงเย่ก็มีท่าทีเคร่งเครียด หมอทหารรีบมาช่วยรักษาอย่างเร่งร้อน แขนข้างหนึ่งของอ๋องอานขาดไปแล้ว แต่หลังจากที่ห้ามเลือดได้ สถานการณ์ก็ไม่น่าเป็นห่วง
ติดแค่ว่าหน้าอกของหยู่เหวินเห้าถูกเฉือนเป็นแนวขวางรอยหนึ่ง บาดเจ็บจนเห็นกระดูก ทั้งยังถูกกระบี่แทงที่ด้านหลังด้วยอีกแผล น่ากลัวว่าจะบาดเจ็บไปถึงปอด เริ่มมีอาการหายใจลำบาก
ไท่ซ่างหวงกังวลใจมาก ไล่ถามบรรดาอ๋องชินว่าใครที่ยังพอมียาเม็ดจื่อจินเหลืออยู่บ้าง?
แต่ยาเม็ดจื่อจินถูกกินไปจนหมดแล้วในระหว่างการต่อสู้แบบประจัญบาน ไม่มีใครที่มียาเม็ดจื่อจินเหลืออยู่เลย
เมื่อเห็นว่าการหายใจของหยู่เหวินเห้าเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ บรรดาจอมยุทธ์ต่างก็นำยารักษาบาดแผลที่ใช้กันเฉพาะในสำนักของตัวเองออกมาให้ แต่หลังจากกินไปแล้วก็มีผลเพียงเล็กน้อย ทำได้เพียงช่วยยื้อลมหายใจให้พอยืนหยัดต่อไปได้เรื่อย ๆ
ไท่ซ่างหวงหงุดหงิดร้อนใจดั่งไฟลน ใช้มือข้างหนึ่งคว้าตัวหนานเปียนเค่อ แล้วพูดว่า “เจ้าช่วยวิ่งธุระให้ข้าสักครั้งเถอะ ออกจากเมืองไปตามหาอ๋องชินเฟิงอัน แล้วขอยาเม็ดจื่อจินจากเขามาให้หน่อย เขามี”
หนานเปียนเค่อได้รับคำสั่ง ก็หันหลังเตรียมจากไป
ไท่ซ่างหวงเรียกเขาให้หยุด ริมฝีปากสั่นเทา ดวงตาจ้องมองหนานเปียนเค่อเขม็ง “ต้องเอามาให้ได้ล่ะ”
“ไท่ซ่างหวงโปรดวางใจ!” ดวงตาของหนานเปียนเค่อทะมึน ใช้วิชาตัวเบาเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
นอกเมืองล้วนเป็นชาวเป่ยโม่ทั้งหมด การจะลอบหนีออกไปให้พ้นจากกองทัพนับหมื่นนับพัน เพื่อไปตามหาอ๋องชินเฟิงอัน นอกจากหนานเปียนเค่อแล้ว ก็เกรงว่าคงจะไม่มีใครที่ทำได้อีก
ชาวเป่ยโม่ไม่ได้พยายามโจมตีเมือง แม่ทัพใหญ่ฉินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า กองทัพแค่สามแสนคน จะสามารถต้านทานเขาได้ เขารู้สึกว่าเมืองซิ่วโจวไม่ถูกโฉลกกับเขา จึงถือโอกาสที่ตอนนี้รัชทายาทของเป่ยถังได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากพันแผลเสร็จ ก็ออกคำสั่งให้พักผ่อนที่เดิมเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม รอให้เสบียงอาหารส่งมาถึง ค่อยออกเดินทางทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา สายลับก็มารายงานว่าเสบียงอาหารถูกสกัดกั้น ตอนนี้ในกองทัพเหลืออาหารไม่ถึงสองวันแล้ว
แม่ทัพใหญ่ฉินโกรธจัด เขาตำหนิขุนนางที่ดูแลเรื่องส่งเสบียง แต่ก็ไม่อาจไม่กังวลใจ การรออยู่ที่เดิม รอจนกองทัพเป่ยถังได้รับการปรับขบวนใหม่ ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดอีกครั้งที่นี่แน่ ๆ เขาไม่อยากสู้ที่นี่อีกแล้ว จะมัวเสียเวลาไม่ได้ อาหารเหลือแค่สองวัน ก็เพียงพอแล้วที่จะหล่อเลี้ยงกองทัพให้เดินทางไปจนถึงเมืองม่านโจวได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็แค่โจมตีเข้าเมืองไป ก็จะมีอาหารการกินสมบูรณ์เป็นธรรมดา
เขาออกคำสั่ง พรุ่งนี้หลังฟ้าสางให้ออกเดินทางทันที