บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1287 ออกเดินทางไปด้วยกัน
บัลลังก์หมอยาเซียน
บทที่ 1287 ออกเดินทางไปด้วยกัน
ทุกคนเดินออกมาเห็นภาพนี้ ต่างก็ตกตะลึง พระชายารัชทายาทยังมีพี่ชายอีกคนได้อย่างไร? เป็นลูกชายคนโตของเจ้าพระยาจิ้งหรือ? ทำไมถึงไม่เคยได้ยิน และการแต่งตัวแบบนี้ ดูแล้วก็น่าแปลก แต่ทังหยางสังเกตดูคนทั้งสอง พบว่ารูปร่างใบหน้าของพวกเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ถึงว่าเมื่อกี้ตอนที่เห็นเขา ถึงได้มีความรู้สึกเหมือนคุ้นเคย
หยวนชิงหลิงไม่ทันได้สนใจความแปลกใจของทุกคน น้ำตาไหลตลอด ทั้งร้องไห้ทั้งหัวเราะ นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันเลยว่าพี่ชายจะมา
“ท่านลุง? ท่านลุง” ด้านหลังมีเสียงของพวกเด็กๆร้องเรียกขึ้น อย่างดีใจที่สุด
พี่ชายหยวนหันหน้าไป เด็กห้าคนโผเข้ามาหาเขา ในใจพี่ชายหยวนทั้งเศร้าทั้งดีใจ ในความฝันยังจำภาพตอนที่พวกเขากลับไป ตอนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้า ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล คุกเข่าลงพร้อมอ้าแขน เด็กห้าคนโผเข้าหาตัวเขา จนเขาล้มลงกับพื้น เขาลุกขึ้นมา มองดูใบหน้าดีใจของพวกเด็กๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาอัดแน่นเต็มหน้าอก ถูหน้าผากพวกเขาทีละคน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นว่า “เด็กดี”
อาศัยจังหวะนี้ ทังหยางมองหยวนชิงหลิง พร้อมถามขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท เขาเป็นพี่ชายของท่าน?”
หยวนชิงหลิงเห็นทุกคนต่างก็มองดูนาง ค่อยรู้ตัวว่าตนเองลืมตัวไป จึงรีบเช็ดน้ำตาพร้อมอธิบายว่า “ใช่ เขาเป็นพี่ชายของข้า อยู่แต่ข้างนอกเป็นเวลานาน กลับมาน้อยครั้งมาก ใช่ เขาเป็นหมอ เป็นหมอที่เก่งมาก”
ทังหยางแอบสงสัย พี่ชายที่อยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ตามหลักแล้วไม่น่าจะเคยเห็นพวกพระราชนัดดา ทำไมพระราชนัดดาองค์ใหญ่กับพระราชนัดดาเห็นเขาแล้ว ถึงได้ตื่นเต้นดีใจขนาดนี้? เหมือนไม่ได้เจอกันนานแล้วกลับมาเจอกัน แต่ตลอดเวลาที่เขาดูแลจวนมานาน เขาไม่เคยเห็นหยวนชิงโจวคนนี้จริงๆ
ฟางหวูค่อยๆเดินมา มองดูใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยนี้ แต่เสียดาย พวกเขาไม่รู้จักนางอีกต่อไปแล้ว นานแล้วไม่ได้กลับมา ในใจยังคงรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น
“ฟางหวู” หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้ แล้วก็พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ดีใจมากที่ได้เจอเจ้าอีก”
“ข้าก็เช่นกัน” ฟางหวูยิ้มแย้ม ในใจค่อยโล่งอก โชคดีที่กลับมาได้เห็นนาง อย่างปลอดภัยแล้วที่จริงทุกคนต่างก็แปลกใจมาก แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ ฝนหยุดแล้วก็ต้องรีบออกเดินทางแล้ว ดังนั้นอ๋องฉีอดทนไม่ไหว เดินมาพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้า ฝนหยุดแล้ว พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”
พี่ชายหยวนอึ้ง หันกลับมามองหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าจะออกเดินทางหรือ?”
รอยยิ้มหยวนชิงหลิงหยุดอยู่ที่มุมปาก พี่ชายสามารถมาได้ คงจะหาวิธียากไม่น้อย พี่ชายกับน้องสาวได้เจอกันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากขนาดไหน? แต่จะไม่ช่วยอ๋องหวยไม่ได้ ชีวิตคนสำคัญที่สุด
“พี่ชาย พวกเราต้องออกเดินทางไปสักพัก เกิดเรื่องกับน้องชายเจ้าห้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังส่งมายังเมืองหลวง แต่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ข้าก็ต้องออกเดินทางพร้อมกัน เพื่อไปเจอพวกเขาระหว่างทาง จะได้ช่วยได้ทันเวลา”
หยวนชิงโจวฟังแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง ไม่ง่ายกว่าเขาจะได้มา น้องสาวกลับต้องออกเดินทาง และรถม้าที่นี่ก็ช้า ไปแล้วก็ไม่รู้ว่ากี่วันถึงจะกลับมา ตอนที่เขามา หยางหรูไห่บอกว่าเวลาผ่านไปพร้อมกัน ดังนั้น เขาจะอยู่นานไม่ได้
ฟางหวูได้ยินเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราร่วมเดินทางไปด้วย? ยังไงพวกเราก็มีความรู้ทางการแพทย์ เมื่อถึงสถานการณ์คับขัน ก็ยังสามารถช่วยได้ เจ้าเป็นหมอศัลยกรรมไม่ใช่หรือ? เรื่องผ่าตัดเจ้าถนัดที่สุด”
หยวนชิงโจวได้ยินแล้วก็เห็นด้วย หันไปมองดูหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงอยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพิ่งได้เจอพี่ชาย จะอยากแยกจากเขาเสียที่ไหน? จึงหันไปพูดกับทุกคนว่า “ฝีมือทางการแพทย์ของพี่ชายข้าดียิ่งกว่าข้า ให้เขาร่วมเดินทางไปด้วยจะดีที่สุด”
อ๋องฉีค่อนข้างลังเล มองพิจารณาดูหยวนชิงโจว คนคนนี้เขาไม่รู้จัก และก็ดูแปลกประหลาดไปทั้งตัว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป่ยถังยังมีไส้ศึกอยู่ไหม หากเสี่ยงให้เขาตามไปด้วย ตอนนั้นมีโอกาสที่จะช่วยพี่ห้าได้ กลับถูกเขาทำลาย มันจะไม่คุ้ม
หยวนชิงหลิงมองก็รู้ในสิ่งที่อ๋องฉีเป็นกังวล จึงดึงเข้าไปอีกด้าน พร้อมพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าเจ็ด ข้าของเอาหัวเป็นประกัน พี่ชายของข้าไม่ใช่ไส้ศึกอย่างแน่นอน และการที่เอาเขาไปด้วย สามารถช่วยเหลือข้าได้อย่างมาก”
ที่จริงทุกคนต่างก็แปลกใจมาก แต่ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ ฝนหยุดแล้วก็ต้องรีบออกเดินทางแล้ว ดังนั้นอ๋องฉีอดทนไม่ไหว เดินมาพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ห้า ฝนหยุดแล้ว พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”
พี่ชายหยวนอึ้ง หันกลับมามองหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าจะออกเดินทางหรือ?”
รอยยิ้มหยวนชิงหลิงหยุดอยู่ที่มุมปาก พี่ชายสามารถมาได้ คงจะหาวิธียากไม่น้อย พี่ชายกับน้องสาวได้เจอกันเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากขนาดไหน? แต่จะไม่ช่วยอ๋องหวยไม่ได้ ชีวิตคนสำคัญที่สุด
“พี่ชาย พวกเราต้องออกเดินทางไปสักพัก เกิดเรื่องกับน้องชายเจ้าห้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้กำลังส่งมายังเมืองหลวง แต่เพราะอาการบาดเจ็บสาหัส ข้าก็ต้องออกเดินทางพร้อมกัน เพื่อไปเจอพวกเขาระหว่างทาง จะได้ช่วยได้ทันเวลา”
หยวนชิงโจวฟังแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง ไม่ง่ายกว่าเขาจะได้มา น้องสาวกลับต้องออกเดินทาง และรถม้าที่นี่ก็ช้า ไปแล้วก็ไม่รู้ว่ากี่วันถึงจะกลับมา ตอนที่เขามา หยางหรูไห่บอกว่าเวลาผ่านไปพร้อมกัน ดังนั้น เขาจะอยู่นานไม่ได้
ฟางหวูได้ยินเช่นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราร่วมเดินทางไปด้วย? ยังไงพวกเราก็มีความรู้ทางการแพทย์ เมื่อถึงสถานการณ์คับขัน ก็ยังสามารถช่วยได้ เจ้าเป็นหมอศัลยกรรมไม่ใช่หรือ? เรื่องผ่าตัดเจ้าถนัดที่สุด”
หยวนชิงโจวได้ยินแล้วก็เห็นด้วย หันไปมองดูหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงอยากให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เพิ่งได้เจอพี่ชาย จะอยากแยกจากเขาเสียที่ไหน? จึงหันไปพูดกับทุกคนว่า “ฝีมือทางการแพทย์ของพี่ชายข้าดียิ่งกว่าข้า ให้เขาร่วมเดินทางไปด้วยจะดีที่สุด”
อ๋องฉีค่อนข้างลังเล มองพิจารณาดูหยวนชิงโจว คนคนนี้เขาไม่รู้จัก และก็ดูแปลกประหลาดไปทั้งตัว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป่ยถังยังมีไส้ศึกอยู่ไหม หากเสี่ยงให้เขาตามไปด้วย ตอนนั้นมีโอกาสที่จะช่วยพี่ห้าได้ กลับถูกเขาทำลาย มันจะไม่คุ้ม
หยวนชิงหลิงมองก็รู้ในสิ่งที่อ๋องฉีเป็นกังวล จึงดึงเข้าไปอีกด้าน พร้อมพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า “เจ้าเจ็ด ข้าของเอาหัวเป็นประกัน พี่ชายของข้าไม่ใช่ไส้ศึกอย่างแน่นอน และการที่เอาเขาไปด้วย สามารถช่วยเหลือข้าได้อย่างมาก”
เดิมพี่ชายหยวนอยากเจอท่านย่าก่อน แต่เพราะทุกคนรีบออกเดินทาง เมื่อถามหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงบอกว่าท่านย่าอยู่ที่ทำการปกครอง ตอนกลางคืนค่อยกลับมา หากรอถึงกลางคืนแล้วค่อยออกเดินทางก็จะเป็นการเสียเวลา เขาจึงทำอะไรไม่ได้ หวังว่าจะสามารถรีบรักษาอ๋องคนนั้น แล้วรีบกลับมาเจอท่านย่า
พวกเขาออกเดินทาง หยวนชิงหลิงจัดการให้พี่ชายหยวนกับฟางหวูนั่งรถม้าไปกับตน ถึงแม้ชายหญิงนั่งรถม้าไปด้วยกันจะไม่เหมาะสม แต่พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน ยังไงก็มีเรื่องต้องคุยกันเยอะ จึงต่างก็เข้าใจ
รถม้าเดินทางมุ่งไปข้างหน้า พี่ชายหยวนยังไม่ทันได้พูดอะไรกับหยวนชิงหลิง ฟางหวูก็รีบถามขึ้นว่า “ข้าเจอสิ่งของอย่างหนึ่งในห้องเย็น เป็นสมอง ข้างบนเขียนไว้ว่า การสังเกตการณ์ทดสอบครั้งแรก เจ้าเคยเอาเซลล์จากสมองของลิงอกมาหรือเปล่า?”
เดิมหยวนชิงหลิงลืมเรื่องนี้ไปแต่แรกแล้ว เมื่อได้ยินนางพูดขึ้นมา ค่อยจำภาพเมื่อตอนทำการทดลองครั้งแรกขึ้นมา ซึ่งเคยเอาเซลล์ของสมองลิงออกมาจริง แต่ไม่ใช่สมองทั้งอันแน่
“เอาเซลล์ของสมองออกมาบ้างจริง เพราะหลังจากฉีดเข้าไปครั้งแรก ลิงมีอาการของโรคลมบ้าหมู พบเซลล์เนื้อร้ายที่ตาย ข้าจึงเอาเซลล์เนื้อร้ายที่ตายออกมา
พี่ชายหยวนฟังเช่นนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เอาเซลล์เนื้อร้ายของสมองที่ตายออกมา?” นี่ถือเป็นการผ่าตัดที่อัศจรรย์ขนาดไหน
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “อืม เนื่องจากเป็นทิศทางการวิจัยตั้งแต่ต้นของข้า เป็นการกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ หรือซ่อมแซมเซลล์ที่ตายแล้ว ดังนั้น เมื่อปรากฏเซลล์เนื้อร้ายในสมองของลิง ข้าจึงเอาออกมากเพาะเลี้ยงด้วยยา แต่สังเกตการณ์ณ์อยู่ประมาณครึ่งปี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นข้าจึงปล่อยไป”
ฟางหวูจับข้อมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ดังนั้น เซลล์สมองพวกนั้นเจ้าใช้ยาเพาะเลี้ยง? เป็นยาที่เจ้าวิจัยออกมาครั้งแรก?”
“อืม ใช่”
ฟางหวูหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นครั้งแรกของเจ้าไม่ได้ล้มเหลว เพราะ เซลล์สมองตายที่เจ้าเอาออกมาพวกนั้น กลายเป็นสมองอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงฟังแล้ว รู้สึกไร้สาระ ต่อให้เซลล์สมองที่ตายแล้วจะมีโอกาสงอกขึ้นมาใหม่หรือได้รับการซ่อมแซมแล้วก็ตาม แต่นั่นก็เป็นเพียงเซลล์สมอง ไม่ใช่สมองที่สมบูรณ์