บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1290 น้ำจื่อจิน
หรงเยว่ไม่เคยเห็นหยวนชิงหลิงดุขนาดมาก่อน เยือกเย็นขนาดนี้ บวกกับเดิมในใจนางก็รู้สึกผิด จึงปิดบังต่อไปไม่ไหวแล้ว ทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเอาไม้ไผ่เล็กมา หยิบกระดาษที่อยู่ข้างในออกมายื่นให้กับงาน พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ทานยาเม็ดจื่อจินไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงเปิดกระดาษดู รู้สึกเพียงว่าดวงตามืดลงอย่างรุนแรง มีอาการเจ็บและวิงเวียนศีรษะ ร่างกายของนางไหวเอน หรงเยว่รีบประคองนางไว้ นางหลบหรงเยว่ จ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาเฉียบคมว่า “พวกเจ้าไม่ควรปิดบังข้า”
หรงเยว่พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ก็กลัวเจ้ารับไม่ได้ไง? กลัวว่าเจ้าจะเหนื่อยจนส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์”
หยวนชิงหลิงสูดหายใจเข้าลึกๆ อดกลั้นความเจ็บปวดในใจไว้ พร้อมกัดฟันพูดขึ้นว่า “รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับแล้วหรือ? ตั้งแต่วันแรกที่เขาไปสนามรบ ข้าก็ทำใจไว้แล้ว ไม่มีอะไรที่ข้าจะรับไม่ได้ ลูกในท้องของข้าก็เหมือนกัน หากรู้ว่าเกิดเรื่องกับเจ้าห้า ลูกก็จะเข้มแข็งเหมือนกับข้า”
หรงเยว่ปล่อยมือหรงเยว่ จับโต๊ะไว้ รู้สึกแสบร้อนในท้องรุนแรงยิ่งขึ้น แผดเผาทั้งตัวเหมือนอยู่ใกล้กองไฟ นางค่อยๆปรับลมหายใจ บีบบังคับความกลัวและความกังวลที่กำลังคืบคลานเข้ามาให้สงบลง พร้อมพูดขึ้นว่า “พักผ่อนสองชั่วโมง แล้วรีบเดินทางต่อ”
“รีบร้อนขนาดนี้เลยหรือ?” หรงเยว่คิดไม่ถึงว่านางจะเข้มแข็งขนาดนี้ ตอนแรกตอนที่นางคิดว่าเกิดเรื่องกับเจ้าหก ยังรับไม่ได้จนเป็นลมไป เดิมคิดว่าหยวนชิงหลิงจะยิ่งรับไม่ได้
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยดวงตาแดงก่ำว่า “ตอนที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับเจ้าห้า ข้าก็คิดไว้แล้วว่าจะพักสองสามชั่วโมงแล้วก็เดินทางต่อ แต่หรงเยว่ พวกเจ้าไม่ควรที่จะปิดบังข้าจริงๆ และนี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าห้าต้องการแน่ หากเจ้าห้ายังมีสติดี เขาจะไม่ให้พวกเจ้าปิดบังข้า เจ้าช่วยข้าไว้มาก ข้าไม่อาจตำหนิถือโทษเจ้าได้ แต่เรื่องนี้เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมากจริงๆ ข้ากับเจ้าแฝดสองฝันร้าย ให้เจ้าไปสืบข่าว เจ้ากลับมาปิดบังข้า”
หรงเยว่พูดขึ้นอย่างเสียใจว่า “ขอโทษ ตอนที่ข้าเข้าวัง นึกว่าเกิดเรื่องกับเจ้าหก ข้าตกใจจนเป็นลมไปทันที ข้านึกว่าเจ้าจะเป็นเหมือนข้า จะต้องยอมรับข่าวนี้ไม่ได้แน่ จึงไม่กล้าบอกกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงหันไปดื่มน้ำหนึ่งคำ บีบกลั้นน้ำตากลับขึ้นไป ค่อยๆส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไงข้าก็ต้องรู้ เจ้ารอให้ข้าไปถึงทงโจว ค่อยรู้ว่าคนที่บาดเจ็บคือเจ้าห้า ข้าจะมีเวลาเตรียมใจตอนไหน? ข้าต้องช่วยเขา เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าไปเตรียมตัวก่อนเถอะ ข้าทานยาอีกหน่อย ยังไงคืนนี้ก็จะต้องรีบเดินทางต่อ”
ตอนนี้นางรู้ความจริงแล้ว ใครก็ห้ามนางไว้ไม่ได้ หรงเยว่พยักหัว แล้วก็หันหน้าเดินออกไป
ในวินาทีที่ประตูถูกปิดนั้น หยวนชิงหลิงรู้สึกหวานในลำคอ ในท้องยิ่งเจ็บปวดทวีคูณ ความร้อนรุ่มทำให้นางเหงื่อแตกไปทั้งตัว นางค่อยๆนั่งลง เอามือลูบหน้าท้อง อดกลั้นความเจ็บปวดไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกน้อย เจ้าจะต้องช่วยพ่อกับแม่ เจ้าจะดื้อตอนนี้ไม่ได้นะ ไม่ว่าเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานยังไง ก็ต้องอดทนไว้ แม่จะต้องไปช่วยพ่อ”
นางสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ปลอบโยนลูกในท้อง และเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ของตนเอง เวลานี้เจ็บปวดร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ ช่วยเจ้าห้าไม่ได้
เจอกับความเป็นความตายมาหลายครั้ง นางมีลูกต้องรับผิดชอบ ไม่มีอะไรที่นางจะรับไม่ได้ แต่นางจะยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตเจ้าห้า ไม่มีอะไรสามารถกีดขวางนางได้
ปลอบโยนเช่นนี้อยู่สักพัก แล้วก็รู้สึกว่าความร้อนรุ่มนั่นเริ่มค่อยๆบรรเทาลง อาการปวดท้องก็ค่อยๆบรรเทาลง หยวนชิงหลิงหลับตา ไม่กล้าปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่าน พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เด็กดี พวกเราจะต้องสามารถพาพ่อกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
หรงเยว่ออกไปบอกพวกอ๋องฉีว่าให้รีบพักผ่อน หลังจากสองชั่วโมงแล้วจะเริ่มออกเดินทาง
อ๋องฉีได้ยินว่าพี่สะใภ้ห้ารู้เรื่องที่พี่ห้าได้รับบาดเจ็บ กลับไม่ร้องห่มร้องไห้ ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง พี่สะใภ้ห้าเป็นคนที่เข้มแข็งขนาดไหน? ทุกคนต่างประเมินนางผิดไปแล้ว
เพราะสถานการณ์ขององค์ชายรัชทายาทอันตรายอย่างยิ่ง ไม่มีเวลาให้ทุกคนอ่อนแอเสียใจ หลังจากสองชั่วโมงแล้ว ทุกคนออกเดินทางหามรุ่งหามค่ำ
รถม้ายังคงวิ่งด้วยความเร็วเหมือนเดิม จะเร็วกว่านี้ไม่ได้ ถึงแม้หยวนชิงหลิงจะร้อนใจ แต่ก็รู้ว่าเร่งรีบกว่านี้ไม่ได้ ระหว่างทางหากตนเองเป็นอะไรไป จะไม่สามารถช่วยเจ้าห้าไว้ได้
สิ่งเดียวที่นางโชคดีคือ พี่ชายกับฟางหวูมาด้วย
สภาพร่างกายของนางตอนนี้ อาจไม่สามารถทำการผ่าตัดจนเสร็จสิ้นได้ มีพี่ชายอยู่ด้วย นางก็ไม่กลัวขนาดนี้
เมืองทงโจว คนที่พาองค์ชายรัชทายาทมาส่ง ไม่กล้าหลับทั้งคืน เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็น องค์ชายรัชทายาทหายใจรวยรินอย่างมาก หนานเปียนเค่อใช้กำลังภายในช่วยให้เลือดของเขาไหลเวียน อาการดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็เพียงครึ่งชั่วโมง ก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดหนึ่งครั้ง แสดงว่าเมื่อกี้ทำให้เลือดของเขาไหลเวียนเร็วไป เขาทนรับไม่ไหว
สวีอีบดยาเม็ดขาวให้ละเอียด บีบบังคับให้ทานลงไป แล้วก็ให้ทานน้ำต้มโสม ลมหายใจค่อยดีขึ้นมาหน่อย
แต่กว่าพระชายารัชทายาทจะมาถึง อย่างน้อยก็อีกสองวัน นี่คืนแรกก็ทรมานขนาดนี้แล้ว จะทนได้ถึงสองวันหรือ?
สวีอีคุกเข่าร้องไห้อยู่ใต้ระเบียงคนเดียว ร้องไห้ไปแล้วหลายรอบ องค์ชายรัชทายาทเจอกับความอันตรายหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนอันตรายถึงขนาดนี้ กระทั่งก่อนหน้านี้ที่อ๋องจี้ถูกลอบฆ่า จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่ตอนนั้นมียาเม็ดจื่อจินให้ทานได้ตลอด ในเมืองหลวงมีหมอเก่ง และก็มีพระชายารัชทายาท แต่ตอนนี้ มีวิธีอะไร?
อ๋องหวยเฝ้าอยู่ข้างกายหยู่เหวินเห้าตลอด ดูจนเหมือนมีดบาดกลางใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ตอนที่ตนเองใกล้จะตาย พี่ชายจะทรมานขนาดไหน?
หยู่เหวินเห้ายังมีสติ เขารู้สึกเหมือนตนเองถูกทิ้งเผาอยู่ในกองไฟ ทั้งเจ็บทั้งร้อนไปทั้งตัว เขารู้สภาพของตนเองดี เขากำลังต่อสู้ เขากัดฟันอดกลั้นไว้ เขารู้ว่าเจ้าหยวนจะมาช่วยเขา นางจะต้องมาแน่ ขอเพียงเขาอดทนจนเจ้าหยวนมาถึง เขาก็จะสามารถมีชีวิตรอดไปได้ สิ่งที่เขาต้องทำคืออดทนไว้
ในหัวสมองของเขาวนเวียนประโยคนี้อยู่ตลอด คำพูดประโยคนี้ เป็นเหมือนดั่งเส้นด้าย กอดเขาไว้แน่น เมื่อเขารู้สึกสายตามืดมน สติความรู้สึกหนักอึ้ง เขาก็จะท่องประโยคนี้อยู่ในใจอย่างไม่หยุด แล้วก็สามารถฉุดเขากลับมาได้ทุกครั้ง
ทุกคนต่างก็เห็นถึงความเข้มแข็งของเขา ในใจต่างชื่นชมอย่างที่สุด กลับก็ทรมานที่ไม่สามารถช่วยเขาได้
ยาที่สามารถใช้ได้ ต่างก็ใช้แล้ว สูตรลับพิเศษเฉพาะของแต่ละสำนัก ตอนนี้สามารถช่วยได้เพียงน้อยนิด ทรมานอย่างมาก
จนถึงเที่ยงคืน ได้ช่วยไหลเวียนเลือดอีกครั้ง แต่อุณหภูมิร่างกายหยู่เหวินเห้าสูงมากแล้ว เขาเป็นไข้อยู่ตลอด จะทำการไหลเวียนเลือดอีกไม่ได้ แต่หากไม่ช่วยในการไหลเวียนเลือด เท่ากับพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว
สวีอีคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเตียง ตบหน้าตนเอง เสียงตบบวกกับเสียงที่เจ็บปวดของเขา ดังขึ้นว่า “ทำไมข้าถึงใช้ไม่ได้ขนาดนี้? ทำไมข้าถึงช่วยอะไรไม่ได้เลย?”
ไม่มีใครกล่อมเขา ในใจทุกคนต่างก็ทรมานอย่างมาก อ๋องหวยถามหนานเปียนเค่อด้วยเสียงสั่นถามว่า “จากที่เจ้าดู พี่ห้ายังสามารถทนได้นานแค่ไหน?”
หนานเปียนเค่อเริ่มไม่พูดไม่จา จากที่เขาดู องค์ชายรัชทายาทสิ้นใจแต่แรกแล้ว
แต่เขากลับพยายามอดทนรักษาลมหายใจสุดท้ายไว้