บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1289 คนที่เกิดเรื่องคือเจ้าห้า
หยวนชิงหลิงค่อนข้างทนไม่ไหวแล้ว เดินทางทั้งวัน กลางคืนก็ไม่ได้พักผ่อน ถึงแม้นางยังมีสติดี แต่เหมือนมีไฟอยู่ในท้อง ลุกไหม้อยู่อย่างเจ็บปวด ตอนที่ได้รับจดหมายจากนกพิราบ ท้องของนางก็ค่อนข้างเจ็บอย่างรุนแรงแล้ว
หลังจากที่นางฉีดยากันแท้ง นอนอยู่บนรถม้า ลูบท้องพร้อมถอนหายใจพูดขึ้นว่า “ลูกน้อย เจ้าเป็นเด็กดีมาตลอด ตอนนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของเสด็จอาหก เจ้าจะดื้อไม่ได้นะ”
ลูกน้อยเหมือนจะไม่รู้ เหมือนกำลังงอแงอยู่ ทำให้หยวนชิงหลิงทรมานอย่างมาก
ไม่เพียงลูกในท้อง แม้แต่ฟางหวูก็รู้สึกทรมาน เหมือนมีเสียงมาจากแดนไกล เสียงดังหึ่ง เหมือนเสียงฟ้าแลบฟ้าร้องและดูเหมือนลมกระโชกแรง เหมือนเสียงคำรามจากจักรวาล เสียงสั่นสนั่นอยู่ในแก้วหู
ที่จริงหยวนชิงหลิงก็รู้สึกได้บ้าง แต่นางคิดว่าเป็นเพราะนางเหนื่อยเกินไป ถึงตอนพลบค่ำ ทานอาหารเย็นที่เมืองเซียงโจว เดิมจะรีบออกเดินทางต่อ แต่สถานการณ์ของหยวนชิงหลิง ไม่สามารถที่จะทนต่อการเดินทางอย่างยากลำบากได้ หากดื้อที่จะออกเดินทาง เกรงว่าระหว่างทางอาจจะเกิดเหตุสุดวิสัย หยวนชิงหลิงไม่ยอมหยุดพัก นางยืนยันที่จะเดินทางต่อ
พี่ชายหยวนคัดค้านที่จะเดินทางต่ออย่างแข็งกร้าว พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าไม่ห่วงชีวิตแล้วหรือ?”
“ข้าฉีดยาแล้ว น่าจะไม่เป็นไร” หยวนชิงหลิงกดท้องน้อยไว้ อันที่จริง ความรู้สึกเจ็บปวดและร้อนรุ่มไม่เพียงไม่ลดน้อยลง ยังยิ่งทวีความรุนแรง
“อะไรคือน่าจะไม่เป็นไร? เจ้าจะต้องรับผิดชอบลูกในท้องของเจ้า เดินทางต่อไปอีกไม่ได้” พี่ชายหยวน แสดงท่าทีอย่างไม่มีข้อแม้
ทุกคนต่างมองหน้ากัน และก็รู้ว่าสถานการณ์ของพระชายารัชทายาท ย่ำแย่แล้วจริงๆ รีบเดินทางแล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?
แต่สถานการณ์ขององค์ชายรัชทายาท ก็อันตรายอย่างมาก ทางนั้นไม่สามารถเดินทางต่อได้แล้ว หากพวกเขายังหยุดการเดินทางอีก องค์ชายรัชทายาทก็ไม่มีความหวังแล้ว
ฟางหวูไม่พูดไม่จา จ้องมองดูพระอาทิตย์ตกดิน แสงแดดที่จางลง ละเมียดละไมเฉกเช่นไข่แดงของไข่เค็ม นางนิ่งจ้องมอง สามารถมองเห็นจุดบอดบนดวงอาทิตย์เคลื่อนไหวได้ด้วยตาเปล่า
เป็นเพราะวัฏจักรจุดบอดบนดวงอาทิตย์ทำให้สนามแม่เหล็กแปรผัน ดังนั้นห้วงแห่งกาลเวลาจึงเกิดปรากฏการณ์บิดเบี้ยวหรือพลังจิตบางอย่างอยู่เหนือการควบคุม?
นางไม่มั่นใจ แต่ถ้านี่คือเหตุผลจริงๆ พักหนึ่งคืนจะทำให้ไม่สามารถช่วยอะไรได้
นางหันไปมองทุกคนที่กำลังโศกเศร้า จึงพูดเสนอแผนการขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทค่อยเดินทางตามมาทีหลัง ข้ากับหยวนชิงโจวรีบเดินไปเมืองทงโจวก่อน ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกเจ้าบอกว่าอ๋องหวยได้รับบาดเจ็บที่หน้าอก อาจจะต้องทำการผ่าตัด ผ่าตัดได้ยิ่งเร็วยิ่งดี จะรอชักช้าต่อไปไม่ได้”
หยวนชิงหลิงรีบพูดขึ้นว่า “ดี เป็นวิธีที่ดี”
สำหรับหยวนชิงหลิง นี่ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ทุกคนต่างไม่เชื่อมั่นฝีมือทางการแพทย์ของหยวนชิงโจว พระชายารัชทายาทต่างหากที่มีความสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนมาได้ ส่วนหยวนชิงโจวคนนี้ แม้แต่ชื่อยังไม่เคยได้ยิน จะมีความสามารถเช่นนี้หรือ?
ดังนั้นหลังจากฟางหวูพูดขึ้นมา ทุกคนต่างเงียบ ต่างหันไปมองอ๋องฉี ให้อ๋องฉีตัดสินใจ
อ๋องฉีครุ่นคิด เห็นว่านี่ก็เป็นวิธีที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหยวนชิงโจวมีความสามารถจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้พี่สะใภ้ห้าไม่สามารถที่จะเร่งเดินทางต่อได้ ต่อให้หยวนชิงโจวออกเดินไปก่อน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะไปถึงเมืองทงโจวภายในหนึ่งถึงสองวัน
ดังนั้นอ๋องฉีพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ใต้เท้าทัง เจ้าเดินทางไปพร้อมกับพวกเขาสองคน พวกเรารอพี่สะใภ้ห้าพักผ่อนสักพัก แล้วจะรีบตามไป”
หยวนชิงหลิงเอากล่องยาออกมาให้ฟางหวู กำลังคิดที่จะดูยาข้างใน แต่ฟางหวูกลับรับไป พร้อมพูดขึ้นว่า “วางใจ ข้าสามารถควบคุมได้”
หยวนชิงหลิงพยักหัวเล็กน้อย ถึงแม้ฟางหวูไม่สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ แต่พลังพิเศษของนางยังมี สามารถควบคุมกล่องยาได้
แล้วเช่นนี้ ทังหยางกับหยวนชิงโจวและฟางหวู ทั้งสามคนออกเดินทางไปก่อน ขี่ม้ามุ่งตรงไปยังเมืองทงโจว
พวกหยวนชิงหลิงพักอยู่ที่เมืองเซียงโจว เร่งเดินทางมาหลายวัน สามารถได้นอนบนเตียงครั้งแรก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่หยวนชิงหลิงกลัวหรงเยว่คิดมาก จึงนอนห้องเดียวกับนาง จะได้พูดปลอบกันบ้าง
นางก็แอบดีใจ ตลอดที่เดินทางมาหลายวัน ท่าทีหรงเยว่ค่อนข้างเข้มแข็งมาตลอด ไม่ได้ร้องห่มร้องไห้หรือแอบไปเป็นกังวลอยู่คนเดียว เพียงแต่ทานอะไรไม่ค่อยลง แล้วก็เหม่อลอยเป็นบางครั้ง
“วางใจ ฝีมือทางการแพทย์ของพี่ชายดีมาก หากเจ้าหกต้องทำการผ่าตัด เขาเหมาะสมกว่าข้าที่สุด” หยวนชิงหลิงพูดกับนาง
หรงเยว่อืมรับคำ มองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนที่เจ้าเชื่อ งั้นจะต้องดีแน่ ข้าวางใจ”
หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้ มองดูใบหน้าของนางที่ค่อนข้างผอม พร้อมพูดขึ้นว่า “ลำบากไหม? ตลอดทางเจ้าไม่ค่อยทานอะไร หิวไหม? ข้าให้เสี่ยวเอ้อทำมื้อดึกมาให้เจ้า”
หรงเยว่มองดูสายตาที่เป็นห่วงและเห็นใจของนาง ในใจรู้สึกไม่ดีเลย และก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับนางต่อไป จึงหันไปส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่หิว ข้าไปอาบน้ำก่อน เดินทางมาตลอดหลายวัน ตัวเหนียวอย่างมาก”
“ได้ ไปเถอะ” หยวนชิงหลิงพยักหัว ค่อยเอนพิงบนเก้าอี้ ยื่นมือลูบท้องน้อย รู้สึกเหมือนข้างในยังมีไฟลุกไหม้
หรงเยว่เปิดห่อผ้า หยิบเสื้อผ้าหนึ่งชุดแล้วก็เดินออกไป แต่กลับมีไม้ไผ่เล็กไถลตกลงมาจากห้องผ้า กลิ้งอยู่บนพื้นหลายรอบ แล้วมาหยุดอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง
หรงเยว่เดินไปถึงหน้าประตูแล้วหันกลับมามองแวบหนึ่ง มองเห็นไม้ไผ่เล็กๆบนพื้น จึงรีบเดินกลับมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป หยวนชิงหลิงกลับก้มลงเก็บขึ้นมาแล้ว
หรงเยว่รีบเดินมาแย่งกลับไป ซ่อนไว้ข้างหลังแล้วรีบพูดขึ้นว่า “นี่…. นี่ห้ามดู”
หยวนชิงหลิงอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมามองดูนางอย่างแปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามดู? นี่ ข้าจำได้ว่าเป็นไม้ไผ่เล็กที่มักติดขานกพิราบใช่ไหม? ข้างในเป็นจดหมาย เนื้อหาข้างในเจ้าก็เคยอ่านให้พวกเราฟังแล้ว ทำไมถึงห้ามดู?”
หรงเยว่ก้มหัวลง รีบโบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ นี่ไม่ใช่ จดหมายจากนกพิราบพวกนั้นข้าทิ้งไปแล้ว ฉบับนี้เจ้าหกเขียนให้ข้าก่อนหน้านี้ ห้ามดู ข้าเขิน”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง ในใจกระวนกระวายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “เจ้าหกให้นกพิราบส่งจดหมายมาให้เจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้าหกเป็นขุนนางดูแลเสบียง ส่งข่าวผ่านทหาร จดหมายจากนกพิราบเป็นวิธีการส่งของสำนักเหลิ่งหลัง ที่เป็นข่าวที่สำนักเหลิ่งหลังส่งมาให้เจ้า และระหว่างที่ออกเดินทางมาหลายวันนี้ ฮุ่ยเทียนให้นกพิราบส่งจดหมายมาหลายครั้ง ดังนั้นฉบับนี้เจ้าเพิ่งได้รับวันนี้ ข้าเห็นเจ้าซ่อนไว้ในห่มผ้า”
หรงเยว่อึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้? เจ้าคงจะดูผิดไปแล้ว ฉบับที่ส่งมาวันนี้ ข้าดูเสร็จก็โยนทิ้งไปแล้ว ไม่ได้พกติดตัว”
หยวนชิงหลิงจับที่วางมือแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา มองดูหรงเยว่ พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดจนน่าตกใจว่า “เจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้า?” หรงเยว่หันหน้าไปอย่างไม่กล้าสู้หน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มี เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าจะปิดบังอะไรเจ้าได้?”
หยวนชิงหลิงมองดูนางที่ยังคงเอาไม้ไผ่เล็กซ่อนไว้อยู่ข้างหลัง ด้วยฝีมือการต่อสู้ของนาง จะแย่งเอาไม้ไผ่เล็กมาจากมึงของหรงเยว่นั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น นางเดินเข้าไปใกล้ ถามขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “คนที่เกิดเรื่องไม่ใช่เจ้าหก แต่เป็นเจ้าห้าใช่ไหม?”
หรงเยว่ตกใจอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้า…. ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนี้? ไม่ใช่อย่างแน่นอน”
ปฏิกิริยาของหรงเยว่ ยืนยันสิ่งที่หยวนชิงหลิงคาดเดาแล้ว นางรู้สึกเหมือนลมหายใจถูกบีบออกมาจากหน้าอก ท้องก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง นางคว้าจับแขนหรงเยว่ไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “จะปิดบังข้าไปถึงเมื่อไหร่? เดิมข้าก็แปลกใจ เจ้าหกไม่ต้องไปในสนามรบ ทำไมถึงได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เกิดเรื่องกับเจ้าห้าใช่ไหม? เอาไม้ไผ่เล็กมาให้ข้า”