บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1325 ถามสูตรยากับฟางหวู
พอเห็นท่าทางอเนจอนาถเช่นนี้ของเจ้าสิบแล้ว ทั้งยังเอาแต่กล่าวผิดไปแล้ว เขาก็จนปัญญา เงยหน้าถามมู่หรูกงกง “ยาเม็ดจื่อจินของอ๋องชินทุกคนใช้หมดแล้วหรือ?”
มู่หรูกงกงเอ่ย “ขององค์รัชทายาทต้องใช้แน่อยู่แล้ว ของอ๋องฉี อ๋องชินลุ่น อ๋องซุน อ๋องชินเฟิงอันก็ให้องค์รัชทายาทแล้วเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ ของอ๋องหวยทรงประทานให้พระชายารัชทายาท ของอ๋องอานประทานให้พระชายาอาน สำหรับของอ๋องชุนก็ประทานให้องค์ชายแปด ในมือท่านอ๋องชินทุกพระองค์ไม่มียาเม็ดจื่อจินแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจนใจเอ่ย “งั้นก็กลับไปรายงาน ว่าไม่มีแล้วจริงๆ อย่าพูดถึงเม็ดของข้า ไท่ซ่างหวงจะได้ไม่กริ้ว”
มู่หรูกงกงก็ทรมานใจเช่นกัน ยาเม็ดจื่อจินล้ำค่าเพียงใด? กลับสูญไปทั้งอย่างนี้ น่าเสียดายยิ่งนัก
“ฝ่าบาท ไม่เช่นนั้นลองหาดูอีกไหมพ่ะย่ะค่ะ? เวลานี้ตำหนักฉินคุนทางนั้นก็หวังยาเม็ดจื่อจินเม็ดนี้ ข้าน้อยจะไปหาที่ตำหนักฉ่ายหมิงอีกนะพ่ะย่ะค่ะ?” มู่หรูกงกงเอ่ย
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ร้อนรุ่นหงุดหงิดมากเช่นกัน เขาเป็นห่วงอาการของโสวฝู่ แต่ก็กลัวว่ายาเม็ดนี่จะทำให้เกิดเรื่องอะไรอีก ทำให้ไท่ซ่างหวงกริ้วอีกครั้ง จึงเอ่ย “ไม่ต้องหาแล้ว หาไม่เจอหรอก ไปรายงานอย่างนี้เถอะ บอกว่ายาของอ๋องชินทุกคน ส่วนมากก็ให้รัชทายาทแล้ว ไท่ซ่างหวงฟังแล้วต้องทรงเข้าพระทัยแน่”
มู่หรูกงกงเงยหน้าขึ้น เอ่ยเสียงเบา “ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าคำพูดนี้ทูลไท่ซ่างหวงไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ที่ยาของอ๋องชินส่วนมากให้องค์รัชทายาท นั่นเพราะทรงบาดเจ็บหลายครั้ง เกรงว่าไท่ซ่างหวงสดับฟังแล้วจะเข้าพระทัยฝ่าบาทผิดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องเขา “เข้าพระทัยอะไรผิด?”
มู่หรูกงกงเห็นท่าทางเขาจะโกรธ จึงรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ข้าน้อยไม่ได้หมายความเป็นอื่น ข้าน้อยคิดมากไปเอง ข้าน้อยแค่อยากลองหาดูอีกสักครั้ง หากไม่พบจริงค่อยไปทูลทางตำหนักฉินคุน เป็นอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตวาด “ถ้าเจ้าส่งคนไปหาอีก อึกทึกครึกโครมเช่นนี้ ทุกคนก็ต้องรู้ว่าเจ้าสิบของข้าทำยาเม็ดจื่อจินหาย เรื่องนี้จะพูดถึงไม่ได้อีก…ในเมื่อพูดถึงรัชทายาทไม่ได้ งั้นบอกว่าตอนเจ้าแปดบาดเจ็บ ข้าเอายาทั้งหมดให้เจ้าแปดไปแล้ว ทุกอย่างน่าจะยุติแล้วกระมัง หากเกิดเรื่องวุ่นอีก ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ใครก็รับไม่ไหว”
มู่หรูกงกงไม่กล้าพูดอีก คำนับแล้วออกไป
เจ้าสิบไม่กล้าร้องไห้อีก อึกอักพูด “เสด็จพ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าอีกแล้ว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา คิดขึ้นได้ว่าตนเอาใจเขามากเกินไป อยากตำหนิสักหน่อย แต่กลางคนแล้วถึงได้แก้วตาดวงนี้มา กอปรกับวันนี้ได้ยินที่เจ้าห้าพูด ตอนพวกเขาเป็นเด็กปรารถนาความรักจากพ่อ เจ้าสิบยังเด็กอยู่จริงๆ และคิดว่าตำหนิมากไปก็ไม่ได้ ได้แต่ตั้งใจว่าอีกหน่อยจะอบรมเขาให้ดี จะได้ไม่หลงทางผิด
ดังนั้นเขาจึงเอ่ย “ต่อไปห้ามเอาแต่ใจอย่างนี้อีก ของที่ท่านแม่เก็บไว้ในตู้ ย่อมต้องเป็นของล้ำค่าถึงได้เก็บเอาไว้ เจ้าห้ามหยิบมาเล่นไปเรื่อยอีก รู้หรือยัง?”
เจ้าสิบสะอึกสะอื้นเอ่ย “หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันไม่กล้าแล้ว!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเช็ดน้ำตาให้เขา แม้ยังโมโหแต่ก็สงสารอยู่บ้าง “เอาล่ะ ไม่ร้องแล้ว เป็นลูกผู้ชายจะหลั่งน้ำตาง่ายๆ ได้อย่างไร?”
เมื่อเสด็จพ่ออ่อนโยนลง เจ้าสิบก็ไม่กลัวอีก เข้าเงยหน้าขึ้นบ่นพึมพำ “เสด็จพ่อ ทรงเป็นฮ่องเต้แล้ว เหตุใดยังกลัวเสด็จปู่ขนาดนั้นอีกพ่ะย่ะค่ะ? เป็นฮ่องเต้ไม่ได้ใหญ่ที่ในสุดในแผ่นดินหรือ? ทุกคนต้องกลัวฮ่องเต้ถึงจะถูกสิพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนฝืนหัวเราะ “เพราะ เสด็จปู่เจ้าก็เคยเป็นฮ่องเต้มาก่อน หลังจากเขาลงจากตำแหน่งแล้ว ข้าถึงขึ้นครองราชสมบัติ ข้าก็ต้องเคารพเขา ให้เกียรติเขาอยู่แล้ว ”
เจ้าสิบน้อยเอียงศีรษะคิด “เช่นนั้นก็ต้องรอให้เสด็จปู่สวรรคตแล้ว ท่านถึงได้เป็นใหญ่อันดับหนึ่งในแผ่นดิน ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้านิ่งทันที “หุบปาก นี่เป็นการหมิ่นเบื้องสูง พูดอีกข้าจะตีก้นเจ้าแล้วนะ!”
เมื่อนั้นเจ้าสิบน้อยถึงสะอึก ไม่กล้าพูดอีก
คำพูดของเจ้าสิบน้อย แม้จะกล่าวพล่อยด้วยความเป็นเด็ก แต่กลับทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดถึงเรื่องหนึ่งได้ ตนเป็นฮ่องเต้อย่างระมัดระวังมาหลายปี จะว่าไปก็ยังกลัวไท่ซ่างหวงไม่พอใจในตัวเขา หลายเรื่อง อยากทำแต่ก็ไม่กล้า ด้านนโยบายก็มักดำรงตามหลักเดิม ไม่ถึงกับเกิดความผิดพลาด หรือเช่นนี้จะกลับเป็นผลเสียต่อการปกครองบ้านเมือง
แต่ความคิดนี้แค่แวบผ่านเท่านั้น กระทั่งไม่ทิ้งร่องรอยในใจเขา
แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่รัชทายาทในอดีต ไม่ใช่ฮ่องเต้ของเป่ยถัง
มู่หรูกงกงถึงตำหนักฉินคุน รายงานว่าไม่มียาเม็ดจื่อจินแล้ว เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ผิดหวังอย่างรุนแรง
พริบตาเดียว เงาแห่งความสิ้นหวังก็ปกคลุมไปทั่วตำหนักฉินคุน ไท่ซ่างหวงเม้มริมฝีปาก และไม่ได้เอ่ย ในดวงตามีเพียงความฉงนใจ อย่างไรก็จำได้ว่ายังมีอีกเม็ด
แต่นึกๆ ดูแล้วก็น่าจะหมดแล้ว เพราะหากมี ตอนที่เจ้าห้าเกิดเรื่องก็คงให้คนเร่งส่งด่วนแปดร้อยลี้
ใต้เท้าย่วนพ่านเอ่ย “พระองค์ ท่านเจ้าอาวาสไปไหนเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ? จะตามตัวเขาได้หรือไม่? ถึงไม่มียาเม็ดจื่อจิน แต่หากมีสูตรยาเม็ดจื่อจิน เชื่อว่าใช้ได้เหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินย่วนพ่านถามเช่นนี้ก็เงยหน้ามองหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงคิดหนักทันที เดิมทีนางเคยถามสูตรยาเม็ดจื่อจินกับฟางหวู แต่กลับถูกเรื่องอื่นเข้ามาแทรกจนทำให้ไม่ได้บันทึกไว้ ทั้งยังจำได้ว่าตัวยาที่ฟางหวูเคยกล่าวหายาก แต่ก็ยังมีหวัง นางนึกขึ้นได้ว่าให้ซาลาเปาไปได้ ถามสูตรยากับฟางหวู ถึงจะบอกว่าเป็นวัตถุดิบยามีราคา แต่วัตถุดิบยานี้น่าจะหาได้จากในวัง
เซียวเหยากงก็ฉงนใจมาก “นั่นสิ ไม่พบเขาตั้งนานแล้ว เขาท่องพเนจรไปที่ใดแล้ว?”
หยู่เหวินเห้าเอ่ย “ข้าจะไปวัดฮู่กว๋อเดี๋ยวนี้ ถามพระที่วัดดู ดูสิว่าจะได้ที่อยู่ของเขาหรือไม่”
“เจ้ารีบไป!” ไท่ซ่างหวงเอ่ยทันที
ที่จริงทุกคนก็ไม่หวังเท่าไร เพราะถึงจะรู้ว่าท่านเจ้าอาวาสอยู่ที่ไหน แต่ไปมาต้องใช้เวลา โสวฝู่ไม่อาจรอได้
แต่ทุกคนก็กลัวว่าหากหยุดเพียงเท่านี้ ไม่ทำอะไรเลย ไม่ทำก็ไม่มีความหวังใดๆ
พอหยู่เหวินเห้าออกจากวังก็กลับจวนทันที เด็กๆ กำลังเล่นอยู่ในลานจวน เขาคว้าอุ้มซาลาเปา “หลับซะ!”
ซาลาเปาตกใจงงงวย ให้หลับกลางวันแสกๆ?
เมื่อเข้าห้องแล้ว หยู่เหวินเห้าก็กอบใบหน้าของเขา ตั้งใจเอ่ย “เปาเปา เจ้าตั้งใจฟังข้านะ หลับเดี๋ยวนี้ แล้วไปหาฟางหวูที่คุณยายทางนั้น ถามสูตรยาเม็ดจื่อจิน สูตรยานั้นอาจยาวมาก เจ้าต้องจำให้ได้ ใช้ความสามารถทั้งหมดในสมองเจ้าจำสูตรยานี้ ห้ามผิดพลาด เข้าใจไหม? ”
ซาลาเปาเห็นเขาตื่นตระหนกเช่นนี้ จึงตื่นตระหนกตาม “เสด็จปู่เกิดเรื่องหรือพ่ะย่ะค่ะ? ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเห็นท่านกับท่านแม่รีบเอากล่องยาเข้าวัง หรือว่าเสด็จปู่จะเป็นอะไรพ่ะย่ะค่ะ?”
หยู่เหวินเห้าไม่ปิดเขา เอ่ย “เป็นท่านโสวฝู่ เขาบาดเจ็บ ต้องการยาเม็ดจื่อจิน นี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียว เจ้าต้องจำสูตรยาให้แม่น แล้วกลับมาบอกข้าทุกคำ จำได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินว่าโสวฝู่เกิดเรื่อง ซาลาเปาก็รีบพยักหน้า “หม่อมฉันทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจำได้แล้ว หม่อมฉันจะหลับเดี๋ยวนี้ จะไม่ให้ท่านอาจารย์เป็นอะไรไปเด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
โสวฝู่รับผิดชอบสอนหลักการเป็นผู้ปกครองในอนาคตกับซาลาเปาโดยเฉพาะ อาจารย์ผู้ให้ความรู้ บุญคุณดั่งขุนเขา ซาลาเปารู้หลักนี้ ดังนั้นจึงไม่กล้าเสียเวลา ล้มหัวลงนอนทันที