บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1291 จะต้องทำการผ่าตัด
สักพัก หนานเปียนเค่อพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ทนไปถึงยามสีได้ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถทนไปถึงยามห้าได้ไหม”
ภายในคนมากมายขนาดนี้ หนานเปียนเค่อถือว่ามีความน่าเชื่อถือที่สุด เขาพูดเช่นนี้ ทำให้หัวใจของทุกคนพลันตกลงสู่จุดเยือกแข็งที่สุดทันที หมดหวังอย่างบอกไม่ถูก
กว่าพระชายารัชทายาทจะมาถึง ยังต้องอีกสองวัน หากบอกว่าแค่สองชั่วโมงก็ทนไม่ไหว งั้นจะทำอย่างไรดี?
ในขณะที่กำลังหมดหวัง หยู่เหวินเห้าเหมือนกำลังพูดอะไรสักอย่าง สวีอีคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ได้ยินเสียงแผ่วเบา เขาคุกเข่าลงร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท ท่านกำลังเรียกหาพระชายารัชทายาทหรือ? นางกำลังรีบเดินทางมา ท่านต้องอดทนไว้นะ”
หยู่เหวินเห้าไม่ได้เรียกหาพระชายารัชทายาท ริมฝีปากของเขาขยับ ทุกคนตั้งใจฟัง เหมือนได้ยินจื่อจินสองพยางค์
หนานเปียนเค่อถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นี่ไม่มียาเม็ดจื่อจิน”
แต่หยู่เหวินเห้ายังขยับริมฝีปากต่อ เสียงเบาอย่างมาก เขาถึงขั้นพยายามลืมตาขึ้น แต่ไม่สำเร็จ ทำได้เพียงพูดไม่กี่คำนั้นไปมา ดูเหมือนอ่อนแรงและทรมานมาก
?
ในที่สุดสวีอีก็ฟังเข้าใจแล้ว รีบกระโดดลุกขึ้นมาในทันที เบิกตาโตพร้อมพูดขึ้นว่า “ ไม่ คือน้ำจื่อจิน คือน้ำจื่อจิน”
สวีอีหันไปพูดขึ้นว่า “เตรียมเครื่องเขียนทั้งสี่ เขียนสูตรยา ไปซื้อยา”
หนานเปียนเค่อคว้าจับเขาไว้ บีบไหล่ของเขา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “เจ้าใจเย็นๆ น้ำจื่อจินอะไร? น้ำจื่อจินกับยาเม็ดจื่อจินเหมือนกันไหม?”
สวีอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกลืนน้ำลาย สายตาเปล่งประกาย พูดขึ้นด้วยริมฝีปากสั่นเทาว่า “ไม่ น้ำจื่อจินกับยาเม็ดจื่อจินมีสรรพคุณยาแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่มีผลเสริมสร้างหัวใจให้แข็งแรงเหมือนกัน สามารถทำให้ความเจ็บปวดชา…. แต่มีผลร้ายต่อร่างกายอย่างมาก แต่นี่เป็นหนทางเดียว หลังจากทานยาแล้วค่อยเสริมพลังจิต คิดว่าน่าจะสามารถทนได้ถึงพระชายารัชทายาทมา”
คนที่อยู่หลายคนเคยได้ยินน้ำจื่อจิน จึงอธิบายให้กับทุกคนฟัง บอกว่าไว้ใช้สำหรับสอบปากคำ โดยเฉพาะกับพวกนักฆ่า คนร้ายที่ถูกว่าจ้างมา ตอนที่ถูกจับมาแล้วฆ่าตัวตาย พอเพียงยังไม่ตาย ให้ดื่มน้ำจื่อจินลงไป สามารถช่วยรักษาหัวใจของเขาไว้ได้ชั่วขณะ
ในเมื่อสามารถช่วยได้ งั้นก็ไม่รอช้า สวีอีรู้สูตรน้ำจื่อจิน หลังจากเขียนสูตรยาแล้วก็มีคนรีบไปซื้อยา จากนั้นก็นำมาต้ม หลังจากครึ่งชั่วโมง หยู่เหวินเห้าดื่มน้ำจื่อจินลงไป จากนั้นหนานเปียนเค่อใช้กำลังภายในช่วยให้เลือดเขาหมุนเวียน หากมีการอุดตันของเส้นเลือด ล้วนสามารถใช้กำลังภายในขับเลือด แต่ครั้งนี้สามารถควบคุมระดับไว้ได้พอดี จึงไม่ทำให้เลือดไหล
ผ่านไปประมาณหนึ่งธูป หยู่เหวินเห้าลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ถึงแม่สีหน้ายังคงขาวซีดอย่างมาก แต่ก็สามารถพูดออกมาได้หนึ่งประโยคว่า “ลำบากทุกคนแล้ว”
เขาไม่รู้ ว่าห้าพยางค์นี้สร้างกำลังและแรงบันดาลใจให้กับทุกคนได้มากแค่ไหน คนที่อยู่ล้วนเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง หลังจากได้ยินประโยคนี้แล้ว ต่างก็แทบอยากร้องไห้
ภายใต้สถานการณ์หมดหวังเช่นนี้ องค์ชายรัชทายาทยังสามารถช่วยตัวเองได้ ความอดทนที่แข็งแกร่งขององค์ชายรัชทายาท สามารถเห็นได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเขาเหมือนจะมองเห็นความแข็งแกร่งของประเทศเป่ยถังในอนาคต ชื่อเสียงของเป่ยถัง จะเป็นเหมือนดั่งองค์ชายรัชทายาทแน่ ยืนหยัดไม่ล้มลงง่ายๆ
อ๋องหวยกับสวีอีต่างร้องไห้ออกมาอย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหว ทั้งสองคนต่างคุกเข่าอยู่ข้างเตียง จับมือของหยู่เหวินเห้าไว้
ริมฝีปากที่ขาวซีดของหยู่เหวินเห้าเผยยิ้มที่มุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ร้องไห้ทำไม? ข้าไม่มีทางตาย”
“พี่ห้า พี่สะใภ้ห้ากำลังเร่งเดินทางมา” อ๋องหวยเช็ดน้ำตา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
หยู่เหวินเห้าอืมหนึ่งคำ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางจะต้องมา ข้ากำลังเรานาง”
“พี่ห้า พวกเราต่างไม่ได้บอกนาง ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ โกหกนางว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บคือข้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ว่านางจะเดินทางมาด้วยความเจ็บปวด”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา กลับส่ายหัวอย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็นต้องปิดบังนาง นางสามารถยอมรับได้”
อ๋องหวยอึ้งเล็กน้อย ใช่หรือ?
ความเจ็บปวดบนตัวหยู่เหวินเห้าหายไปแล้ว แต่ดูหนักตัวอ่อนล้า ไม่สดใส ยังไงก็เสียเลือดมากและปอดก็ได้บาดเจ็บอย่างสาหัส แล้วเขาก็หลับตาลงอย่างเชื่องช้าอีก
เจ้าหยวนสามารถยอมรับได้ และต้องยอมรับ เพราะพวกเขาเคยมีคำมั่นสัญญาต่อกัน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอีกคนหนึ่ง ล้วนจะต้องทนให้ได้ พวกเขายังมีลูก
ทังหยางพาฟางหวูกับพี่ชายหยวนเร่งเดินทางมาตลอดทาง ระหว่างทางมีที่พักคนเดินทาง เข้าไปพักเท้าเปลี่ยนม้า ดื่มทานอาหารเสร็จแล้วก็รีบเดินทางต่อ ในที่สุด หลังจากหนึ่งวันครึ่งก็มาถึงเมืองทงโจว
ตอนที่มาถึงเมืองทงโจว ฤทธิ์ยาน้ำจื่อจินก็จะหมดแล้ว หยู่เหวินเห้าเริ่มสติเลือนราง แต่กลับเหมือนได้ยินเสียงที่คุ้นเคย มีมือจับข้อมือของเขาไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องเขย ข้ามาแล้ว”
เขารีบลืมตาขึ้น มองดูใบหน้าตรงหน้าอย่างแทบไม่อยากเชื่อ ความตื่นเต้นดีใจเผยให้เห็นในดวงตา พร้อมพึมพำพูดขึ้นว่า “พี่ลุงใหญ่”
“ยังมีข้า พระชายารัชทายาทอยู่ระหว่าง จะถึงในไม่ช้า” ฟางหวูที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น แล้วก็เปิดกล่องยาออกแล้ว
อ๋องหวยกับสวีอีต่างไม่รู้จักสองคนนี้ แต่คนที่ทังหยางพามา และยังมีกล่องยาของพระชายารัชทายาท ดูเหมือนองค์ชายรัชทายาทก็รู้จักพวกเขา จึงไม่ได้มีการขัดขวางการรักษา
เครื่องช่วยฟัง ตลอดวัดไข้ เครื่องวัดความดัน เมื่อเอาทุกอย่างออกมาแล้ว พี่ชายหยวนก็เริ่มตรวจ
ภายใต้การที่ไม่มีเครื่องมือช่วยตรวจมากมาย การวินิจฉัยทั้งหมดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่ผ่านมา พี่ชายหยวนตรวจไปด้วย พูดให้ฟางหวูที่อยู่ด้านข้างฟังไปด้วยว่า “39องศา ความดันต่ำ ดัชนีแรงกระแทกสูง กระดูกซี่โครงซี่ที่สองกับซี่ที่สามหัก ถูกแทงโดนปอดเสียหาย โพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ อาจมีน้ำเต็มปอด ปอดติดเชื้อรุนแรง ฟังจากเครื่องช่วยฟังได้ยินเสียงรบกวนอย่างชัดเจน เคยมีเลือดออก แต่ไม่เห็นมีอาการเลือดขังในทรวงอก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร……”
ฟางหวูถามสวีอีที่อยู่ด้านข้างว่า “ได้เคยใช้กำลังภายในไหม?”
สวีอีอึ้งพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มี”
ฟางหวูจึงพูดกับพี่ชายหยวนว่า “งั้น พวกเขาใช้วิธีดันเลือดให้หมุนเวียน ละลายเลือดขังในทรวงอก”
พี่ชายหยวนพยักหัว พร้อมพูดขึ้นอีกว่า “ปอดเสียหายค่อนข้างรุนแรง ข้าสงสัยว่ามีบางส่วนของปอดเสียหาย อาการสาหัสขนาดไหนกันแน่ จะต้องผ่าดูถึงจะรู้”
ทุกคนฟังเขาเอาสิ่งของต่างๆตรวจอยู่บนนั้น จากนั้นใช้มือสัมผัสและกดหลายครั้ง แล้วก็ได้ผลสรุปมากขนาดนี้ ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่มีฝีมืออย่างมากคนหนึ่งจริงๆ
แต่ได้ยินเขาพูดว่าผ่าดู นี่คืออะไร?
สวีอีมีประสบการณ์ รู้ว่าพระชายารัชทายาทผ่าท้องคลอดพระราชนัดดาออกมา จึงถามขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า “ความหมายของเจ้าก็คือ จะผ่าท้องขององค์ชายรัชทายาทหรือ?”
“ไม่ใช่ท้อง คือผ่าหน้าอก” พี่ชายหยวนถอดเครื่องช่วยฟังออก หันไปมองทุกคนพร้อมพูดขึ้นว่า “ปอดของเขาได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง อาจจะมีเนื้อตาย และเพื่อรักษาซี่โครงที่หัก จะต้องผ่าอกเพื่อวินิจฉัย แล้วทำการรักษา ควรที่จะซ่อมแซมก็ซ่อมแซม ควรที่จะตัดทิ้งก็ต้องตัดทิ้ง”
ทุกคนฟังอย่างน่าเวทนา ต่างมองหน้ากัน ไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ
อ๋องหวยเดินมาถามว่า “เจ้าบอกว่าผ่าอก ไม่เป็นอันตรายหรือ?”
“ก็มีอันตรายระดับหนึ่ง แต่หากไม่ทำเช่นนี้ ก็ช่วยเขาไม่ได้” พี่ชายหยวนพูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม
“นี่…..” อ๋องหวยก็ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรในทันใด คำพูดประโยคนี้หากเป็นพี่สะใภ้ห้าพูด เขาจะต้องเชื่อ แต่คนตรงหน้าคนนี้ เขาก็ไม่รู้จัก
สวีอีมองดูทังหยาง ทังหยางก็ไม่กล้าตัดสินใจ ทำได้เพียงมองดูหยู่เหวินเห้า
ฟางหวูได้เติมยาให้กับหยู่เหวินเห้าแล้ว เป็นยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อในปอด หยู่เหวินเห้าค่อยๆลืมตามองดูทังหยาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ให้ความร่วมมือเขา”
มีประโยคนี้ของเขา ทุกคนต่างก็ไม่มีข้อแม้
พี่ชายหยวนจับมือหยู่เหวินเห้าไว้เบาๆ รอยยิ้มเศร้าบนใบหน้าที่เหนื่อยล้า พูดขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “ข้าจะไม่ยอมให้ลูกไม่มีพ่อ”