บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1307 อวยพรได้
อ๋องหวยตกใจเป็นอย่างมาก “เจรจาเรื่องการแต่งงานแล้ว? พูดแล้วหรือ? เป็นท่านชายตระกูลไหน?”
“ไม่รู้ ข้าไม่ได้ฟังทั้งหมด คนไปๆมาๆ ก็เอะอะเป็นอย่างมาก แต่ข้าเห็นสีหน้าของจวิ้นจู่จิ้งเหอ นางซีดเซียวมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้หรือไม่ นางน่าจะไม่เต็มใจละมั้งเพคะ?” หรงเยว่กล่าว
ในใจของอ๋องหวยรู้สึกว่าไม่ดีแล้ว ท่านพี่สามจะต้องย่ำแย่
นี่คิดก็สามารถคิดได้ว่าท่านพี่สามจะทรมานมากเพียงใด ผู้หญิงที่ตัวเองรัก ต้องแต่งงานกับผู้ชายอื่น มีบุตรกับชายคนอื่น ผ่านไปทั้งชีวิต จะทรมานเพียงใดกันนะ?
“เรื่องนี้ให้ท่านพี่สามรู้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่รู้วันนี้ คืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลอง หากว่าเป็นเพราะสภาพจิตใจของเขาพังทลายและทำเรื่องบ้าๆออกมา เสด็จพ่อจะต้องกล่าวโทษเขาเป็นแน่” อ๋องหวยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“คาดว่าคงไม่พูดแล้วล่ะเพคะ?” หรงเยว่เหลือบมองทางนั้นแวบหนึ่ง ฮูหยินชุยสนทนาอยู่กับฮูหยินไม่กี่ท่าน ไม่รู้ว่าพูดอะไร
“ข้าไปหาท่านพี่ห้าพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคืนนี้ก็ต้องให้พวกเขาดูท่านพี่สามดีๆ ทำลายงานเลี้ยงฉลองของเสด็จพ่อ ท่านพี่สามจะถูกลงโทษหนัก!” อ๋องหวยพูดจบ ก็ไปหาหยู่เหวินเห้าทันที
หยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิงได้ยินคำพูดของอ๋องหวย ตกใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน ข่าวนี้ช่างกะทันหันจริงๆ ตระกูลชุยสามารถเอ่ยถึงเรื่องการแต่งงานของจิ้งเหอต่อหน้าผู้อื่นมากมายในวังได้ ก็เห็นได้ว่าเรื่องนี้โดยมากคือสำเร็จแล้ว มิฉะนั้นจะพูดไม่ได้เด็ดขาด จะทำลายชื่อเสียงของจิ้งเหอ
“ยายหยวน พวกเจ้าไปถามจิ้งเหอดู พวกเราพี่น้องไม่กี่คนจะคอยจับตาดูท่านพี่สาม ไม่ให้เขาเข้าใกล้คนของตระกูลชุย และไม่ให้เขาเข้าใกล้ฮูหยินคนไหน เพื่อเลี่ยงการรับรู้เรื่องนี้” หยู่เหวินเห้ารีบจัดการทันที
ทหารแบ่งเป็นสองทาง
หยวนชิงหลิงไปหาจิ้งเหอทันที เรียกพระชายาซุน พระชายาหวย พระชายาฉี พระชายอานไปด้วย พี่น้องสะใภ้เชื้อพระวงศ์นอกจากภรรยาน้องเก้าหมันเอ๋อและฮูหยินเหยา โดยพื้นฐานล้วนครบแล้ว
หลังจากรวมตัวกันสนทนาไม่กี่ประโยค หยวนชิงหลิงกล่าวเสนอว่า “ฮู่เฟยยังไม่มา ไม่รู้ว่าเจ้าสิบก่อเรื่องหรือไม่ ไม่เช่นนั้นพวกเราไปหานาง และถือโอกาสไปเยี่ยมเจ้าสิบด้วย หนุ่มน้อยนั่น อ้วนท้วนน่ารักเป็นที่สุด”
หรงเยว่คล้อยตามคำพูดของนางทันที “ดีนะเพคะ ข้าก็อยากพูดคุยกับฮู่เฟย ไม่ได้พบนางนานแล้ว ไม่รู้ว่าท้องของนางจะใหญ่กว่าข้าหรือไม่น่ะเพคะ พวกเราไปด้วยกันนะเพคะ”
เดิมทีจิ้งเหออยากบอกว่าไม่อยากไป แต่นางต้านพระชายาซุนไม่ไหว พระชายาซุนดึงข้อมือของนางทันที “ไป ไปด้วยกัน ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบเจ้า จะต้องลากเจ้าไปพูดคุยสักครู่หนึ่งถึงจะได้”
จิ้งเหอหัวเราะแล้วกล่าว “ได้ ข้าไป ท่านไม่จำเป็นต้องดึงข้า ฉันเดินเองเพคะ”
พระชายาซุนหึเสียงหนึ่ง “ไม่ดึงเจ้าไว้ ก็รั้งเจ้าไว้ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าอยู่ในเมืองหลวง ก็ไม่เห็นว่าจะมาหาข้าบ่อยๆ นี่คือใจจืดใจดำมาก”
“คำนี้ท่านพูดกับอ๋องซุนก็ได้แล้ว ทำไมยังกล่าวกับข้าอีกล่ะ?” จวิ้นจู่จิ้งเหอเดินกับนางไปพลาง หยอกล้อไปพลาง
พระชายาซุนได้ยินนางพูดถึงอ๋องซุน ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ หันกลับไปมองหยวนชิงหลิง “เมื่อครู่ขณะที่น้องห้าพูดอยู่บนเวที เจ้าไม่ได้เห็นท่าทางที่อ้วนแทบตายนั่นของเขา เพ่งมองน้องห้าอยู่ตลอด บอกว่าน้องห้าผ่าเผยห้าวหาญ อิจฉาเป็นอย่างมาก”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วหัวเราะอีกอย่างใจลอย “ใช่หรือ? ท่านพี่รองก็ผ่าเผยเป็นอย่างมากนะ…….อ้วนอย่างผ่าเผย!”
“ท่านอย่าพูดเช่นนี้เชียว หากท่านบอกว่าเขาผ่าเผยน่ามอง คืนนี้จะต้องกินไม่หยุดหย่อนเป็นแน่ อีตานี่ ข้านับว่ายอมเขาแล้ว พร่ำบ่นว่าตัวเองอ้วน แล้วก็ควบคุมปากของตัวเองไม่ได้อีก ไม่เคยพบเห็นคนที่ขัดแย้งกันเช่นนี้มาก่อน”
“ท่านก็อย่าว่าเขาบ่อยๆล่ะ เขาพร่ำบ่น ท่านฟังไว้ก็ได้ ท่านเยาะเย้ยท่านพี่รองทุกครั้ง ไม่ดีเพียงใด!” หยวนชิงหลิงกล่าว
“แค่ท่านที่คิดว่าดี ดีที่ไหน? ทั้งอ้วนทั้งขี้ขลาด!” พระชายาซุนกล่าวเช่นนี้ แต่บนใบหน้ากลับแขวนด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เห็นได้ความนางก็ชอบฟังคำพูดดีๆที่ยอมรับอ๋องซุนเป็นอย่างมาก
“อ้วน ข้ายอมรับ แต่ท่านบอกว่าเขาขี้ขลาด ข้าไม่เห็นด้วยเพคะ เขาเคยช่วยขวางมีดให้ข้าเชียวนะเพคะ” หยวนชิงหลิงหัวเราะ แอบมองจิ้งเหอแวบหนึ่ง เห็นนางถูกพระชายาซุนจับข้อมือไว้ แต่กลับยังคงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
พระชายาซุนชอบฟังคำที่หยวนชิงหลิงชื่นชมอ๋องซุนเป็นอย่างมาก ยิ้มด้วยความดีใจมากขึ้นเรื่อยๆ “ขี้ขลาดก็ขี้ขลาดจริงๆ เพียงแค่ก็รู้จักปกป้องน้องชายน้องสาวเท่านั้น นับว่าจุดนี้ยังไม่เลว”
หยวนหย่งอี้ไม่ได้พูดจามาโดยตลอด นางค่อนข้างอ่อนไหว จากใบหน้าของหรงเยว่และหยวนชิงหลิงสามารถดูออกถึงความไม่เหมาะสม แม้แต่คำพูดที่ชื่นชมยินดีขนาดนี้ของพระชายาซุน พวกนางก็ล้วนขมวดคิ้ว
ถึงตำหนักของฮู่เฟย ก็ถามคนรับใช้หน้าประตูตำหนักเล็กน้อย ถึงได้รู้ว่าวันนี้ฮู่เฟยไม่ได้ออกไป เพราะเมื่อคืนตะกละ กินจนท้องเสีย ถูกฮ่องเต้หมิงหยวนกักบริเวณ ไม่อนุญาตให้นางออกจากประตูตำหนักแม้แต่ก้าวเดียว ด้านนอกครึกครื้นเช่นนี้ นางก็ชอบความคึกคัก ออกไปไม่ได้เช่นนี้ ช่างเป็นความทรมานจริงๆ เห็นเหล่าสะใภ้ของเชื้อพระวงศ์เดินพูดคุยสนุกสนานเข้ามา นางทอดถอนใจคำหนึ่ง “นับได้ว่าพวกเจ้ามาช่วยข้าแล้ว รีบมาสนทนาเป็นเพื่อนข้า ด้านนอกคึกคักมากใช่หรือไม่ล่ะ? ข้าอยากออกไปดูยิ่งนัก”
ทุกคนหัวเราะเข้าตำหนัก หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้วเอ่ยถาม “รู้ว่าวันนี้จะมีความครื้นเครง เมื่อคืนท่านก็ไม่ควรตะกละนะเพคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรนานแล้ว เพราะฮ่องเต้กังวลไปเรื่อยเปื่อย!” ฮู่เฟยกล่าวอย่างจนปัญญา แต่ในสีหน้าก็เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข เพราะนางเสพสุขกับความรักที่บ้าอำนาจเช่นนี้
“เสด็จพ่อก็ทำเพื่อท่าน ตอนนี้ท่านกำลังตั้งครรภ์ ร่างกายก็ไม่ค่อยสบาย ออกไปก็ต้องเที่ยวเล่นเป็นแน่ ท้องเกิดความพลาดพลั้งก็ไม่ดี!”พระชายาซุนกล่าว
ฮู่เฟยชำเลืองมองพระชายาซุนแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วกล่าว “พระชายาซุน วันนี้เสื้อผ้าชุดนี้ของเจ้างดงาม เหมือนชุดมงคลตอนแต่งงานเช่นนั้น”
วันนี้พระชายาซุนไม่ได้สวมชุดราชสำนักของพระชายาอ๋องชิน แต่เป็นชุดพิธีการครึ่งยศผ้าต่วนเมฆาสีแดงทับทิมใหม่เอี่ยม ปักดอกโบตั๋นสีแดงขนาดใหญ่ เหมาะกับการฉลองเป็นที่สุด
พระชายาซุนยิ้มและกล่าว “งดงามไหมเพคะ? ข้าว่าดูแล้วก็ยังพอได้”
หยวนชิงหลิงก็รีบเก็บหัวข้อสนทนาขึ้นมาทันที มองไปที่จวิ้นจู่จิ้งเหอแล้วกล่าว “พูดถึงชุดมงคล กลับมีเรื่องหนึ่งต้องการจะถามจวิ้นจู่ ข้าได้ยินจวิ้นจู่หารือเรื่องการแต่งงานแล้ว ใช่หรือไม่?”
ทุกคนตะลึง มองไปทางหยวนชิงหลิงพร้อมกัน เห็นหยวนชิงหลิงมองดูจิ้งเหอ พวกนางก็มองไปทางจิ้งเหอพร้อมกัน
จิ้งเหอนั่งลงบนเก้าอี้ มือสองข้างกุมประสานกันบนกระโปรง บนใบหน้าเผยว่าซีดขาวเล็กน้อย แขวนด้วยรอยยิ้มบางๆ “พระชายารัชทายาทได้รับข่าวสารไวยิ่งนักเพคะ เป็นความจริงเพคะ”
ทุกคนมองหน้ากัน จริงหรือ?
สีหน้าของพระชายาซุนเปลี่ยนไปแล้ว เสียงก็เปลี่ยนเป็นแหลมขึ้นมา “เป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเจ้าไม่บอกข้า?”
“เพิ่งจะกำหนดลงมา คิดว่ารอให้ผ่านงานเฉลิมฉลองแล้วค่อยบอกท่าน” จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดูพระชายาซุนด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย จากนั้นใช้สายตาสำรวจใบหน้าของทุกคนรอบหนึ่ง หัวเราะก๊ากขึ้นมาเสียงหนึ่ง “ทำไมแต่ละคนถึงจริงจังขนาดนั้น? ข้าแต่งงานน่าแปลกมากหรือ?”
หยวนหย่งอี้ชำเลืองมองนาง สีหน้าสับสนเล็กน้อย “ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ข่าวนี้ค่อนข้างกะทันหัน พวกเรา……รู้สึกแปลกใจน่ะ”
“ไม่ต้องแปลกใจ อวยพรข้าก็พอ!” จวิ้นจู่จิ้งเหออมยิ้มแล้วกล่าว
หยวนชิงหลิงและหยวนหย่งอี้สบตากันแวบหนึ่ง นัยน์ตาซับซ้อนเป็นอย่างมาก พวกนางทั้งสองล้วนค่อนข้างมีความคิดเปิดกว้าง รู้สึกว่าจิ้งเหอสามารถหาความสุขของตัวเองได้ และควรที่จะหาความสุขของตัวเอง โดดเดี่ยวทั้งชีวิต ชั่งโหดร้ายเกินไป
เพียงแต่ ชั่วหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ อ๋องเว่ยเพิ่งจะกลับมาจากการทำสงคราม เขาจะสามารถยอมรับข่าวนี้ได้หรือไม่?
เช่นนี้เป็นการเอาชีวิตเขาอย่างแท้จริงนะ!