บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1284 ปิดบังนางไว้ก่อน
ฮู่เฟยได้ยินว่าฮ่องเต้ได้รับบาดเจ็บ ก็ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “ได้ตามหมอหลวงมาดูหรือยัง?”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นว่า “ฮ่องเต้ไม่ให้ตาม ตอนนี้พระองค์กำลังเครียดอยู่ พูดไม่กี่คำก็โกรธแล้ว เมื่อกี้พวกขุนนางไม่สามารถออกความเห็น ก็ถูกลงโทษให้คุกเข่าแล้ว เฮ้อ เหนียงเหนียง ท่านกลับไปก่อนเถอะ จะให้ฮ่องเต้รู้ไม่ได้ว่ากระหม่อมบอกท่านแล้ว ไม่เช่นนั้น กระหม่อมก็จะถูกลงโทษ”
ฮู่เฟยพูดขึ้นว่า “งั้นก็รบกวนกงกงดูแลฮ่องเต้ น้ำต้มโสมนี้ พูดโน้มน้าวให้เขาดื่มด้วย ข้า…. ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงขอให้องค์ชายรัชทายาทปลอดภัย”
“น้อมส่งเหนียงเหนียง” มู่หรูกงกงได้ยินทางด้านห้องทรงพระอักษรมีความเคลื่อนไหว ก็ตกใจรีบยกน้ำต้มโสมมาแล้วก็ถวายบังคมน้อมส่ง
ฮู่เฟยมองอยู่หน้าประตูห้องทรงพระอักษรอย่างไม่วางไป มีขุนนางคนหนึ่งเดินออกมา นางรู้จักราชครูเหว่ย ฝีเท้าราชครูเหว่ยอ่อนแรง สีหน้าโศกเศร้า เห็นทีสถานการณ์ขององค์ชายรัชทายาทร้ายแรงจริงๆ
หลังจากฮู่เฟยไปแล้ว จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดไม่ถึงว่าฝันของพระชายารัชทายาทกลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว นี่จะทำอย่างไรดี? จะให้นางรู้ไม่ได้เด็ดขาด จะเป็นการเอาชีวิตนางเลยนะ
แต่พรุ่งนี้พระชายาหวยยังต้องมาหานาง จะบอกพระชายาหวยดีไหม? พระชายาหวยเก็บความลับไว้ไม่ได้ หากบอกให้พระชายารัชทายาทรู้เรื่อง ผลที่จะตามมาก็ร้ายแรงอย่างมาก
ฮู่เฟยเริ่มเป็นห่วงหยู่เหวินเห้า แต่ตลอดทางที่ครุ่นคิดกลับมา คิดถึงคำพูดของพวกขุนนางวังหน้า ในใจของนางยิ่งรู้สึกหวาดกลัว หากองค์ชายรัชทายาทเป็นอะไรไป ฮ่องเต้ก็รักใคร่นางขนาดนี้ เกรงว่าเจ้าสิบจะตกเป็นเครื่องมือการต่อสู้ในวังหน้า
ถึงแม้เขาจะยังเด็ก แต่ฮ่องเต้ก็ยังหนุ่ม เจ้าสิบกับพระราชนัดดาองค์ใหญ่ก็อายุห่างกันไม่มาก นางกลัวที่จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในวังวนเช่นนี้ นางหวังอยากให้เจ้าสิบ เติบโตภายใต้การปกป้องของพวกพี่ชายไปตลอดชีวิต ไม่ใช่กลายเป็นศัตรูกับพระราชนัดดาองค์ใหญ่ เฮ้อ เพย เพย เพย คิดอะไรไปเรื่อย? องค์ชายรัชทายาทจะต้องไม่เป็นไร
ฮู่เฟยกลับมาถึงตำหนัก กลับยังคงอดไม่ได้ที่จะคิดไปคิดมา ยากที่สงบจิตใจ จึงมาหาหวงกุ้ยเฟย ตอนนี้หวงกุ้ยเฟยปกครองวังหลัง เป็นคนมีความคิดที่ดี นางครุ่นคิดดู แล้วก็อาศัยความมืด ไปยังตำหนักหวงกุ้ยเฟย
หวงกุ้ยเฟยเพิ่งดื่มยาบำรุงครรภ์เสร็จ เห็นฮู่เฟยมาอย่างเร่งร้อน กระทั่งเกือบล้มตอนที่เข้าประตูมา จึงตำหนิคนด้านข้างของนางว่า “ดูแลปรนนิบัติยังไง? ทำไมไม่ช่วยประคอง? ปล่อยให้เหนียงเหนียงล้มไปพวกเจ้ารับผิดชอบไหวไหม?”
ฮู่เฟยไม่สนใจคำพูดพวกนี้แล้ว หันไปไล่พวกนางออกไป ถวายความเคารพหวงกุ้ยเฟย พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง หม่อมฉันมีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านให้คนออกไปก่อน”
หวงกุ้ยเฟยเห็นสีหน้าท่าทีของนางอยากร้องไห้แล้วก็ไม่กล้าร้องไห้ ก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องแล้วแน่ จึงหันไปส่งสายตาให้กับพวกนางกำนัล พวกนางกำนัลถวายความเคารพแล้วก็ออกไป พร้อมทั้งช่วยปิดประตู
“ฮู่เฟย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” หวงกุ้ยเฟยรีบถามขึ้น
ฮู่เฟยพยายามระดับอารมณ์ กลับก็ยังแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เหนียงเหนียง องค์ชายรัชทายาท ได้รับบาดเจ็บสาหัสในสนามรบแนวหน้า”
หวงกุ้ยเฟยได้ยินแล้วก็ตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “อะไรนะ? เจ้ารู้ได้อย่างไร? ฮ่องเต้บอกเจ้าหรือ?”
ฮู่เฟยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ วันนี้พระชายาหวยเข้าวังมาหาหม่อมฉัน แล้วก็บอกว่าเมื่อคืนพระชายารัชทายาทกับเจ้าแฝดสองฝันร้าย ฝันว่าเกิดเรื่องกับองค์ชายรัชทายาท ดังนั้นพระชายาหวยจึงเข้าวังมาถามความว่า มีข่าวเมืองซิ่วโจวส่งกลับมาไหม แต่วันนี้ฮ่องเต้อยู่ในห้องทรงพระอักษรตลอด อาหารมื้อเที่ยงมื้อเย็นก็ไม่ทาน หารือเรื่องนี้อยู่กับพวกขุนนางในห้องทรงพระอักษร หม่อมฉันไปถามมู่หรูกงกงมา จึงรู้เรื่องนี้”
ในใจหวงกุ้ยเฟยกระวนกระวายขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เห็นบอกว่าอาการสาหัส ได้ส่งคนไปเอายาเม็ดจื่อจินที่อ๋องชินเฟิงอันแล้ว จดหมายฉบับที่สองจากนกพิราบยังไม่ส่งมา ไม่รู้ว่าหลังจากทานยาเม็ดจื่อจินแล้วเป็นอย่างไร”
หวงกุ้ยเฟยค่อยๆนั่งลง ในใจมีเพียงเสียงเดียว เจ้าห้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้ เขาเป็นว่าที่กษัตริย์ หากเกิดอะไรขึ้น ประเทศก็จะสันคลอน
การแย่งชิงระหว่างพี่น้อง กว่าจะสามารถหยุดชะงักได้ ก็ได้ทำให้ฮ่องเต้กับเป่ยถังสูญเสียอย่างมากแล้ว หากในสถานการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นกับองค์ชายรัชทายาท…….
สายตาหวงกุ้ยเฟยค่อยๆมองดูใบหน้าฮู่เฟย ถึงว่าทำไมนางถึงตื่นตระหนกขนาดนี้ ครอบครัวของนางมีอำนาจอย่างมาก นางเองก็เป็นที่รักใคร่ของฮ่องเต้ เจ้าสิบถูกยกขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
แต่สถานะของพระราชนัดดาองค์ใหญ่ถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว พวกเหล่าขุนนางไม่ยอมให้เจ้าสิบมาวุ่นวายได้แน่ งั้นเจ้าสิบ….นางครุ่นคิด ก็พูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ต้องกระวนกระวาย องค์ชายรัชทายาทเป็นคนดีฟ้าคุ้มครอง รอพรุ่งนี้พระชายาหวยเข้าวังมา เจ้าจะบอกเรื่องนี้ให้นางรู้ไม่ได้ นางปิดบังพระชายารัชทายาทไม่ได้ หากพระชายารัชทายาทรู้เรื่องนี้ แล้วส่งผลกระทบกับลูกในครรภ์จะยิ่งแย่ ต่อให้เจ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็จะมีคนโยนความผิดให้เจ้า พวกเจ้าสองแม่ลูกจะถูกผลักดันเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ในวังหน้า หลังจากเจ้ากลับไป ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร พรุ่งนี้พระชายาหวยมาถามเจ้า ก็บอกว่าฮ่องเต้ไม่ได้มาหา จึงไม่รู้ข่าว”
ฮู่เฟยอึ้ง แล้วพูดขึ้นว่า “แต่หากไม่บอกพระชายารัชทายาท ต่อไปเมื่อนางรู้ก็จะโทษหม่อมฉัน”
ในใจหวงกุ้ยเฟยก็ร้อนใจ แต่มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้นที่จะดึงออกมาจากความโกลาหล จึงพูดขึ้นว่า “บอกนางตอนนี้ นางจะสามารถช่วยอะไรได้? แนวหน้ามีไท่ซ่างหวง มีการจัดการเป็นอย่างดี เจ้ากับข้าเป็นคนในวังหลัง เดิมไม่ควรที่จะรู้เรื่องการศึก ตอนนี้หากต้องบอกพระชายารัชทายาท ฮ่องเต้จะเป็นคนบอก เจ้ากับข้าต่างไม่สามารถบอกได้ เอาล่ะ เจ้าอย่าเป็นกังวล องค์ชายรัชทายาทจะต้องไม่เป็นไร”
ฮู่เฟยพึมพำพูดขึ้นว่า “ใช่ จะต้องไม่เป็นไร แม้ว่าหม่อมฉันจะคิดมาก แต่ก็หวังอยากให้องค์ชายรัชทายาทไม่เป็นไรจริงๆ”
“อืม กลับไปเถอะ อย่ากระกระวายอีกเลย” หวงกุ้ยเฟยพูดขึ้น
ภายในห้องทรงพระอักษร พวกขุนนางถูกตำหนิขับไล่ออกมากว่าครึ่งแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนเหนื่อยล้าทั้งใจและกาย และก็กระวนกระวายอย่างมาก ยังเพราะอยู่ในสถานการณ์รบที่คับขัน หากการรบในครั้งนี้ไม่สามารถต้านทานคนเป่ยโม่ ทหารเป่ยโม่รุกล้ำเข้ามา เป่ยถังยังจะมีใครสามารถปกป้องไว้ได้? เขาต้องการให้พวกขุนนางเสนอแผนการรับมือ หากเป่ยโม่เอาชนะกองกำลังสามแสนคนของเป่ยถัง ก้าวต่อไปจะทำอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครสามารถเสนอแผนการรับมือใดๆได้
จนถึงเที่ยงคืน เขาไล่พวกขุนนางทั้งหมดออกจากห้องทรงพระอักษรอย่างโกรธจัด เหลือไว้เพียงอ๋องชินไม่กี่คนกับกู้ซือและเหลิ่งจิ้งเหยียน
เขาเหนื่อยล้าอย่างมาก น้ำต้มโสมที่มู่หรูกงกงยกมาให้ก็ไม่ดื่มสักคำ และก็ไม่ยอมพัก รอจดหมายฉบับที่สองจากนกพิราบอย่างทรมาน
“กู้ซือ ไปดูซิ จดหมายมาหรือยัง?” เขาเงยสายตาเฉียบคม โบกมือให้กับกู้ซือ
กู้ซือรับคำสั่งแล้วออกไป หลังจากกลับมาแล้วก็ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “เรียนฮ่องเต้ ยังไม่มี”
แววตาฮ่องเต้หมิงหยวนค่อยๆมืดมนลง เป็นห่วง หวาดกลัว เสียใจ เป็นกังวล อารมณ์ทั้งหมดผสมผสานกัน รู้สึกขมในคอ แต่ก็ถูกเขาพยายามระงับไว้
เหลิ่งจิ้งเหยียนพูดปลอบว่า “ฮ่องเต้อย่ากังวลจนเกินไป ข่าวร้ายขององค์ชายรัชทายาทจะเปลี่ยนเป็นข่าวดี มีอ๋องชินเฟิงอันอยู่ด้วย เขามียาเม็ดจื่อจิน บาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ขอเพียงยังมีลมหายใจ ก็จะสามารถช่วยไว้ได้ระยะหนึ่ง”
“หลังจากช่วยไว้ได้ระยะหนึ่งแล้วล่ะ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขา แผนการที่แย่ที่สุดวนเวียนอยู่ในใจเขาหลายรอบแล้ว ที่สุดแล้วก็ไม่ยอมที่จะพูดออกมาและไม่ยอมที่จะคิดมากไปกว่านี้ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นอย่างเงียบเหงาว่า “ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชีวิตเจ้าห้าตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ตอนนั้นข้าเป็นห่วงเป็นกังวล แต่ก็ไม่เหมือนตอนนี้ที่ไม่รู้จะทำอย่างไร สองปีมานี้ ข้าให้ความสำคัญเขา และเหมือนเขาก็กลายเป็นที่พึ่งของข้า เมื่อข้าเจอปัญหาก็ไม่ได้ไปหาไท่ซ่างหวงอีก แต่ไปปรึกษาเขา เขามักมีความคิดที่แปลกประหลาด มักจะแก้ปัญหาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า”