บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1311 ในที่สุดก็แต่งงานแล้ว
จวิ้นจู่จิ้งเหอตะลึงงันเล็กน้อย กล่าวพึมพำ “ข้า……ข้าไม่ได้ทรมานตัวเองนะเพคะ ทำไมท่านคิดเช่นนี้? นี่มีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจข้ากันเพคะ?”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าสูญเสียลูกไปถึงได้ทำเช่นนี้หรือ?” พระชายาซุนไม่ได้ยั้งปาก ภายใต้ความร้อนอกร้อนใจนี้ ก็ไม่ได้สนใจผลที่ตามมา จึงโพล่งออกมาทันที
“ท่านพี่สะใภ้รอง!” หยวนชิงหลิงหันกลับมาตำหนินางคำหนึ่ง
คำพูดของพระชายาซุนออกจากปาก จึงได้รู้สึกว่าพลั้งปากไป แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้ว “ก็แค่นี้ มีอะไรที่เอ่ยถึงไม่ได้? เรื่องก็ผ่านไปแล้ว ยังจะทรมานตัวเองไปตลอดชีวิตเพราะเรื่องนี้อีกหรือ? เจ้าบอกว่าจะแต่งงานกับเทพสงคราม พระชายารัชทายาทบอกให้ข้าเคารพการเลือกของเจ้า ได้ ข้าไม่ถาม ข้าเคารพ แต่เจ้าจัดการเลี้ยงดูเด็ก เรื่องนี้ก็ไร้เหตุผลแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เพียงใด? หากเจ้าใช้เด็กเหล่านี้มาชดเชยข้อบกพร่องของตัวเอง ก็เป็นการที่เจ้าทำร้ายเด็กเหล่านี้ และทำร้ายตัวเจ้าเอง”
“เอาล่ะ ท่านพี่สะใภ้รอง ไม่ต้องพูดแล้วเพคะ ท่านฟังจิ้งเหอพูด!” หยวนชิงหลิงดึงนางไว้ กดให้นางกลับไปนั่งบนเก้าอี้ แล้วยื่นชาให้นางอีกถ้วยหนึ่ง “ใจเย็นๆเพคะ!”
พระชายาซุนรับชามา แต่นางกลับเบือนหน้า เช็ดน้ำตา
ภายในห้องเงียบกริบ ไม่มีผู้ใดพูดอะไรออกมาชั่วขณะ
ทุกคนอยากปลอบใจจวิ้นจู่จิ้งเหอสักหน่อย แต่คำพูดนี้ของพระยาชาซุนก็ทำร้ายจิตใจของคนเช่นนี้ ทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากปลอบโยนอย่างไร
จวิ้นจู่จิ้งเหอถอนหายใจเบาๆ สีหน้าก็มีความไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมตอนนี้ข้าทำเรื่องอะไร ก็ล้วนต้องพัวพันกับเรื่องในอดีต? สุดท้ายแล้วเป็นข้าไม่เต็มใจเริ่มต้นใหม่หรือว่าท่านไม่ได้ให้โอกาสข้าเริ่มต้นใหม่กันแน่? ข้าเสียใจเป็นอย่างมากเพราะสูญเสียลูกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าเลี้ยงเด็กพวกนี้เพียงเพื่อชดเชยความเสียใจของข้า เด็กพวกนั้นข้าเคยไปดูมาแล้ว ล้วนน่าสงสารเป็นอย่างมาก หลังจากที่สำนักนางชีหมิงเยว่ถูกรื้อถอน เด็กที่โตหน่อยยังสามารถจัดให้อยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป่าอันได้ แต่ทารกเหล่านี้จำเป็นต้องมีคนดูแลโดยเฉพาะ ข้ามีความสามารถนี้ ข้ามีเงิน ข้าสามารถจ้างแม่นมได้ จ้างคนดูแลพวกเขาได้ ข้าเองก็สามารถช่วยได้ รับเลี้ยงพวกเขา ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในอดีตของข้าแม้แต่น้อย ข้าเพียงแค่สงสารพวกเขา พูดเช่นนี้ พวกท่านเชื่อหรือไม่? อย่าเอาไปพัวพันกับเรื่องในอดีตอีกเลย ได้หรือไม่? ล้วนผ่านไปแล้ว”
“ข้าเชื่อ!” ฮูหยินเหยารีบพูดทันที มองดูพระชายาซุน “เจ้าว่าปากของเจ้าทำไมถึงไม่รู้จักมีหูรูดนะ? พูดเพ้อเจ้อ วันนั้นจิ้งเหอมาหาข้า พวกเราได้วิเคราะห์เรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว ทำการวางแผนอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้ข้าก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ ก็สามารถช่วยได้ ไม่ถึงขั้นให้เด็กเหล่านี้ถูกทิ้งไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป่าอันอย่างเดียวดายน่าสงสาร แม้ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป่าอันจะเป็นมูลนิธิที่ราชสำนักจัดตั้งขึ้น แต่สภาพด้านในไม่ดี คนก็ไม่พอใช้ เด็กโตหน่อยสามารถกินดื่มได้เองได้เข้าห้องสุขาเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีคนดูแลโดยเฉพาะ ก็สามารถใช้ชีวิตได้ แต่ทารกเหล่านี้ไม่สามารถจัดการตัวเองได้โดยสิ้นเชิง คงไม่สามารถทิ้งไว้ในนั้นเช่นนี้ได้ พวกเรามีความสามารถนี้ มีเงินที่ได้รับแบ่งปันให้ตามตำแหน่ง ราชสำนักก็แจกรายได้ประจำเดือนและเสบียงอาหารให้ เลี้ยงดูชีวิตของพวกเขาได้ ทำไมจะไม่ทำล่ะ? จะต้องอาศัยในจวนเองทุกวัน ชมดอกไม้ทุกวัน ทำงานเย็บปักถักร้อยอ่านหนังสือเล็กน้อย จึงจะเรียกว่าใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรือ? สมองของเจ้านี่ แต่ละวันมัวคิดอะไรอยู่กันนะ? เรื่องที่ดีเพียงนี้ ก็ยังโดนเจ้ามองว่าเป็นวิธีการอะไรอย่างไรอีก สุดท้ายเป็นใครกันแน่ที่ลืมเรื่องเหล่านั้นไม่ได้? หลังจากนี้เจ้าอยู่ต่อหน้าข้า ก็อย่าเอ่ยถึงเรื่องในอดีตอะไรอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะฉีกปากเจ้า!”
ฮูหยินเหยาชักสีหน้าขึ้นมา น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังทำลายการคัดค้านพร้อมทั้งตำหนิพระชายาซุนรอบหนึ่ง พระชายาซุนก็ไม่กล้าโต้แย้ง เหลือบมองนัยน์ตาเย็นยะเยือกอันน่ากลัวของนาง จิตใจก็หวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ รู้ว่าตัวเองพูดเกินไปแล้ว จึงกล่าวขึ้นอย่างเก้ๆกังๆ “เช่นนั้น……เช่นนั้นเรื่องนี้ ก็กำหนดออกมาแล้วหรือ?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอเห็นท่าทางของนางที่ยอมรับอย่างหวาดกลัวในทันทีทันใด ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ กล่าว “กำหนดแล้ว อีกสองวันเด็กๆก็จะส่งมาถึง ถึงเวลานั้นหากพวกท่านว่าง ก็เข้ามาดูได้ พรุ่งนี้ แม่นมก็จะมาถึงแล้ว เรื่องเหล่านี้ เป็นฮูหยินเหยาช่วยเหลือจัดการทั้งหมด สองสามวันมานี้เพราะดูแลเรื่องบ้าน จึงไหว้วานนางไว้ทั้งหมดแล้ว”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง นางสนับสนุนมาก จิ้งเหอจิตใจดีมาก นางจะไม่ใจดำกับเด็กเหล่านี้ และเด็กเหล่านี้จำเป็นต้องมีคนดูแลจริงๆ
นางยืนขึ้นมากล่าวคนแรก “ถึงเวลาข้าจะเข้ามาช่วย เกี่ยวกับการเลี้ยงดูอบรมเด็กๆ ข้ามีประสบการณ์ และสามารถเข้ามาแนะนำได้เล็กน้อย”
“เจ้าพอเถอะ ประสบการณ์ในการเลี้ยงดูอบรมเด็กเจ้าไม่มี นายน้อยทั้งหลายนั่นที่บ้านเจ้า ล้วนรู้เรื่องเป็นอย่างมาก จะต้องเคยเป็นกังวลใจด้วยที่ไหนกันเล่า? ข้ามายังจะดีซะกว่า ข้ามีประสบการณ์!” ฮูหยินเหยาหัวเราะแล้วโค่นล้มหยวนชิงหลิง
“ข้ามีประสบการณ์ ข้ามา!” หยวนหย่งอี้กล่าว
หรงเยว่พูดเสริม “ข้ามาเรียนรู้ประสบการณ์ ท่านพี่สะใภ้รองล่ะ? มาหรือไม่มาเพคะ?”
พระชายาซุนพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “พูดเหมือนกับว่าผู้ใดไม่มีประสบการณ์เช่นนั้น วันนั้นข้าจะต้องมาเป็นแน่”
จวิ้นจู่จิ้งเหอเป็นห่วงความรู้สึกของพระชายาซุน เมื่อครู่โต้แย้งกันสองประโยค ไม่ได้ทำลายความรู้สึกที่สนิทสนมกัน นางเดินเข้าไปจับมือพระชายาซุน พูดอย่างจริงใจว่า “หลังจากนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ต้องขอคำชี้แนะจากท่านพี่สะใภ้รอง ท่านจะต้องมาจริงๆนะเพคะ”
“ข้าจะต้องมาแน่!” พระชายาซุนมองดูนาง ชะงักครู่หนึ่ง เสียงอ่อนแล้ว “ขอโทษ เมื่อครู่ไม่รู้ว่าข้าพูดเพ้อเจ้ออะไรไป เจ้าอย่าเก็บไปใส่ใจ”
จิ้งเหอยิ้มและกล่าวว่า “ข้าลืมแล้วว่าท่านพูดอะไรไปเพคะ”
ทุกคนมองหน้ากันแล้วหัวเราะทันที กลับเป็นว่าล้วนมีความสุขกันยกใหญ่
เหล่าพี่น้องสะใภ้ก็สนทนากันอีกครู่หนึ่ง ก็ได้ยินสาวใช้เข้ามารายงาน บอกว่าอ๋องเว่ยมาแล้ว ต้องการพบจวิ้นจู่จิ้งเหอ
พระชายาซุนยืนขึ้นอย่างฉับพลัน ชักสีหน้า “ไม่พบ ให้เขาไสหัวไป!”
ฮูหยินเหยามองค้อนนางแวบหนึ่งอย่างดุดัน “จะเอาปากอีกหรือไม่? พบไม่พบ เป็นเจ้าที่ตัดสินใจหรือ?”
พระชายาซุนโมโห “ตอนนี้เขาจะมาทำอะไร? เช่นนี้ไม่ใช่ว่ามาเพิ่มความวุ่นวายหรือ?”
จิ้งเหอยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรเพคะ มาก็มา ข้าก็มีคำพูดจะพูดกับเขา”
นางเงยหน้ามองสาวใช้แวบหนึ่ง “เชิญอ๋องเว่ยไปที่เรือนด้านข้าง ข้าจะตามไปเดี๋ยวนี้!”
“เพคะ!” สาวใช้รับคำสั่งแล้วออกไป
หยวนชิงหลิงมองดูจิ้งเหอ เอ่ยถาม “ท่านต้องการจะพบเขาจริงน่ะหรือ?”
จิ้งเหอยกถ้วยชาขึ้น จิบช้าๆอึกหนึ่ง กล่าวเบาๆ “ข้าจำเป็นต้องปล่อยงวางแล้ว ชีวิตก็ต้องใช้ต่อไป ตอนนี้ข้าดีมาก อย่าทำให้เขาเป็นห่วงเลย”
หลังจากที่นางวางถ้วยชาลง ยืนขึ้นมา เห็นทุกคนใช้สายตาที่เป็นกังวลมองดูนาง อดหัวเราะไม่ได้ “อย่าเป็นห่วงข้าสิ ชีวิตความเป็นอยู่ของข้ามองเห็นอนาคตอยู่บ้าง ข้าปล่อยวางหมดแล้ว นี่ทำซะจนคนอื่นเขาเป็นกังวลใจเพราะข้า ไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก? ดื่มชา ชานี่ดียิ่งนัก ลูกพี่ลูกน้องของข้าเอากลับมาจากแคว้นต้าซิง อย่าปล่อยให้สิ้นเปลืองเชียวล่ะ!”
นางพูดจบ สะบัดเศษชาบนกระโปรง แล้วแหงนหน้าเดินออกไป
อ๋องเว่ยภายใต้การนําทางของสาวใช้ ไปที่เรือนด้านข้างก่อนแล้ว เดิมทีทังหยางต้องการขวางเขาไว้ แต่ขวางไม่ได้ ทำได้เพียงตามมา
แต่เขาไม่ได้ไปเรือนด้านข้าง แค่รออยู่นอกเรือนหลักเท่านั้น สบตากับหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง อันที่จริงเขาก็ค่อนข้างกังวล เพราะสองวันนี้อ๋องเว่ยล้วนสะลึมสะลือ กู้ซือให้เขากินยา คนก็ไม่ค่อยมีชีวิตชีวานัก แต่พอตื่นมาก็บอกว่าจะมาหาจวิ้นจู่จิ้งเหอ ขวางก็ขวางไม่อยู่!