บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1293 ปฏิกิริยาหลังผ่าตัด
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจเข้า การผ่าตัดในครั้งนี้ถึงแม้ไม่ถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่หากนางเป็นคนผ่าตัด ถือว่ามีความอันตรายค่อนข้างมาก นางไม่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดอย่างเพียงพอ และก็มีนางเพียงคนเดียว จะทำให้หวั่นไหว
ประตูห้องผ่าตัดเปิดออก อ๋องฉีอ๋องหวยกับพวกสวีอี ต่างก็รีบล้อมมาหา จ้องมองดูพี่ชายหยวน อยากจะถามแต่ก็ไม่กล้า
พี่ชายหยวนเช็ดมือพร้อมพูดขึ้นว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่เขาจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาเร็วขนาดนี้”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้จิตใจทุกคนที่เหมือนดั่งแขวนอยู่บนเหวค่อยโล่งอก สวีอีโผเข้าไปกอดทังหยาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “ใต้เท้าทัง หลายวันมานี้ข้าร้อนใจจะตายอยู่แล้ว น่ากลัวมากจริงๆ”
ทังหยางก็โล่งอก ยิ้มหัวเราะพร้อมพูดปลอบสวีอีว่า “ครั้งนี้ ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ”
อ๋องหวยจับมือหรงเยว่ไว้ เพิ่งคิดขึ้นมาได้แล้วถามภรรยาว่า “ตลอดทางมานี้ เหนื่อยมากแล้วมั้ง?”
สีหน้าหรงเยว่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่เมื่อได้เจอสามี และได้ยินว่าองค์ชายรัชทายาทผ่าตัดได้อย่างประสบความสำเร็จ ในใจดีใจอย่างมาก พูดขึ้นว่า “ค่ะไม่เหนื่อย แต่พี่สะใภ้ห้าเหนื่อยมาก ตลอดการเดินทาง นางแทบไม่ค่อยพักเลย”
“โชคดีที่พวกเจ้ามาได้ทัน” อ๋องหวยพูดขึ้นด้วยจิตใจที่อย่างหวาดผวาอยู่
หรงเยว่พูดขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “ข้าต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อประชายารัชทายาทแล้ว”
“อืม?” อ๋องหวยอึ้ง
“ข้าคิดมาตลอดว่านางอ่อนแอมาก แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้นางเข้มแข็ง นางไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
อ๋องหวยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นมา “เจ้าเพิ่งรู้ตอนนี้ว่านางไม่ธรรมดาหรือ?”
ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนนั้น เดินออกมาจากห้องผ่าตัดอย่างเชื่องช้า นางมองดูคนที่อยู่ข้างล่างระเบียง เดินไปถวายความเคารพอย่างจริงใจ พร้อมพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “หยวนชิงหลิงขอขอบคุณทุกคนที่พามาส่ง หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน องค์ชายรัชทายาทคงทนได้ไม่ถึงตอนนี้ พวกเจ้าทุกคนช่วยชีวิตเขาไว้ และช่วยพวกเราทั้งครอบครัว ข้าหยวนชิงหลิงจะไม่ลืมตลอดชีวิต”
ทุกคนรีบเดินมายกมือทำความเคารพ อย่างถ่อมตน หนานเปียนเค่อยกมือประสาน พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาทเกรงใจเกินไปแล้ว องค์ชายรัชทายาททำทุกอย่างเพื่อประชาชน พวกเราต่างเคารพนับถืออย่างยิ่ง สามารถได้ออกแรงทำเพื่อเขา ถือเป็นเกียรติของพวกเรา”
“ใช่ ถึอเป็นเกียรติของพวกเรา” ทุกคนต่างพูดขึ้นเหมือนกัน
หยวนชิงหลิงเห็นทุกคนเคารพนับถือเจ้าห้า ในใจตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ย่อตัวทำความเคารพอีกครั้ง พร้อมพูดว่าหลังจากกลับเมืองหลวงแล้ว จะต้องเลี้ยงขอบคุณทุกคน
เดิมหยวนชิงหลิงอยากอยู่เฝ้าหยู่เหวินเห้า แต่พี่ชายหยวนขอร้องให้นางไปพักผ่อน ด้วยความจนใจ นางจึงจำต้องกลับไปนอนพักที่ห้อง
การผ่าตัดประสบความสำเร็จ ทำให้นางโล่งอกไปทั้งตัว เดิมคิดว่าจะนอนไม่หลับ แต่ที่ไหนได้ นอนลงไปตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว เร่งเดินทางหลายวันนี้ เคยได้นอนหลับดีเสียที่ไหน เหนื่อยล้าอย่างมากแล้วจริงๆ เมื่อนอนลงก็นอนจนถึงพลบค่ำคอยตื่นขึ้นมา
นางลืมตาขึ้น มองดูข้างนอกแทบมืดสนิทแล้ว จึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกมา สวีอีกับทังหยางเฝ้าอยู่ในห้องหยู่เหวินเห้า พี่ชายหยวนกับพวกหรงเยว่ต่างไปนอนแล้ว ทุกคนต่างก็เหนื่อยแย่แล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ฟางหวูเพิ่งฝังเข็มไว้ แล้วก็ไปนอนครึ่งชั่วโมง สักพักค่อยมาเปลี่ยนเข็ม
นางย่องเดินเข้ามา เห็นหยู่เหวินเห้ายังไม่ตื่น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ยังไม่ฟื้นหรือ?”
ทังหยางพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ฟื้นมาแล้ว แล้วก็นอนไปอีก”
หยวนชิงหลิงค่อยโล่งอก สวีอีรีบหลบให้นางนั่งลง แล้วก็ดึงใต้เท้าทังออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “อยากกีดขวางการที่สามีภรรยาเขาได้เจอกัน”
ทังหยางหัวเราะ ไม่ง่ายที่สมองทื่ออย่างสวีอีจะรู้สึกความรักใคร่แล้ว จึงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “พวกข้ารออยู่ข้างนอก พระชายารัชทายาทมีอะไรก็เรียกได้เลย”
“ไม่เป็นไร” หยวนชิงหลิงหันไปมองดูพวกเขา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “พวกเจ้าไม่ต้องอยู่เฝ้าแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ”
ทั้งสองคนพยักหัว แล้วก็เปิดประตูเดินออกไป
หยวนชิงหลิงมองดูหยู่เหวินเห้า ดึงผ้าห่มให้เขาดีๆ ตั้งแต่ออกไปรบจนถึงตอนนี้ ผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนกว่า คิดถึงเขาทุกวัน ขอภาวนาให้เขาปลอดภัย กลับเกิดเรื่องใหญ่กับเขา
มือลูบใบหน้าขาวซีดผอมของเขา ใบหน้าของเขาเย็นเฉียบอย่างมาก เลือดไหลเวียนไม่พอเพียง อุณหภูมิไม่ขึ้นมา
แต่ดีที่ไม่มีไข้
หยู่เหวินเห้ารู้สึกเหมือนมีคนลูบใบหน้าของเขาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อลืมตาขึ้น ก็มองเห็นดวงตาแดงก่ำเป็นกังวลของนาง นิ้วมือของเขาขยับไปหามือของนาง จับนิ้วมือของนางไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เป็นไร”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ ดวงตาแดงก่ำ เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้ารู้”
นางก้มลงจูบบนหน้าผากของเขา แลกกับรอยยิ้มที่อิ่มเอมและอิ่มเอมใจของเขา
เขาอยากพูดกับนางมากกว่านี้ แต่เหนื่อยล้าอย่างมาก ความง่วงก็มาเยือน จึงค่อยๆหลับตาลงอย่างเชื่องช้า แต่มือที่จับมือของนางไว้ไม่ยอมปล่อย
มีนางอยู่ข้างกาย เขารู้สึกเหมือนโลกหยุดอยู่ที่นี่แล้ว ในใจไม่มีความกังวลไม่มีความหวาดกลัวอีกต่อไป
หยวนชิงหลิงเฝ้าอยู่ข้างกายเขาตลอด ถึงแม้นั่งอยู่อย่างนี้ก็เหนื่อย แต่หลายวันมานี้ ต้องอยู่อย่างกระวนกระวาย ตอนนี้ในที่สุดก็ได้อยู่ข้างกายเขา ต่อให้เหนื่อยต่อให้ลำบากอีกแค่ไหน นางก็ไม่อยากจากไปไหน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฟางหวูผลักประตูเข้ามา เห็นนางเฝ้าอยู่ในนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าทานอะไรหรือยัง? ทานอะไรก่อนแล้วค่อยเฝ้าเขาต่อ”
“ข้ายังไม่หิว เดี๋ยวค่อยกิน เจ้าไปนอนเถอะ ข้าเฝ้าเขาก็พอ พี่ชายให้ยาอะไรไว้?”
“ใช้ยาเมอโรพีเนม(ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย)กับอิมมิวโนโกลบูลิน (สารภูมิต้านทาน) ปอดยังคงติดเชื้อค่อนข้างรุนแรง หลังจากผ่าตัดแล้วก็เริ่มใช้ ตอนนี้ครั้งที่สอง ถึงปริมาณสูงสุดของวันแล้ว พรุ่งนี้ค่อยใช้ต่อ” ฟางหวูพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ข้าเฝ้าก็พอ เจ้ากลับไปเถอะ”
ฟางหวูเดินไปโอบกอดนางไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “งั้นข้าไปละ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเขา ตอนนี้ยาชาของเขายังไม่หมดฤทธิ์ เจ้านวดให้เขาด้วย”
“อืม ได้” หยวนชิงหลิงกอดนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างขอบคุณว่า “ขอบใจเจ้ามาก”
ฟางหวูยิ้มหัวเราะ ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงได้พูดจากเกรงใจเช่นนี้?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างซาบซึ้งว่า “จริงๆ หากพวกเจ้าไม่มา ข้าไม่รู้จริงๆว่าจะทำอย่างไร พวกเจ้ามาได้ทันเวลามาก”
“เอาละ ไม่ต้องพูดถึงพวกนี้แล้ว อยู่เฝ้าเขาให้ดี ข้าไปละ” ฟางหวูเห็นนางยิ่งพูดก็ยิ่งเกรงใจ จึงยิ้มแล้วก็เดินออกไป
หยวนชิงหลิงยื่นมือเข้าไป ช่วยเขานวดมือเท้าทั้งคู่ และไหล่ หลังจากยาชาหมดฤทธิ์แล้ว อาการไม่สบายของร่างกายจากค่อนข้างรุนแรง และเขาก็อยู่ในสภาวะบาดเจ็บสาหัส เดี๋ยวความเจ็บปวดจะค่อนข้างชัดเจน
หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ทั้งหมดแล้ว หยู่เหวินเห้าก็เจ็บปวดจนตื่นขึ้นมา รวมกับความเจ็บปวดที่ก่อนหน้านี้ดื่มน้ำจื่อจินก็ปะทุขึ้นมา ไม่ว่าจะอดทนยังไงก็รู้สึกทรมาน
หยวนชิงหลิงเห็นเขาทุกข์ทรมาน และนางเองก็เคยดื่มน้ำจื่อจิน รู้ผลข้างเคียงหลังจากหมดฤทธิ์ยา รู้ว่าทรมานอย่างมาก จึงให้ยาบรรเทาปวดแก่เขา เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดให้กับเขา
ตอนนี้สิ่งที่นางโชคดีที่สุดก็คือ ยาในกล่องยานี้อยากได้อะไรก็มีอย่างนั้น
ยาแก้ปวดบรรเทาอาการปวดไม่ได้ชัดเจนมาก ที่สำคัญคือผลข้างเคียงหลังหมดฤทธิ์ยาน้ำจื่อจิน ค่อนข้างรุนแรง เดิมใช้น้ำจื่อจินเพื่อประทังชีวิต ตอนนี้กลับต้องรับผลข้างเคียงอย่างทุกข์ทรมาน หยวนชิงหลิงเห็นหน้าผากของเขามีเหงื่อซึมตลอด สีหน้าขาวซีด ในใจทรมานอย่างที่สุด อยากที่จะเจ็บแทนเขา
ภายใต้ความเจ็บปวด หยู่เหวินเห้ากลับมีสติอย่างมาก เขาหันกลับมาพูดปลอบหยวนชิงหลิงว่า “ข้า….ข้าได้ยินว่าการคลอดลูกเจ็บปวดที่สุด ข้าในตอนนี้…. ยังไม่เจ็บเท่าเจ้าคลอดลูก ข้าสามารถทนได้”
เขาพยายามไม่ให้ตนเองกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา แต่ภายใต้ความเจ็บปวด เขาไม่สามารถควบคุมสีหน้าท่าทีแสดงออกของตนเองได้เป็นอย่างดี ความโล่งใจที่เสแสร้งของเขา หยวนชิงหลิงเห็นแล้วก็ยิ่งปวดใจ
เมื่อเจ็บปวดใจ ในท้องก็เริ่มรู้สึกร้อนรุ่ม แม้แต่ฝ่ามือก็ร้อนรุ่มอย่างรุนแรง นั่งจับมือของเขาไว้ตลอด ตอนนี้ฝ่ามือร้อนผ่าว และส่งไปถึงบนฝ่ามือของเขา