บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1326 ต้องการโสมพันปี
หยู่เหวินเห้ารออยู่ในจวนประมาณสองชั่วยามซาลาเปาถึงตื่น
เนื่องจากเวลาเดินพร้อมกัน ไม่ทำลายกฎเหล็กใดๆ ดังนั้นซาลาเปาไปทางนั้นสองชั่วยาม ที่นี่ก็ผ่านไปสองชั่วยามเช่นกัน
รอจนเขาตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าก็สลัวแล้ว
“เป็นอย่างไรบ้าง? ถามได้หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าพยุงเขาขึ้นมาถาม
ซาลาเปาปีนลงเตียงหาเครื่องเขียนทันที “หม่อมฉันจำได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ กลัวว่าท่านพ่อจะจำไม่ได้ หม่อมฉันจะเขียนให้ท่าน”
“ได้ สวีอี สวีอี!” หยู่เหวินเห้าวิ่งออกไปหาสวีอีทันที ให้เขาไปเอาเครื่องเขียนมา
สวีอีพลันวิ่งปรี่ หยิบเครื่องเขียนมาแล้วก็เริ่มฝนหมึก ซาลาเปากางกระดาษออก แล้วเขียนบนกระดาษ “บัวหิมะ โสมพันปี เทียนฉี เถ้าตะขาบ ดีงูแดง ซูมู่ เชียะเจียก พิษคางคก รังผึ้ง เออเจียว แมลงป่องเลือด ดอกเหออีฮวน หนิวซี หญ้าโท่วกู่ หญ้าเอ็นยืด ดอกคำฝอย ตู๋หัว พิมเสน…”
สูตรยานี้รวมแล้วมีสมุนไพรถึงสิบแปดอย่าง แต่สุดท้ายยังขาดกระสายยาอีกอย่างหนึ่ง
“นี่ก็คือวัตถุดิบยาทั้งหมดของยาเม็ดจื่อจินหรือ?” หยู่เหวินเห้ามองพลางถาม แม้จะมีราคา แต่ยาพวกนี้ก็ไม่ถือว่าหายากมาก
ทว่าซาลาเปากลับให้สวีอีออกไปก่อน แล้วค่อยกระซิบเอ่ย “ท่านพ่อ สูตรยาเม็ดจื่อจินซับซ้อนกว่านี้เยอะพ่ะย่ะค่ะ แต่แค่เติมกระสายยาอีกอย่างหนึ่งลงไป ผลลัพธ์ก็จะใกล้เคียงกับยาเม็ดจื่อจิน”
หยู่เหวินเห้าเห็นเขาไล่สวีอีออกไป จึงอดสงสัยไม่ได้ “กระสายยาอะไรถึงขนาดให้อาสวีอีเจ้ารู้ไม่ได้?”
ซาลาเปากระซิบ “เลือดสดของหมาป่าหิมะพ่ะย่ะค่ะ ท่านอาสวีอีละโมบ หากเขารู้ว่าเลือดของหมาป่าหิมะมีค่ามาก เขาต้องเอาหมาป่าหิมะไปขายแน่พ่ะย่ะค่ะ”
ก็จริง
แต่พอหยู่เหวินเห้ารู้ว่าต้องใช้เลือดของหมาป่าหิมะ ก็อดขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้ “ต้องใช้เลือดหมาป่าหิมะ? เช่นนั้นมิต้องทำร้ายมันตัวหนึ่งเลยหรือ? ต้องใช้เท่าไร? ถ้วยหนึ่งพอหรือไม่?”
ว่าแล้วก็ชักกระบี่ออกมา
ซาลาเปาตกใจหนัก รีบเอ่ย “ไม่ต้องเยอะพ่ะย่ะค่ะ ต้มยาเสร็จแล้วก็ใส่ลงไปสองหยดก็พอ แต่ต้องเป็นเลือดสด ตอนจะดื่มแล้วค่อยใส่ลงไปพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ เช่นนั้นก็ได้!” หยู่เหวินเห้าวางใจ
หมาป่าหิมะที่ชันหูฟังอยู่ด้านนอกก็วางใจด้วยเช่นกัน
“จะรอช้าไม่ได้ ต้องเข้าวังเดี๋ยวนี้!” หยู่เหวินเห้าหยิบสูตรยา แล้วเหน็บซาลาเปาอีก “ไปด้วยกัน มิเช่นนั้นหมาป่าหิมะไม่เชื่อง มันเชื่อฟังแต่เจ้า”
ซาลาเปาถูกเหน็บแนวนอนอยู่ใต้รักแร้ของเขา อึดอัดมาก ตามการแกว่งของการย่างก้าว ศีรษะของเขาก็เลือดคลั่ง ส่งเสียงต่อต้านออกมาอย่างอ่อนโรย “ท่านพ่อ ที่จริงหม่อมฉันก็มีขาพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าวางเขาลง “ยาพวกนี้ อะไรนี่ไม่ใช่ความถนัดของข้า ข้าดูจนมึนไปหมด ร้อนใจไป”
ซาลาเปาแสดงออกว่าเข้าใจ เรียกหมาป่าหิมะ สองพ่อลูกออกจวนไปด้วยกัน
ตลอดทางที่ควบม้าเข้าวัง ดวงตะวันบนท้องฟ้าค่อยๆ คล้อยต่ำลง ก้อนเมฆรวมตัวอยู่ทางตะวันตกราวกับไหมถักทอ สายลมแรงเล็กน้อย พัดจนปลายทางถนนมีเสียงวู้ๆ ดังมา สองพ่อลูกขี่ม้าตัวเดียวกัน หมาป่าหิมะตามอยู่ด้านหลัง ซาลาเปานั่งอยู่ที่ด้านหน้า เงยหน้ามองท่านพ่อที่คุมแส้ม้าอยู่ด้านหลัง “ทำไมท่านอาจารย์ถึงบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ? ท่านพ่อ หรือว่ามีคนทำร้ายเขา? หม่อมฉันต้องแก้แค้นให้ท่านโสวฝู่ถึงจะถูก”
“เขาไม่ทันระวังกระแทกบาดเจ็บ” หยู่เหวินเห้าตอบเขา
ซาลาเปาอ้อเสียงหนึ่ง “แก่แล้วลำบากจริงๆ ขาก็ไม่สะดวก ขาของฉางกงกงก็ไม่ดีเหมือนกัน ต่อไปไว้หม่อมฉันกลับมาจากทะเลสาบจิ้งได้ หม่อมฉันจะซื้อรถเข็นมาให้ฉางกงกง เข็นได้”
“รถเข็น? ฉางกงกงก็มีแล้วคันหนึ่งไม่ใช่หรือ?”
“นั่นไม่สะดวกพ่ะย่ะค่ะ ต้องมีคนเข็นให้ถึงจะไป ที่หม่อมฉันจะซื้อเข็นได้ด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ ฉางกงกงไม่ชอบให้คนคอยรับใช้ ท่านพ่อ ท่านต้องใส่ใจสุขภาพทางใจของคนแก่สิพ่ะย่ะค่ะ จะให้ผ่านไปแบบส่งๆ ไม่ได้ จะให้คนคนหนึ่งใช้ชีวิตนั้นง่าย แต่ต้องให้เขาแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจถึงจะดี มิเช่นนั้นวันเวลาก็น่าเบื่อพ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว “ข้าไหนเลยจะรู้ว่ารถเข็นที่เข็นเองได้ถึงจะสบายเล่า? ข้าไม่เคยลองสักหน่อย”
“เช่นนั้นท่านก็ลองคิดว่าตัวเองเป็นฉางกงกง ท่านนึกว่าท่านนั่งอยู่บนรถเข็น อยากไปเข้าห้องน้ำยังต้องเรียกให้คนมาเข็นให้ ไม่สะดวกใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ? ท่านพ่อ ท่านสะเพร่าเกินไปแล้ว ท่านแม่ว่าท่านไว้ไม่ผิดเลย ท่านต้องปรับปรุง ต้องคิดในมุมของผู้คน เช่นนั้นเรื่องที่ท่านทำถึงจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกดีพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินการสั่งสอนของลูกชายแล้ว หยู่เหวินเห้าจะหัวเราะก็ไม่ใช่ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ แต่เขาก็อดรู้สึกขึ้นมาไม่ได้ “พอที เจ้าละเอียด มิน่าล่ะฉางกงกงถึงเอ็นดูเจ้า ชอบเตรียมขนมให้เจ้าอยู่เรื่อย”
เขาเชื่อว่านิสัยของเจ้าแฝดสามกับแฝดสองไม่เหลวไหลไปไหนแน่ โดยหลักเพราะคำพูดนั้นของเจ้าหยวน นางเคยกล่าวไว้ ปัญหาของลูก ล้วนแก้ไขได้ด้วยการอยู่คลุกคลี
นางยืนกรานไม่ว่าจะยุ่งเพียงไร กลางคืนกลับมานางต้องดูเด็กๆ ให้ได้ แม้ว่าจะได้พูดกับพวกเขาสักคำก็เป็นสิ่งจำเป็นมาก
เขาเคยเหลวไหล ทำให้ทังหยวนเสียใจ แต่ดีที่หันหลังกลับทัน มิเช่นนั้นต่อไปทังหยวนต้องมีปมในใจแน่
เมื่อเข้าวังแล้วก็ตรงดิ่งไปที่ตำหนักฉินคุนทันที พอได้ยินหยู่เหวินเห้าบอกว่าได้สูตรยามาจริงก็ดีใจยกใหญ่ ไท่ซ่างหวงถามอย่างประหลาดใจ “สูตรยาได้มาจากไหนหรือ?”
หยู่เหวินเห้าปาดหน้าดำน้ำ “รื้อเจอจากของขวัญที่ท่านเจ้าอาวาสเคยให้เด็กๆ พ่ะย่ะค่ะ กลับพบสูตรยานี้ได้ เขียนว่าได้ผลเหมือนกับยาเม็ดจื่อจิน จึงนำเข้าวังมาทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงยังอยากถามอีก ซาลาเปาก็ร้องไห้วิ่งเข้ามากอดเขาไว้ทันที “เสด็จทวด ทรงประชวรหรือพ่ะย่ะค่ะ? หม่อมฉันเป็นห่วงแทบแย่”
เมื่อไท่ซ่างหวงเห็นเหลนร้องไห้ ก็ตกใจยกใหญ่ รีบปลอบ “ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูสิ มิใช่ปกติดีหรือ?”
“ท่านไม่เป็นไรจริงนะพ่ะย่ะค่ะ?” ซาลาเปาหันไปมองทางหยู่เหวินเห้าแล้วขยิบตาให้
หยู่เหวินเห้ารีบเบือนหน้าไปถามย่าหยวน “ย่าหยวน สูตรยานี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ย่าหยวนรับสูตรยามา แต่กลับขมวดคิ้ว “สูตรยามีผลวิเศษจริงเพคะ แต่มีตัวยาอยู่สองตัวที่จะสะเพร่าไม่ได้ อย่างแรกคือต้องเป็นโสมพันปีถึงจะคุมสูตรยานี้ได้ อย่างที่สอง บัวหิมะเกรงว่าจะไม่ใช่บัวหิมะทั่วไป เพราะในนี้เขียนว่าใช้เลือดของหมาป่าหิมะเป็นกระสายยา ซึ่งก็หมายถึงยาชนิดนี้ต้องอยู่ที่เดียวหมาป่าหิมะอาศัยอยู่ อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน หนึ่งร้อนหนึ่งเย็นถึงสามารถใช้เลือดหมาป่าหิมะนำพายาชนิดนี้ให้เกิดประโยชน์ได้เพคะ”
เซียวเหยากงเอ่ย “เดิมทีหมาป่าหิมะอยู่ที่ยอดเขาหมาป่าหิมะ ที่ยอดเขาหมาป่าหิมะมีบัวหิมะ แต่หายากมาก”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าจะให้องครักษ์ลับผีไป ไม่ว่าจะหาได้หรือไม่ก็ลองไปดูก่อน หากหาไม่ได้จริงค่อยคิดหาหนทางอื่น”
ย่าหยวนพยักหน้า แล้วดูสูตรยาต่อ “เช่นนั้นก็เหลือแต่โสมพันปีที่ค่อนข้างหายาก โสมอายุพันปี ที่จริงก็หากยากมาก แล้วยังจะหายากมากว่าบัวหิมะอีก ปกติที่เราพบเห็น มีอายุหลายสิบปีก็ถือว่าดีมากแล้ว”
ย่วนพ่านเอ่ย “ในวังมีโสมอยู่ไม่น้อย แต่โสมอายุพันปีนี่ พวกข้าน้อยแยกไม่ออกจริงๆ แต่เมื่อก่อนเกาโกวหลีเคยส่งโสมมาชุดหนึ่ง บอกว่าเป็นโสมพันปี ไม่เช่นนั้นก็ลองเอามาดูก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ”