บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1322 ข้าผิดตรงไหน
หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนออกจากตำหนักฉินคุนแล้ว ก็ไม่ได้กลับตำหนักพัก แต่ไปอารามหลวง
คุกเข่าต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้องค์ก่อนๆ จิตใจหนักอึ้งประหนึ่งเหล็กเย็น ความเดือดดาลของไท่ซ่างหวง อาการเจ็บหนักของโสวฝู่ฉู่ปรากฏอยู่ในดวงตา ไท่ซ่างหวงกล่าวปลดรัชทายาทด้วยความพิโรธหนัก ทำให้เขาตะลึงถึงที่สุด นี่เขาพูดอะไรผิดไป? เหตุใดจึงทำให้ไท่ซ่างหวงโมโหโกรธาเช่นนี้
คุกเข่าเงียบครึ่งชั่วยาม มู่หรูกงกงเข้าไปหา “ฝ่าบาท ถนอมพระวรกายด้วยพ่ะย่ะค่ะ ทรงคุกเข่าไม่ได้อีกแล้ว ครึ่งชั่วยามแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่ข้าทำอะไรผิดไป?” ดวงตาฮ่องเต้หมิงหยวนเหม่อลอยเล็กน้อย ความเจ็บปวดถูกกดลงทีละนิด ความฉงนใจมากขึ้นทุกที “ตั้งแต่ข้าครองบัลลังก์มา ปฏิบัติตามคำสอนของบรรพชน ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย แก้ไขภัยน้ำ ปราบจลาจลแดนเหนือ สร้างสาธารณูปโภคน้ำให้รุ่งเรือง พัฒนาการเกษตรและการค้า หลายปีที่ผ่านแทบไม่เคยขาดประชุมเช้า ปีนั้นแม่น้ำหวยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ข้าอยู่คุมการไหลของน้ำที่แม่น้ำหวยด้วยตัวเอง ไม่ได้หลับสามวันสามคืน ต่อสู้กับภัยน้ำร่วมกับขุนนางแลทหาร ไข้ขึ้นสูงหลายวัน กลับวังหลวงทั้งคืน ไม่เคยได้พักสักนาที ทั้งยังหารือเรื่องการช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัย ข้าไม่กล้าเทียบเคียงไท่ซ่างหวง แต่ข้าก็ไม่กล้าลืมคำสั่งสอนของบรรพชน ไม่ลุ่มหลงนารี เลือกหญิงสามปีครั้ง ละได้ข้าก็ละ ป้องกันไม่ให้การแก่งแย่งชิงดีวังหลังส่งผลถึงราชสำนัก เรื่องรัชทายาท ข้าดูหยู่เหวินจุนผิดไป แต่นี่ก็ไม่ใช่ความผิดที่ไม่อาจแก้ไข สุดท้ายก็เลือกผู้ที่เหมาะสม”
“ข้าใช้คนมีความสามารถ ทำการค้าให้รุ่งเรืองใช้ผู้มีความสามารถภายหลัง เชื่อมสัมพันธ์กับพ่อค้าทุกแดน แล้วยังร่วมเป็นพันธมิตรการค้ากับต้าโจว ร่วมกันพัฒนา ตอนนี้เห็นผลแล้ว เรื่องพวกนี้ตรวจสอบก็รู้ได้ ข้าเป็นเจ้าครองแคว้นในยามบ้านเมืองสงบรุ่งเรือง ที่วางแผนทั้งหมดก็เพื่อความรุ่งเรืองของเป่ยถังทั้งสิ้น ข้าผิดแล้วหรือ? สำหรับหัวเมืองพวกนั้น บางทีข้าอาจขาดการตรึกตรอง แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะหารือกันไม่ได้ไม่ใช่หรือ? เอ่ยปลดรัชทายาท จะให้ข้าวางตัวอย่างไร? นี่ข้าผิดอะไรกันแน่? ทรงผิดหวังในตัวข้าเช่นนี้เชียวหรือ? หรือเพราะข้าโปรดฮู่เฟยมากเกินไป? มีราชามากมายในประวัติศาสตร์ที่หลงระเริง แต่ข้าไม่เคย และไม่อยากด้วย มีเพียงฮู่เฟยที่เข้ามาอยู่ในใจข้า แต่ฮู่เฟยก็มิใช่คนยั่วยวนกษัตริย์ นางมีเหตุผล ไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด เป็นข้าที่อยากให้เจ้าสิบเอง เพราะสิ่งที่ข้าให้พวกเขาแม่ลูกมีไม่มาก ข้าอยากเอาใจผู้หญิงที่ข้ารัก ข้าผิดตรงไหนหรือ? และถึงผิด เหตุใดจึงไม่สั่งสอนข้าเหมือนที่แล้วมา ไยต้องตรัสคำพูดทำร้ายจิตใจเช่นนี้ด้วย?”
ว่าแล้วฮ่องเต้หมิงหยวนก็รู้สึกปวดใจนัก ท้อแท้สิ้นหวัง เหม่อลอยซึมกะทือ
มู่หรูกงกงฟังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกปวดใจเช่นกัน สะอื้นปลอบ “ไท่ซ่างหวงทรงกริ้วชั่วครู่เท่านั้น ฝ่าบาทอย่าถือสาพระองค์เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เขายิ้มเจื่อน “ตั้งแต่ข้าว่าราชการเอง เรื่องใหญ่ในราชสำนักก็ไม่เคยตัดสินใจเอง ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อยก็ขอความเห็นของพระองค์หมด เกรงว่าจะขัดประสงค์ ทรงตรัสว่าเดิมทีข้าก็ไม่สมัครใจให้เจ้าห้าเป็นรัชทายาท ข้ามองการณ์ไม่ไกลเหมือนพระองค์จริง ตอนนั้นไม่เคยเห็นสติปัญญาและความสุขุมของเจ้าห้า ตอนที่แต่งตั้งให้เขาเป็นรัชทายาท ในใจก็ยังไม่มั่นใจบางส่วน แต่ตอนนี้ข้าพอใจเจ้าห้ามาก ช่วงหลายปีที่เขาเป็นรัชทายาท พี่น้องปรองดอง ราชวงศ์สมานฉันท์ สงบทั้งภายในภายนอก ด้วยอาวุธที่ศึกษาผลิตกับเหลิ่งซี่ถึงทำให้ศึกระหว่างเป่ยถังกับเป่ยโม่ครั้งนี้ได้รับชัยชนะ จุดนี้ข้ายังต้องชมเชยเขา แม้บอกว่าเขาขัดประสงค์ของข้า แต่ความกล้าและความเฉียบขาดของเขาอยู่เหนือข้ามาก ผลงานของเขาข้าล้วนจดจำไว้ในใจทุกเรื่อง เมื่อก่อนข้าเข้มงวดโหดร้ายกับเจ้าห้าเกินไปจริงๆ ข้ารู้สึกผิดผิดนัก และเพราะเหตุนี้ถึงตัดสินใจแบ่งเขตแดนให้เจ้าสิบไปอยู่ที่ไกลๆ ของเป่ยถังไม่แย่งชิงกับเขา กลัวจะเกิดความขัดแย้งระหว่างพี่น้องอีก หากลำเอียงกับเจ้าสิบจริง ข้าก็แบ่งเขตแดนเอาเมืองที่อุดมสมบูรณ์ให้เขาก็ได้ ไยต้องมีปากเสียงกับไท่ซ่างหวงเพราะห้าหัวเมืองนี้?”
“ฝ่าบาท อย่าทรงคิดอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ ระหว่างบิดากับบุตร ไม่ควรมีรอยร้าวนะพ่ะย่ะค่ะ!” มู่หรูกงกงฟังจนทรมานใจนัก
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองภาพฉายาลักษณ์ของฮ่องเต้ฮุยจง เอ่ย “ข้าไม่เกิดรอยร้าวกับไท่ซ่างหวงหรอก ชาตินี้ข้าไม่กล้าขัดรับสั่งของพระองค์ ห้าหัวเมืองนี้ ทรงไม่ประทาน ข้าก็ไม่ให้ และข้าก็จะไม่ปลดรัชทายาทด้วย ความพิโรธหนักของไท่ซ่างหวงในวันนี้ ไม่เพียงเพราะเรื่องห้าหัวเมือง แต่ยังเพราะทรงผิดหวังในตัวข้า ระหว่างที่ข้าครองตำแหน่ง ผลงานที่ทำในสมัยนั้น ในสายตาของไท่ซ่างหวงกลับยังห่างไกล ตอนที่แต่งตั้งข้า ทรงหวังในตัวข้ามากเกินไป แต่ข้า…ข้าจำต้องยอมรับ ว่าข้าธรรมดา ทำให้พระองค์ผิดหวัง!”
เขาลุกขึ้นยืน เอามือไพล่หลังแล้วค่อยๆ หมุนตัวออกไป แว่วเสียงมาแบบโดดเดี่ยว “ข้ามิใช่ราชาในช่วงกลียุค ข้าขึ้นบัลลังก์ในช่วงรุ่งเรือง ข้างตัวข้ามีผู้มากสามารถมากมาย แต่ข้าก็ยังถูกตำหนิอยู่เนืองๆ ทั้งยังมีหลายเรื่องที่อยากทำก็ไม่สามารถ ถ่ายทอดคำสั่งออกไป วันนี้ขุนนางไม่ต้องไปรอเจี้ยวฉี่ที่หน้าห้องทรงอักษรอีก แยกย้ายกลับไปทำงานเถอะ ”
มู่หรูกงกงคุกเข่าข้างหนึ่ง รับด้วยเสียงจุกอก “พ่ะย่ะค่ะ!”
สุดท้ายหยู่เหวินเห้าก็ยังไปเข้าเฝ้า
หลังจากฮ่องเต้หมิงหยวนออกจากอารามหลวงแล้วก็ไปที่ห้องพระทรงอักษร ด้านนอกหลังจากมู่หรูกงกงถ่ายทอดรับสั่งแล้วก็ไม่มีขุนนางรออยู่ที่นั่นอีก
ขณะที่หยู่เหวินเห้ามาถึง คนในวังที่ปรนนิบัติก็ถูกขับไล่ออกมาหมด เหลือเพียงมู่หรูกงกงที่เฝ้าอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้ามา เขาก็เอ่ยเสียงเบา “พระองค์ ฝ่าบาทพระราชหฤทัยไม่สู้ดี อย่าเสด็จเข้าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม “เสด็จพ่อไม่เป็นไรกระมัง?”
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…จะเข้าพระทัยเองพ่ะย่ะค่ะ!” มู่หรูกงกงเอ่ย
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจทีหนึ่ง “เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?”
“ให้รัชทายาทเข้ามาเถอะ!” เสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนดังมาจากข้างใน อ่อนแรงไร้กำลังอย่างที่พูดไม่ออก
หยู่เหวินเห้าปรับสีหน้า ค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร ร่างกายอยู่ข้างในเก้าอี้ ขณะที่หยู่เหวินเห้าเข้ามา สองมือเขายันกับโต๊ะด้านหน้า ค่อยๆ ยืดตัวตรง มองหยู่เหวินเห้าพลางเอ่ยถาม “ไท่ซ่างหวงกับโสวฝู่เป็นอย่างไรบ้าง?”
หยู่เหวินเห้าคุกเข่าลงถวายพระพร “ทูลเสด็จพ่อ ไท่ซ่างหวงไม่เป็นอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านโสวฝู่ไม่สู้ดี”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเผยรอยยิ้มที่แย่ยิ่งกว่าร้องไห้ สูดลมหายใจลึก “เขาจะเป็นอะไรไม่ได้ หากเขาเกิดเรื่อง ข้าต้องตำหนิตัวเองตลอดชีวิตแน่”
เขามองหยู่เหวินเห้า “ลุกขึ้นเถอะ!”
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นยืน เอ่ยเสียงเบา “เสด็จพ่อ ท่านโสวฝู่เคยได้รับบาดเจ็บตอนทำสงคราม การกระแทกศีรษะครั้งนี้จึงทำให้อาการหนักขึ้น เจ้าหยวนก็ไม่มั่นใจมาก แต่หากเขาเกิดเรื่อง เสด็จพ่อก็อย่าตำหนิตัวเองให้มาก ไม่มีใครอยากให้เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา “เจ้าห้า เจ้าบอกข้ามาตามตรง เจ้าเคยคิดว่าข้าเข้มงวดโหดร้ายกับเจ้าเกินไปหรือไม่? หรือรู้สึกว่าข้าลำเอียง?”
จิตใจหยู่เหวินเห้าหนักอึ้ง น้อยครั้งที่เสด็จพ่อจะตรัสความในใจกับเขาเช่นนี้ เขาคุ้นเคยกับการอยู่ร่วมระหว่างพ่อลูกแล้ว แต่การอยู่ร่วมระหว่างราชากับขุนนาง เดิมทีสิ่งที่ราชาต้องการจากขุนนางก็เข้มงวดโหดร้ายอยู่แล้ว
แต่หากเอ่ยถึงพ่อลูก…
เขาไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“เจ้าก็ไม่พอใจข้า ใช่ไหม?” ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องเขา
หยู่เหวินเห้าคิดแล้วจึงเอ่ย “เมื่อวานข้าวเหนียวปวดท้องนิดหน่อย ก็เลยติดหม่อมฉันแจ ให้หม่อมฉันคลึงท้องให้เขา หม่อมฉันก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเขาครึ่งชั่วยามพ่ะย่ะค่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้น มองฮ่องเต้หมิงหยวน “ที่จริงตอนที่หม่อมฉันเป็นเด็กก็เคยทำเช่นนี้มาก่อน เพียงแต่ข้าวเหนียวแกล้งปวดท้อง แต่หม่อมฉันปวดจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”