บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1314 ก้อนหินเล็กๆสี่ก้อน
คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการบอกว่าในท้องของหยวนชิงหลิงเป็นบุตรสาว เขาที่เป็นเสด็จปู่ทวดผู้นี้ก็ต้องช่วยฝังเหล้าหรุ่ยเอ๋อหง รอให้หลายฝูน้อยออกเรือนแล้วค่อยขุดขึ้นมาดื่ม
หยวนชิงหลิงแปลกใจมากอย่างฉับพลัน “พระองค์มั่นใจว่าจะฝังเหล้าหรุ่ยเอ๋อหงได้อย่างไรล่ะเพคะ?”
“ก็ข้ารู้” ไท่ซ่างหวงกล่าวด้วยความมั่นใจมาก
“รู้ได้อย่างไรเพคะ?”
“ห้าสิบปีก่อน ซินแสบอกว่า ปีนี้ข้าจะมีเหลนสาวเพิ่ม”
“เช่นนั้นก็อาจจะเป็นหรงเยว่เพคะ”
“เช่นนั้นก็เพิ่มสองคนแล้ว!” เขากล่าวอย่างสบายใจ
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมาแล้ว “หรงเยว่เป็นลูกแฝดเพคะ”
เขาเบิกตาโพลงทันทีด้วยความขุ่นเคืองร้อนรน “เช่นนั้นก็เพิ่มสามคน!”
“หรงเยว่ก็เป็นบุตรสาวด้วยหรือเพคะ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถามด้วยความซุกซน
ไท่ซ่างหวงไม่สนใจนางแล้ว เป็นคนไม่เชื่อคำพูดของซินแส ก็จะมีเคราะห์
หยวนชิงหลิงยืนขึ้นมา ไล่ทั้งสามคนเข้าไป ต้องการตรวจร่างกายให้พวกเขา
เซียวเหยากงแข็งแรงเหมือนดั่งปกติ หัวใจและปอดยังมีประสิทธิภาพดีกว่าคนหนุ่มสาวซะอีก มือขาคล่องแคล่ว กระดูกเอวแข็งแรง เขาภูมิใจกับเรื่องนี้มาก รู้สึกว่าตัวเองสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งร้อยปี
ไท่ซ่างหวงพูดอย่างปากร้ายว่า “โดยปกติคนที่แข็งแรงมักจะตายก่อน”
เซียวเหยากงกลอกตาขาวใส่เขาแวบหนึ่ง “ตายก่อนก็ยังเป็นบุญวาสนาของข้านะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าพวกท่านตายหมดแล้ว เหลือข้าคนเดียว วันเวลาเช่นนี้จะเหงามากเพียงใด!”
ไท่ซ่างหวงและโสวฝู่ฉู่ล้วนเงยหน้ามองเขาอย่างรวดเร็ว ในดวงตามีบางสิ่ง ค่อยๆปรากฏขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าใบหน้าดูหนักอึ้ง เพราะพวกเขาล้วนรู้ดี วันนี้ ไม่ได้ไกลมากนัก พวกเขาผู้เฒ่าทั้งสาม จะต้องมีคนหนึ่งตายล่วงหน้าไปก่อน จากนั้นทิ้งไปสองคนไว้ สุดท้ายก็ทิ้งไว้คนเดียว
ตั้งแต่วัยเยาว์อยู่เคียงข้างกันจนแก่ชรา นี่เป็นพรหมลิขิตและบุญวาสนาอันยิ่งใหญ่ แต่พรหมลิขิตและบุญวาสนาเหล่านี้ล้วนมีจุดจบ
หยวนชิงหลิงถือหูฟังทางการแพทย์ไว้ ก็พลันเศร้าโศกไปชั่วขณะ
โสวฝู่ฉู่มองไปทางแม่นมสี่ที่อยู่ข้างๆ ยิ้มแล้ว “ไม่เป็นไร ยังมีชาติหน้า มักจะต้องมีความหวังอยู่เสมอ”
แม่นมสี่ก็หัวเราะแล้ว “ใช่แล้ว ยังมีชาติหน้าอีกน่ะเพคะ”
ไท่ซ่างหวงไม่ได้พูดจา เพียงแค่หลับตาให้หยวนชิงหลิงฟังเสียงหัวใจเต้น หัวใจของเขาเต้นเร็วเล็กน้อย บางทีอาจเป็นเพราะผลกระทบทางอารมณ์ เขาไม่ได้พูด แต่ในใจก็กลัวการมาถึงของวันนั้น
สุขภาพของไท่ซ่างหวง ดีกว่าก่อนที่จะออกรบซะอีก ดูท่า คนเราไม่สามารถมีความสุขได้เพียงอย่างเดียว ต้องมีเรื่องให้เขาทำสักหน่อย เช่นนี้จึงสามารถยืดอายุให้ยืนยาวได้
โสวฝู่ฉู่ปอดไม่ดี อาการไอหนักขึ้นต่อเนื่องกันหลายวัน เมื่อถามอย่างละเอียด จึงได้รู้ว่าที่แท้ของบำรุงของไท่ซ่างหวงล้วนได้มอบให้เขาหมดแล้ว ฝู่ฉู่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในสนามรบ ไท่ซ่างหวงรู้ว่าสุขภาพของเขาอ่อนแอ จึงให้เขาดื่มไปสองส่วน พูดจากในมุมมองของแพทย์แผนจีน เช่นนี้เรียกว่าร่างกายอ่อนแอไม่สามารถรับการบำรุงได้ ไฟในปอดรุนแรง จึงไอแล้ว
หยวนชิงหลิงจ่ายยาน้ำแก้ไอบางส่วนให้ ให้แม่นมคอยควบคุมการกินยาของเขา ฝู่ฉู่รักสุขภาพมาก อย่างไรเสียเมื่อแก่ชราแล้วจึงสามารถมีเวลาว่างได้ ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตัวเองชอบและเพื่อนที่ร่วมสงครามมาทั้งชีวิตอย่างสงบสุขได้หน่อย ถึงจะสามารถพักผ่อนได้ เขาตัดใจตายไม่ลงน่ะ
ดังนั้น เขาถามหยวนชิงหลิงกระทั่งว่าสามารถให้น้ำเกลือได้หรือไม่ น้ำชนิดนั้นที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงยิ้มแล้วกล่าว “ไม่ถึงขั้นนั้น กินยาก็หาย กินดื่มของอ่อนจืดชืดหน่อย ไม่สามารถดื่มเครื่องบำรุงอะไรได้อีกแล้ว”
โสวฝู่ฉู่อดกล่าวโทษไท่ซ่างหวงไม่ได้ “ต่อจากนี้ของบำรุงของท่าน ท่านกินเองเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงพูดพึมพำ “ทำเพื่อเจ้าได้ดี เจ้ายังไม่รู้อีก”
เขาเรียกพวกเด็กๆและเจ้าแฝดเข้ามา จากนั้นเรียกให้นางข้าหลวงเอาของขวัญมาให้พวกเขา หยวนชิงหลิงประหลาดใจ “ยังมีของขวัญด้วยหรือเพคะ?”
“เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าที่มีของขวัญหรือ?” ไท่ซ่างหวงมองเหยียดนางแวบหนึ่ง
หยวนชิงหลิงก็คิดว่าจะให้พวกเขาเป็นเงินทองอัญมณีซะอีก จึงกล่าว “เด็กๆยังเล็กน่ะเพคะ ตอนนี้ก็ใช้จ่ายเงินไม่ได้”
ไท่ซ่างหวงไม่ได้พูดจา รอจนนางข้าหลวงเอามาแล้ว จัดวางไว้บนโต๊ะ กลับพบว่าของขวัญนี้ก็ชั่ง…….ไม่เหมือนของขวัญเอาซะเลย
ก้อนหินเล็กๆสี่ก้อน
อีกทั้งก้อนหินเหล่านี้ล้วนสามารถพบเห็นได้ทั่วไป กระทั่งยังเปรียบไม่ได้กับก้อนหินที่มีรูปร่างเหมือนไข่ห่านที่ลาดอยู่บนทางเดินในอุทยานอวี้ฮัว ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนและฝุ่นผง
เพียงแค่สีสันแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้
เด็กห้าคน หินก้อนเล็กๆสี่ก้อน จะแบ่งได้อย่างไรล่ะ?
หยวนชิงหลิงอยากรู้อยู่พอดี แต่กลับเห็นไท่ซ่างหวงเรียกซาลาเปาเข้าไป ให้เขาแบ่งหินทั้งสี่ก้อนนี้ให้น้องชาย ส่วนน้องชายคนไหนแบ่งหินก้อนไหน เขาตัดสินใจเอง
ซาลาเปาไม่ได้ชอบหินก้อนเล็กๆเหล่านี้มากนัก หยิบขึ้นมาเล่นในมือครู่หนึ่ง แล้วจึงแบ่งให้ตามลำดับ
สามผู้ยิ่งใหญ่ดูด้วยความจริงจังเล็กน้อย อีกทั้งลักษณะท่าทางก็เคร่งขรึมเป็นที่สุด รอจนซาลาเปาแบ่งเสร็จแล้ว ไท่ซ่างหวงมองไปทางฝู่ฉู่ “จดไว้แล้วหรือไม่?”
ฝู่ฉู่พยักหน้า “จดไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“เช่นนั้นก็เหมาะสม!” ไท่ซ่างหวงดูเหมือนจะโล่งใจ จากนั้นกล่าวว่า “เช่นนั้นก้อนที่เหลือนั่น ก็ให้ที่อยู่ในท้อง”
หยวนชิงหลิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แค่ก้อนหินไม่กี่ก้อนนี้ ล้ำค่าราวกับอะไรเช่นนั้น ไม่รู้ก็ยังนึกว่าเป็นหยกเสียอีกน่ะ
แม้ว่าซาลาเปาจะไม่ค่อยอยากได้ก้อนหินเล็กๆเหล่านี้นัก แต่ว่า น้องชายทั้งสี่คนก็มีหมด ทั้งยังบอกว่ามีอีกก้อนหนึ่งต้องการเก็บไว้ให้น้องสาวในท้อง มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่มี ในใจก็รู้สึกไม่พอใจมาก รบเร้าเอ่ยถามต่อไท่ซ่างหวง “เสด็จทวดพ่ะย่ะค่ะ เป็นของล้ำค่าอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ? ทำไมไม่ให้หม่อมฉันล่ะ?”
ไท่ซ่างหวงยิ้มตาหยีมองซาลาเปา “เพราะว่า หินก้อนเล็กเหล่านี้ เจ้าจะมีในครอบครองมากมายมากมายนัก และในมือของพวกเขาก็เป็นของเจ้าที่มอบให้ วันหนึ่ง พวกเขาจะอาศัยหินก้อนเล็กๆเหล่านี้ก็สามารถกินข้าวได้ เช่นนั้นพวกเจ้าพี่น้องก็จะไม่แย่งชิงกันเพราะข้าวจานเดียวแล้ว”
ตอนนี้ซาลาเปายังฟังไม่เข้าใจจริงๆ กล่าวด้วยความสงสัยว่า “หินก้อนเล็กๆเหล่านี้สามารถทำอาหารกินได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“สามารถทำให้น้องชายกินอิ่มได้”
“แต่หากว่าข้ามีข้าวถ้วยเดียว ข้าก็จะไม่กินเองนะ ข้าจะแบ่งให้พวกเขากินอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงตะลึงงัน “อ๋อ? แต่เช่นนี้เจ้าก็จะไม่มีของกินแล้วนะ? เจ้าจะหิวท้อง”
ซาลาเปานวดฝ่ามือของไท่ซ่างหวง หัวเราะจนคิ้วและตาโค้ง “เสด็จทวดเลอะเลือนแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ แบ่งข้าวถ้วยหนึ่งเป็นหกส่วน พวกเราก็สามารถกินได้หมด ต่อให้เป็นคำเดียว ก็ต้องแบ่งกันสักหนึ่งคำนะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงมองดูเขา นัยน์ตาตะลึงเล็กน้อย “ถูกแล้ว ยังเป็นซาลาเปาที่เฉลียวฉลาด คิดไม่ถึงว่าเสด็จทวดจะจำไม่ได้ว่าข้าวถ้วยหนึ่งสามารถแบ่งเป็นหกส่วนได้ ยอม แต่กลับไม่ทำให้ตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรม ดี ดี ชั่งดีนัก!”
ไท่ซ่างหวงพูดคำว่าดีติดต่อกันสองสามคำ เห็นได้ว่าในใจตื่นเต้นจริงๆ และเขายังหันกลับไปมองโสวฝู่ฉู่และเซียวเหยากงแวบหนึ่งอีกด้วย นัยน์ตาค่อนข้างมีความภูมิใจ ราวกับกำลังบอกว่า คนที่ข้าเลือก ไม่ผิดล่ะสิ?
หยวนชิงหลิงเก็บของ ฟังพวกเขาสนทนากัน หากจะบอกว่าไท่ซ่างหวงล้วนพูดถึงขั้นนี้แล้ว นางยังฟังไม่เข้าใจอีก เช่นนั้นก็เพ้อเจ้อแล้ว
หลังจากเก็บของทั้งหมดเข้าในกล่อง นางให้ซาลาเปาพาน้องชายออกไป จากนั้นก็นั่งลงมองดูไท่ซ่างหวง “เสด็จปู่เพคะ พระองค์ทำเช่นนี้เพื่อเหตุใดกันเพคะ? หินก้อนเล็กๆ คืออะไรอีกหรือเพคะ?”
แม้จะบอกว่าในใจรู้ดี แต่กลับไม่รู้รายละเอียด ก็ต้องถาม
ไท่ซ่างหวงมองดูนาง นัยน์ตาฉายประกายความเฉลียวฉลาด “มีบางเรื่อง ยิ่งตัดสินใจเร็วยิ่งดี ในมือข้ามีหินก้อนเล็กๆทั้งหมดห้าก้อน เป็นหัวเมืองห้าหัวเมืองที่ได้มาจากเป่ยโม่ในครั้งนี้ ถูกจัดแบ่งให้น้องชายและลูกในท้องของเจ้าโดยซาลาเปา นี่เป็นการตัดสินใจของเขา แน่นอน ว่าเจ้าสามารถพูดได้ว่าตอนนี้เขาไม่รู้เรื่อง แต่เขาพูดแล้ว เขามีข้าวถ้วยหนึ่ง จะแบ่งให้น้องชายกิน การกระทำของเด็กอายุสามขวบจะบอกว่าเขาโตมาเป็นคนอย่างไร นิสัยจะไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่ต้องอบรมสั่งสอนอย่างถูกต้องเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างตะลึงงัน “แต่หัวเมืองเหล่านี้ ตอนนี้ก็แต่งตั้งพระราชทานออกไปแล้วหรือเพคะ? เสด็จพ่อรู้หรือไม่เพคะ? บางทีเขาอาจจะจัดการเรื่องนี้นะเพคะ?”
“เป็นหัวเมืองที่ข้าและคนอื่นต่อสู้มาได้ หากเขาต้องการแตะต้อง ก็ต้องหารือกับข้า แต่เขาไม่เคยมาหา เห็นได้ว่าชั่วขณะนี้ยังไม่มีความคิด อีกสองวันข้าจะไปหาเขาพูดคุยดู ดูสถานการณ์ที่ทางนั้นถ่ายทอดกลับมาแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อเห็นท่าทางที่กังวลใจของหยวนชิงหลิง ก็อดโมโหไม่ได้ “เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ?