บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1309 เขารู้แล้ว
หลังจากออกจากที่ฮู่เฟย จวิ้นจู่จิ้งเหอเรียกหยวนชิงหลิงไว้ อยากจะคุยกับนางเป็นการส่วนตัวสักหน่อย
หยวนชิงหลิงพานางไปที่ตำหนักด้านข้างของตำหนักหวงกุ้ยเฟย หลังจากยกน้ำชาให้แล้ว ก็หลบออกไปทางซ้ายขวา สนทนาเพียงลำพังกับนาง
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดูนาง กล่าว “พระชายารัชทายาท ในบรรดาพวกผู้หญิงเราทั้งหลายนี้ ความคิดของท่านเปิดกว้างเป็นที่สุด และทะลุปรุโปร่งที่สุด ข้าคิดว่าท่านน่าจะเข้าใจข้า”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า “ข้าคิดว่า ข้าเข้าใจ”
จวิ้นจู่จิ้งเหอถือถ้วยชา หมุนไปมาในอุ้งมือช้าๆ กล่าวเบาๆ “อันที่จริงช่วงก่อนหน้านี้ ในครอบครัวได้เจรจาเรื่องการแต่งงานให้ข้า ข้าเกือบจะเห็นด้วยแล้ว เพราะว่าข้าอยากจบวันคืนเช่นนั้นแล้วจริงๆ แต่นาทีนั้นที่ข้ากำลังจะตอบตกลงออกมาจริงๆ ในใจของข้าก็ต่อต้านอย่างบ้าคลั่ง ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้ จริงๆในใจของข้ามีคนอยู่ผู้หนึ่ง ข้าจะสามารถหลอกตัวเองได้อย่างไร? ดังนั้นในที่สุดข้าก็ไม่ได้ตกลง ข้ารู้ว่าเขากำลังรอข้า แต่ข้ากลับไปอยู่กับเขา ทุกวันจะต้องเป็นความทรมานอย่างแน่นอน พวกเราไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้ ก็เช่นนี้ ข้าแต่งงานกับคนผู้นั้นที่ข้าอยากแต่งงานด้วย ความทรงจำจะไม่ถูกคนพรากไป ข้าแต่งงานกับเขาที่อยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด จิตใจของข้ารู้สึกมั่นคง ข้าคิดว่าการตัดสินใจของข้านั้นถูกต้อง พระชายารัชทายาท โดยปกติแล้วท่านพี่สะใภ้รองจะฟังท่าน ประเดี๋ยวท่านไปเกลี้ยกล่อมนาง อย่าให้นางเป็นกังวลใจเพราะข้าอีก”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง กล่าวว่า “ท่านคิดว่าทำเช่นนี้ ดีต่อตัวเอง เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่มีทางจะก้าวก่ายการตัดสินใจของท่านได้ สำหรับท่านพี่สะใภ้รอง ประเดี๋ยวข้าจะเกลี้ยกล่อมนาง แต่ข้าคิดว่าหากท่านไม่อยากให้นางเป็นห่วงท่าน เช่นนั้นท่านก็ต้องใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เห็นรอยยิ้มของท่าน ข้าเชื่อว่าได้ผลกว่าการที่ข้าพูดเป็นพันประโยคทั้งสิ้น”
“ข้าพยายาม พยายามมาตลอด ดีเป็นอย่างมากแล้ว หลังจากที่ข้าทำการตัดสินใจออกมา ในใจสงบลงเป็นอย่างมาก” นางกล่าว
“แต่ท่านดูแล้วซีดเซียวมาก” หยวนชิงหลิงมองใบหน้าของนาง แป้งเครื่องแต่งหน้าล้วนไม่สามารถปิดบังความซีดขาวได้ ยังคงทะลุออกมาอยู่เล็กน้อย
จิ้งเหอหัวเราะแล้ว ยื่นมือไปลูบใบหน้าที่ซูบผอมของตัวเอง “ไม่กี่วันนี้ผ่านมาได้ไม่ดีจริงๆ ในครอบครัวคัดค้าน พูดเกลี้ยกล่อมหลายคราว ใช้ความรู้สึกทำให้คนหวั่นไหวใช้เหตุและผลทำให้คนเข้าใจ แต่ดีที่ ล้วนถูกข้าพูดจนยอมทีละคนแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็เคารพและเห็นด้วยกับทางเลือกของข้า”
คำนี้ พูดได้อย่างสบายๆ แต่คิดว่าในการปฏิบัติจะต้องลำบากเป็นที่สุดแน่
นางต้องการช่องว่าง ใช้ชีวิตที่ตัวเองอยากใช้ ไม่ต้องแบกรับความเป็นห่วงเป็นใยและความสงสารของผู้ใด
อันที่จริงหยวนชิงหลิงได้เปลี่ยนจุดยืนและไตร่ตรองครู่หนึ่ง ก็เข้าใจการเลือกของนาง บางที หากนางเป็นจิ้งเหอ ก็จะทำนี้ แต่งงานกับคนที่นางเคยรักผู้นั้น ใช้ทั้งชีวิตอย่างมีความสุขสงบภายใต้จินตนาการของตนเอง นี่เป็นวิธีปรับความเข้าใจกับตัวที่ดีที่สุด
ไม่ทรยศหัวใจตัวเอง และไม่ได้ฝืนใจตัวเองไปแต่งงานกับคนผู้หนึ่งที่นางไม่ชอบ
นางกุมมือของจิ้งเหอ กล่าวเบาๆ “อื้ม เช่นนี้ดีมาก ข้าสนับสนุนท่าน”
จิ้งเหอกุมมือนางคืน โล่งใจเล็กน้อย หัวเราะแล้ว รอยเขียวช้ำใต้ตาถูกรอยยิ้มชะให้จางไป คิ้วกับตาโค้งขึ้ง “ท่านเป็นคนแรก คนที่สนับสนุนข้าอย่างจริงใจ ข้าต้องการการสนับสนุนเช่นนี้ยิ่งนัก ขอบคุณท่าน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะแล้ว “หลังจากนี้ ทุกคนจะสนับสนุนท่านทั้งหมด”
“อื้ม ข้าเชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น!” ทั้งร่างของจิ้งเหอราวกับว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง นัยน์ตาลุกโชนไปด้วยความสนุกต่อการใช้ชีวิต
พระชายาซุนทางนั้น ยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วน ในงานเลี้ยงฉลอง มองเพียงจิ้งเหออยู่ตลอด ในจิตใจของนางซับซ้อนมาก เพราะนางคิดว่าความสุขของหญิงผู้หนึ่งคือการหาบุรุษผู้หนึ่งที่เชื่อถือได้พึ่งพาได้รักได้ใช้ทั้งชีวิตไปทั้งชีวิต
นางอดไม่ได้แล้วจริงๆ ถือโอกาสที่งานเฉลิมฉลองยังไม่เริ่ม เรียกหยวนชิงหลิงออกไป แล้วบ่นระบายกับหยวนชิงหลิง “มีลูกสาวตระกูลสูงศักดิ์ทำเช่นนี้ที่ไหนกัน? ผู้หญิงเหล่านั้นที่แต่งงานกับเทพบุปผาเทพงูอะไรนั่น ล้วนเป็นพวกที่แต่งออกไปไม่ได้เอง และไม่อยากทำให้ผู้อื่นวิพากษ์วิจารณ์ จึงใช้เหตุนี้เป็นข้ออ้าง เพื่อทำให้ความปรารถนาที่อยากจะแต่งงานของตัวเองสมหวัง นางไม่ได้จำเป็นต้องทำเช่นนี้”
“นางสบายใจ นี่ก็เพียงพอแล้ว!” หยวนชิงหลิงลากนางเดินไปทางด้านนอก กำชับเบาๆ “หากท่านเป็นห่วงนางจริงๆ รักใคร่นาง ก็ต้องเคารพการเลือกของนาง หากว่าท่านไม่เคารพการเลือกของนาง แล้วจะขอให้นางเห็นด้วยกับนิยามที่ท่านเรียกว่าความสุขได้อย่างไรล่ะเพคะ? และท่านก็คิดว่าเมื่อนางจะแต่งงานจริงๆ ท่านก็จะคัดค้านเช่นกัน อย่าย้อนแย้งกันเพียงนี้ ปล่อยให้นางใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ดีหรือ?”
สีหน้าพระชายาซุนห่อเหี่ยว “ข้าไม่ได้เข้าใจอะไรมากเช่นพวกเจ้า ข้าแค่รู้สึกว่า นางทำอย่างนี้จะทำให้ตัวเองลำบากมาก แต่เจ้าอาจจะพูดถูก นางรู้สึกว่ามีความสุข นี่ล้วนสำคัญกว่าสิ่งใด พระชายารัชทายาท เจ้าไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของข้ากับนาง ข้าเห็นนางเป็นน้องสาวจริงๆ ตอนนั้นแม่นางคนนี้ถูกเจ้าสามแย่งมา เป็นคนเงียบๆผู้หนึ่งเช่นนั้น แบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมด ใช้ชีวิตอยู่กับน้องสามอย่างมั่นคง และไม่อนุญาตให้คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์น้องสามสักประโยค ตอนนั้นท่านพี่รองของเจ้าและน้องสามมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ต่อน้องสามข้าก็เห็นเป็นน้องชายเช่นนั้น ตอนนั้นน้องสามถูกลงโทษเพราะเรื่องการฉุดเจ้าสาวมาแต่งงาน นาทีนั่นที่นางยืนขึ้นมาปกป้องเขา ข้าก็ตัดสินใจจะทำดีต่อนาง……เพียงแค่ข้าสงสารนาง ข้าไม่ได้บอกว่าไม่สนับสนุนนาง”
“ใช่ ข้ารู้พวกท่านดีมาก รู้ว่าท่านรักนางอย่างจริงใจ ดังนั้น ก็สนับสนุนเถอะเพคะ นางช่างต้องการการสนับสนุนของท่านมากนัก!” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ข้ารู้” พระชายาซุนกล่าว
อ๋องชินไม่กี่ท่านลากอ๋องเว่ยออกไปพูดคุย รอจนตอนที่งานเลี้ยงฉลองเริ่มถึงได้กลับมาร่วมงาน แต่อ๋องเว่ยไม่ได้เข้ามาพร้อมพวกเขา เห็นจวิ้นจู่จิ้งเหอกับคนของตระกูลชุย เขามองดูอย่างเหม่อลอยครู่หนึ่ง
ส่วนน้องเก้าไม่ได้อยู่ด้วยกับพวกเขา เที่ยวเล่นอยู่กับองค์ชายแปด จากนั้นก็จูงมือเข้ามาด้วยกัน
เมื่อครู่ขณะที่น้องเก้าเล่นกับองค์ชายแปดในอุทยานอวี้ฮัว ก็ได้ยินเรื่องที่พูดถึงการแต่งงานของจวิ้นจู่จิ้งเหอ แอบกังวลอยู่ในใจ กระทั่งเห็นหยู่เหวินเห้าและอ๋องฉีอ๋องหวยและคนอื่นๆมา ไม่เห็นอ๋องเว่ย เขาก็รีบดึงหยู่เหวินเห้าไว้ทันที กล่าวด้วยเสียงร้อนรนว่า “ข้าได้ยินมาว่าจวิ้นจู่จิ้งเหอจะแต่งงานแล้ว เป็นความจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้ารีบหันกลับไป เห็นพี่สามสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา จึงเพ่งมองน้องเก้าอย่างดุดันแวบหนึ่ง “รีบหยุดปาก อย่าพูดแล้ว เขาจะได้ไม่ต้องก่อกวนงานเลี้ยงฉลองนี้ เสด็จพ่อกล่าวโทษลงมา เจ้าก็ต้องรับโทษแล้ว”
น้องเก้าก็เห็นเขามาแล้ว จึงไม่ถามอีก นั่งลงข้างกายขององค์ชายแปด
จะรู้ที่ไหน องค์ชายแปดกลับได้ยินที่พวกเขาพูดกัน เอียงศีรษะถามหยู่เหวินเห้า “ท่านพี่ห้า จวิ้นจู่จิ้งเหอเป็นท่านพี่สะใภ้สาม ท่านพี่สะใภ้สามต้องการจะแต่งงานแล้ว? แต่งงานกับท่านพี่สามอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
อ๋องเว่ยมาถึงพอดี คำพูดขององค์ชายแปดเข้าหูเขาไม่ตกหล่นสักคำ
เขาเหมือนดั่งถูกฟ้าผ่าเช่นนั้น ฝีเท้าของเขาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ สีเลือดบนใบหน้าหายไปในพริบตา อ๋องหวยลุกขึ้นยืน ยื่นมือออกไปดึงเขา “ท่านพี่สาม!”
อ๋องเว่ยมองดูเขา “หืม?”
“นั่งลง เสด็จพ่อเสด็จมาถึงแล้ว!” อ๋องหวยกดเสียงต่ำแล้วกล่าว เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็กลับรู้สึกลนลานเล็กน้อยแล้ว
อ๋องเว่ยนั่งลงอย่างแข็งทื่อ นั่งลงเงียบๆครู่หนึ่งเขาก็หันหน้าไปถามองค์ชายแปด “น้องแปด ใครจะแต่งงานกัน?”
อ๋องชุนเอามือปิดปากองค์ชายแปดไว้ทันที “พูดเหลวไหลไม่ได้ เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่”
“น้องเก้า เจ้าให้เขาพูด!” มือสองข้างของอ๋องเว่ยรวมไว้ด้วยกันในแขนเสื้อ ท่าทางเช่นนี้ คล้ายไท่ซ่างหวงอย่างยิ่ง วันนี้โกนหนวดเคราแล้ว ใบหน้าสีน้ำตาลแก่มีประกายความนิ่งเฉยเย็นยะเยือก
หยู่เหวินเห้ากล่าวเสียงเบาๆอยู่ด้านข้าง “ประเดี๋ยวค่อยบอกท่าน ท่านก่อเรื่องไม่ได้ วันนี้ทุกคนล้วนมีความสุขเพียงนี้”
“ดังนั้น นางต้องการแต่งงานแล้ว พวกเจ้าล้วนรู้ ข้าไม่รู้!” อ๋องเว่ยมองดูหยู่เหวินเห้าแล้วกล่าว
“พวกเราก็เพิ่งรู้” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างจนปัญญา
อ๋องเว่ยอ๋อเสียงหนึ่ง มองออกไป จวิ้นจู่จิ้งเหอกำลังเดินเข้าประตูใหญ่ตำหนักมิงกับคนของตระกูลชุยพอดี เขาเหลือบมอง หัวเราะช้าๆ “อืม!”