บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1320 ฝู่ฉู่อาการสาหัส
พระตำหนักฉินคุน โกลาหลเป็นประวัติการณ์
หมอหลวงของโรงหมอหลวงถูกเรียกตัวมาทั้งหมด จัดให้ไท่ซ่างหวงและโสวฝู่ฉู่อยู่ในตำหนักเดียวกัน นี่คือสิ่งที่เซียวเหยากงยืนกราน เขาตะคอกด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าจำเป็นต้องเฝ้าพวกเขาทั้งสอง สักคนก็ล้วนไม่สามารถออกจากสายตาของข้าได้!”
หลายปีมานี้เซียวเหยากงมีนิสัยสงบนิ่งเป็นที่สุด ตะคอกอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ก็ยังเป็นครั้งแรก ทำให้ทุกคนในตำหนักตื่นตระหนกจะร้อนรนขึ้นมาทันที
หลังจากแม่นมสี่รู้เรื่อง ก็วิ่งพุ่งตรงมาตลอดทาง นางอยู่ในครัวเตรียมซุปตุ๋นของวันนี้ ได้ยินว่าฝู่ฉู่และไท่ซ่างหวงเกิดเรื่อง นางทั้งคนก็ลนลานแล้ว วิ่งล้มลุกคลุกคลานออกมาถึงตำหนัก เห็นไท่ซ่างหวงกับฝู่ฉู่นอนอยู่บนเตียง ขาทั้งสองข้างของนางสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ สั่นระรัวไปทั้งร่างกาย คุกเข่าตุบลงบนพื้น ไม่มีปัญญาจะยืนขึ้นมาได้แล้ว
หมอหลวงเข้าไปตรวจวินิจฉัย ภายใต้ความโกรธจัดของไท่ซ่างหวง เลือดลมพลุ่งพล่านจึงทำให้กระอักเลือด เดิมทีพื้นฐานของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก ทำสงครามรอบหนึ่ง เหน็ดเหนื่อยตรากตรำ ร่างกายทั้งหมดล้วนอาศัยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและความสุขรักษาให้คงอยู่ บัดนี้พลังนี้ถูกทำลายไป ภายใต้ความโกรธและความสิ้นหวัง ทั่วทั้งร่างกายราวกับเม็ดทรายเช่นนั้น พังทลายด้วยความรวดเร็ว
หมอหลวงปาดเหงื่อบนหน้าผาก เกรงว่าจะเป็นโรคลมเท่านั้น ดีที่ไม่ใช่
สถานการณ์ของโสวฝู่ฉู่ ก็ไม่ได้เป็นที่พึงพอใจนัก
เขาเพราะหน้าผากส่วนหน้ากระแทกบนมุมโต๊ะ หน้าผากปรากฏเป็นโพรงขึ้น หลังจากเลือดหยุดไหลแล้ว คนกลับยังไม่ฟื้น ลมหายใจก็ค่อนข้างอ่อน อีกทั้งผ่านไประยะหนึ่ง ใบหูและรูจมูกก็มีเลือดไหลออกมา หมอหลวงรีบห้ามเลือด แต่หลังจากห้ามเลือดแล้ว สถานการณ์กลับยิ่งแย่ลงแล้ว
ย่วนพ่านและหมอหลวงสองสามคนทำได้เพียงขอคำสั่งจากฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทั้งคนก็ราวกับสูญเสียวิญญาณไปแล้วเช่นนั้น แววตาว่างเปล่า ได้ยินหมอหลวงมาขอคำสั่ง เขาออกแรงจับที่วางแขนเก้าอี้อย่างแรง เสียงสั่นไม่หยุด “เชิญ…..พระชายารัชทายาท เร็วเข้า!”
ม้าเร็วตัวหนึ่งพุ่งออกจากพระราชวังไปด้วยความรวดเร็ว เป็นมู่หรูกงกงออกไปเชิญด้วยตัวเอง ถึงจวนอ๋องฉู่ ก็ไม่ได้พูดอธิบายอย่างอื่น เพียงแค่ให้พระชายารัชทายาทเก็บกล่องยาเข้าวังทันที รอช้าไม่ได้
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นมู่หรูกงกงร้อนรนเช่นนี้มาก่อน ไม่กล้ารีรอชักช้า ออกเข้าวังไปกับเจ้าห้า
รอจนเข้าวัง มู่หรูกงกงจึงบอกต่อหยวนชิงหลิงและหยู่เหวินเห้า เพราะว่าไท่ซ่างหวงและโสวฝู่ฉู่เกิดเรื่องขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ก็อันตรายเป็นที่สุด
เมื่อหยวนชิงหลิงได้ยินว่าไท่ซ่างหวงและโสวฝู่ฉู่เกิดเรื่องขึ้น ก็ตกใจจนเหมือนโดนสูบเรี่ยวแรงทั้งตัวไป แทบจะยืนไม่มั่นคง นี่จึงได้รู้ว่าเหตุใดมู่หรูกงกงถึงไม่ยอมพูดตลอดทาง จำเป็นต้องเข้าวังก่อนจึงพูด
เจ้าห้ากอดนางไว้ นัยน์ตาร้อนใจเช่นกัน “ข้าส่งเจ้าไปที่พระตำหนักฉินคุน”
เขาอุ้มหยวนชิงหลิงขึ้นมา ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตรงไปยังพระตำหนักฉินคุน มู่หรูกงกงก็ไล่ตามหลังมา เดิมทีพระราชวังนี้ไม่อนุญาตให้ใช้วิชาตัวเบาโดยง่ายดาย ตอนนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว
ไท่ซ่างหวงฟื้นมาแล้ว เพียงแต่หลังจากกระอักเลือด ปอดก็เจ็บปวดหนักมาก ไม่มีปัญญาจะพูดจาได้ ทั้งยังรู้ว่าอาการของโสวฝู่ฉู่อันตราย ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาที่สลายไป จิตใจก็สลายไปด้วย ฮ่องเต้หมิงหยวนอยากเดินไปด้านหน้าเพื่อขอรับโทษ แม้แต่จะมองเขาก็ไม่มอง เอาแต่โกรธเคืองเช่นนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
จนได้เห็นหยวนชิงหลิงและหยู่เหวินเห้าเข้ามา เห็นใบหน้าที่ร้อนใจทำอะไรไม่ถูกทั้งสองนั่น โดยเฉพาะเห็นหยวนชิงหลิงร้องไห้แล้ว ใบหน้าที่เย็นชาแข็งกร้าวของเขานั้นจึงได้มีอารมณ์ความรู้สึกขึ้นมาเล็กน้อย เพียงแค่คิดถึงการสนทนานั้น แล้วเห็นความเป็นห่วงเป็นใยอย่างมากจากนัยน์ตาของพวกเขาอีก มักจะรู้สึกว่าเด็กทั้งสองน่าสงสารอยู่เสมอ เหนื่อยยากตรากตรำ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าได้รับอะไร?
จิตใจขุ่นเคืองทันที คางสั่นขึ้นมาแล้ว
หยวนชิงหลิงกึ่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง นางตัวหนักแล้ว นั่งยองไม่ได้ ทำได้เพียงกึ่งคุกเข่าเช่นนี้ เช็ดน้ำตาทีหนึ่ง เอ่ยถามด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา “ไม่สบายตรงไหนเพคะ?”
ไท่ซ่างหวงชี้ไปทางโสวฝู่ฉู่ ยังคงไม่มีปัญญาจะพูดออกมา ใช้เพียงสายตาบอกนาง ตรวจให้โสวฝู่ฉู่ก่อน
หยวนชิงหลิงหันกลับไป เห็นแม่นมสี่เฝ้าอยู่ข้างเตียง บนพื้นมีผ้าที่เป็นเลือดกองหนึ่งแล้ว ก็อยู่ข้างเท้าของแม่นมสี่ นางทั้งคนกระวนกระวายจนสั่น เงยหน้าขึ้นใช้สายตาที่สิ้นหวังมองดูนาง
หัวใจของหยวนชิงหลิงชะงักไปทันที ภายใต้การประคองเข้ามาอย่างรีบร้อนของเจ้าห้า เห็นบนหน้าผากของโสวฝู่ฉู่เป็นโพรง นางกลับถอนใจเฮือกหนึ่ง ไถ่ถามสถานการณ์ บอกว่าหลังจากที่กระแทกได้รับบาดเจ็บหูและจมูกก็มีเลือดออก หยวนชิงหลิงตกใจจนมองไปทางใบหูของเขา ภายในยังมีก้อนสำลีอุดอยู่ รีบยื่นมือไปดึงออกมา
“พระชายารัชทายาท นี่ไม่ง่ายเลยที่จะอุดและห้ามเลือดได้พ่ะย่ะค่ะ” หมอหลวงรีบกล่าว
หยวนชิงหลิงหันกลับมาอย่างฉับพลัน สีหน้าดุดัน “ใบหูเลือดออก ใครใช้ให้เจ้าห้ามเลือด? เช่นนี้จะทำให้แรงกดดันในช่องกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น เช่นนี้เป็นการต้องการ……”
นางหยุดพูด กลัวว่าพูดออกมาแล้วจะทำให้แม่นมตกใจ
แต่แม่นมสี่ก็ตกใจจนตัวอ่อนไปแล้ว หากว่าไม่ใช่เพราะลมหายใจเดียวค้ำจุนไว้ ตอนนี้นางคงเป็นลมไปแล้ว
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาแล้วให้ออกซิเจนก่อน จากนั้นใช้หูฟังทางการแพทย์ฟังการเต้นของหัวใจ การเต้นของหัวใจอ่อนแรงเป็นที่สุด แล้วค้นหาเครื่องวัดความดันโลหิตออกมาจากกล่องยาอีก รัดที่ข้อมือของโสวฝู่ฉู่ หลังจากตรวจวัดแล้ว นางก็อึ้งไปแล้ว ความดันโลหิตค่อนข้างต่ำอย่างสาหัส ดัชนีภาวะช็อกสูงมาก
นางรีบให้น้ำเกลือก่อนทันที แล้วทำการตรวจอย่างอื่น
เรื่องเหล่านี้คนอื่นช่วยนางไม่ได้ ทำได้เพียงถอยออกไปหน่อยขอเพียงอย่ามาขวางก็ดีแล้ว
เจ้าห้าเห็นว่าเสด็จพ่อก็นั่งอยู่ข้างๆ เพียงแค่สีหน้าท่าทางล้วนตกใจจนเหม่อลอยแล้ว อดไม่ได้ที่จะเข้าไปกล่าวปลอบโยน “เสด็จพ่อ พระองค์อย่าได้กังวล มียายหยวนอยู่ เสด็จปู่และฝู่ฉู่ก็จะไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่ได้เอ่ยวาจา เพียงแค่พยักหน้าอย่างแข็งทื่อ จากนั้นมองดูเจ้าห้าแวบหนึ่ง เห็นความเป็นห่วงอย่างหาที่สุดไม่ได้ทะลุออกมาจากดวงตา เขาก็ถอนใจอย่างหนักเฮือกหนึ่งแล้ว เบือนหน้าไป ในลำคอสั่นเล็กน้อย
หยู่เหวินเห้าเหลือบมองแวบหนึ่ง นั่งอยู่ข้างกายของไท่ซ่างหวงเงียบๆ กุมมือของเขา แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่า ไท่ซ่างหวงกระอักเลือด โสวฝู่ฉู่กระแทกได้รับบาดเจ็บ เกรงเพียงแต่ว่าจะเคยเกิดการขัดแย้งอะไรเช่นนั้นขึ้นในพระตำหนักนี้ จะเป็นผู้ใดขัดแย้ง? แม้ว่าเสด็จพ่อจะนั่งอยู่ในระยะที่ใกล้กับไท่ซ่างหวง แต่กลับไม่มีแม้แต่การประสานสายตากันสักน้อย
เป็นเสด็จพ่อขัดแย้งกับไท่ซ่างหวงหรือ? เช่นนั้นโสวฝู่ฉู่เกิดการกระแทกได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? เขามองไปทางเซียวเหยากงอีก เซียวเหยากงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้โบราณในตำหนัก ระหว่างกลางเตียงทั้งสอง ใบหน้าเคร่งขรึมดั่งท้องฟ้าที่พายุฝนเดือนหกมาถึง
ไม่กล้าคิดลึก ไม่อาจอดกลั้นการคิดลึกได้ ในพระตำหนักเงียบสงัดเหมือนตายแล้วเช่นนั้น มีเพียงการหายใจของไท่ซ่างหวง เหมือนเสียงหม้อที่โดนกดไว้มีแรงดันออกมาภายนอก หยาบแต่หนัก
หลังจากที่หยวนชิงหลิงให้ยาแล้ว จึงจัดการบาดแผล เพิ่งจะฆ่าเชื้อเสร็จ ฝู่ฉู่กับสั่นอย่างฉับพลันไปทั้งตัว ทรวงอกเปล่งเสียงคำรามออกมา จากนั้นทันที อาเจียนออกปากและจมูก แทบจะพ่นออกมา
พฤติกรรมนี้ ทำให้ทุกคนหวาดกลัวมาก หลังจากที่แม่นมสี่ตะลึงงัน ก็รีบจัดการเก็บกวาด เช็ดถู นางร้อนใจจนทำเรื่องเหล่านี้ด้วยสัญชาตญาณทั้งหมด น้ำตาไหลตลอด เช็ดแห้งแล้วก็ไหลอีก ไม่เคยร้อนใจกระวนกระวายเช่นนี้มาก่อน
จิตใจของหยวนชิงหลิงเต้นตึกตักเสียงเสียงหนึ่ง ก้มหน้าหายาจากกล่องยา ตอนนี้ ลดแรงกดดันในกะโหลกศีรษะจึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่เช่นนั้น เขาจะเกิดเรื่องได้
นางใช้การรักษาสภาวะขาดน้ำ ให้ยาขับปัสสาวะที่มีการดูดซึมสูง พยายามให้เลือดข้นโดยเร็วที่สุด เพื่อเพิ่มความเร็วในการลดแรงดันในกะโหลกศีรษะ นางใช้การให้ยาทางเส้นโลหิตดำ
“พระชายารัชทายาท เขาเป็นยังไงบ้างพ่ะย่ะค่ะ?” ไม่รู้ว่าเซียวเหยากงมายืนอยู่ข้างหลังของหยวนชิงหลิงเมื่อไหร่ เปล่งเสียงถามขึ้นประโยคหนึ่ง
หยวนชิงหลิงต้องหันกลับไปมองจึงจะแยกแยะได้ว่าคนที่ถามนั้นเป็นใคร เพราะโทนเสียงที่เปลี่ยนไปนี้ นางก็ฟังไม่ออกว่าเป็นเซียวเหยากง
รอจนหันกลับไปเห็นเขา เห็นใบหน้าที่ขาวซีดดั่งกระดาษเซวียน นางจึงถอนหายใจอย่างหนักเฮือกหนึ่ง สายตาของทุกคนในตำหนักล้วนจับจ้องไปที่ใบหน้าของนาง ประโยคนี้ นางพูดไม่ออก
ในที่สุด ก็ทำได้เพียงพูดได้เบาๆว่า “สังเกตต่อไป!”