บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1327 เขายอมรับว่าลำเอียง (เนื้อหาหายไป1ท่อน)
ไท่ซ่างหวงสั่งให้คนไปเอาโสมที่เกาโกวหลีส่งมาทันที โสมทั้งหมดล้วนบรรจุอยู่ในกล่อง ล้ำค่ามาก ขณะที่ส่งมาถึงตำหนัก ย่าหยวนได้ตรวจสอบทุกต้น โสมเหล่านี้ที่ใหญ่สุดประมาณสองชั่ง แล้วยังมีอีกต้นที่รูปร่างอย่างกับเด็ก กลิ่นหอมขจร ย่วนพ่านหยิบต้นนี้มาถามย่าหยวน “ต้นนี้น่าจะใช้กระมัง?”
ย่าหยวนส่ายหน้า “ไม่ ต้นนี้ยังอายุไม่พอ แต่อายุไม่ถึงพันปี แค่ร้อยปีเท่านั้น”
เซียวเหยากงเอ่ยถาม “ดูอย่างไรหรือ?”
ย่าหยวนเอ่ย “สมัยก่อนข้าน้อยเคยพบโสมพันปีต้นหนึ่ง พอเปิดออก กลิ่นของโสมก็ฟุ้งออกมา แค่ดมก็รู้สึกรสเข้มไม่จาง รูปร่างเหมือนมนุษย์ สีเข้ม โสมพันปีแทบเป็นสีทองเข้มทั้งหมด ลวดลายแน่นขนัด หนวดโสมแข็งแรงมีน้อย แต่ท่านดูหนวดโสมต้นนี้สิ ค่อนข้างมาก แล้วยังเส้นเล็กนุ่มอีก ข้าน้อยประมาณว่านี่ร้อยปีเท่านั้น”
ย่วนพ่านพบเห็นมามาก การแยกแยะโสมชั้นดีเลว เขาถนัดนัก แต่จะดูอายุของโสม โดยเฉพาะโสมที่มีอายุสูงถึงพันปีจริงๆ นั่นไม่อาจดูได้ง่าย
ดูแลรับผิดชอบโรงหมอหลวงหลายปีนี้ คลุกคลีกับโสมชั้นดีไม่น้อย มีมากที่บอกว่าเป็นโสมพันปี แต่ที่จริงกลับไม่ใช่ นี่ก็ไม่อาจทราบได้
“จำต้องเป็นโสมพันปีเท่านั้นหรือ?” เซียวเหยากงเอ่ยถาม
“แม้ไม่ใช่พันปี อย่างน้อยก็ต้องมีอายุมาก สูตรยานี้…” ย่าหยวนมองอีก เกิดความลังเล “สูตรยานี้มียาส่วนหนึ่งที่สลายลิ่มเลือดของอาการบาดเจ็บ แล้วมีอีกส่วนหนึ่งที่กระตุ้นหัวใจ แล้วยังมีอีกส่วนที่ขจัดพิษ แต่ยาล้วนมีพิษสามส่วน นี่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โสมเสริมธาตุหยาง ดังนั้นการใช้โสมที่มีอายุมากใส่ลงในยา ก็จะลดผลข้างเคียงได้มาก และได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ”
เมื่อไท่ซ่างหวงได้ฟังคำพูดของย่าหยวนแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมา เอ่ยถามย่วนพ่าน “ยังมีอีกหรือไม่?”
ย่วนพ่านคิดแล้วจึงเอ่ย “ทูลไท่ซ่างหวง ยังมีอีกสองต้นที่อายุมากหน่อย ฝ่าบาทประทานให้หวงกุ้ยเฟยกับฮู่เฟย เอาไว้ใช้ตอนมีพระสูติกาลพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็คิดว่าควรสั่งสอนให้เข้มงวดสักหน่อยจึงรับปาก ทั้งสองสนทนากันพักหนึ่ง ฮู่เฟยไม่รู้ว่าตำหนักฉินคุนเกิดเรื่องอะไร เห็นชายที่อยู่ข้างตนเผยสีหน้ากังวลเป็นระยะ จึงรู้ว่าอาการของโสวฝู่น่าจะยังหนักอยู่
เดิมยาเม็ดจื่อจินสามารถช่วยชีวิตโสวฝู่ได้ แต่ที่อยู่ในมือนางกลับหาย นางรู้สึกผิดมาก กดดันสูง ทำให้หลังจากกินยาแล้วก็ยังปวดท้องหนักอีก
ตอนนี้เองมู่หรูกงกงก็มาถึง รายงานความประสงค์ของไท่ซ่างหวง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเป็นห่วงอาการปวดท้องของฮู่เฟย เมื่อได้ฟังการรายงานของมู่หรูกงกง บอกว่าบางทีโสวฝู่อาจช่วยได้ จึงรีบเอ่ย “งั้นยังรออะไร? รีบไป…”
ยังไม่ทันพูดจบ ฮู่เฟยก็กดหลังมือของเขาพลันแล้วเอ่ย “นั่นสิ ยังรออะไรอีก? เด็กๆ ไปหยิบโสมในห้องเก็บของมาให้ท่านมู่หรูกงกงเอาไป แล้วดูสิว่าในห้องยังมีวัตถุดิบยาดีอะไรอีก ส่งไปพร้อมกันเลย หากใช้ได้ก็จะได้ใช้”
มู่หรูกงกงคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ไม่ได้รับคำทันที เขาติดตามฮ่องเต้หมิงหยวนมาหลายปี เขาเข้าใจทุกอารมณ์เศษเสี้ยวบนใบหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน ฝ่าบาทต้องการให้เขาไปเอากับทางหวงกุ้ยเฟย
แต่ไม่นานฮ่องเต้หมิงหยวนก็ได้สติ เอ่ย “งั้นก็เอาจากตำหนักฉ่ายหมิงแล้วกัน”
มู่หรูกงกงแอบโล่งอก “พ่ะย่ะค่ะ!”
เขาออกไปแล้วไปเอาโสมกับคนในตำหนักฉ่ายหมิง
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองฮู่เฟย สีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย “ร่างกายเจ้าแย่เช่นนี้ เดิมควรเก็บโสมต้นนั้นไว้ป้องกันตัว”
บัดนี้ฮู่เฟยไม่มีความดีใจที่ถูกโปรดปราน ทั้งยังเกิดอารมณ์ซับซ้อน “ฝ่าบาท แล้วหวงกุ้ยเฟยเล่าเพคะ? หวงกุ้ยเฟยอายุมากกว่าหม่อมฉันมาก หนำซ้ำยังเป็นครรภ์แรกอีก ตอนที่มีพระสูติกาลจำเป็นต้องใช้โสมมากกว่าเพคะ”
“นั่นสิ นางก็จำเป็นเช่นกัน!” ฮ่องเต้หมิงหยวนชะงักไปพักหนึ่ง ที่จริงหวงกุ้ยเฟยมีความจำเป็นมากกว่า เพราะตั้งแต่นางตั้งครรภ์ก็ปรากฏอาการสารพัด อีกทั้งทางฮู่เฟยยังทำยาเม็ดจื่อจินหาย ด้วยความรู้สึกและเหตุผล ล้วนควรเอาโสมจากฮู่เฟย แต่เหตุใดเขาไม่ไตร่ตรองก็ให้มู่หรูไปเอาจากทางหวงกุ้ยเฟย?
เขารู้สึกผิดกับหวงกุ้ยเฟย
เขาจำต้องยอมรับว่าเขาลำเอียงทางฮู่เฟยกับองค์ชายสิบเกินไปจริงๆ เกิดเป็นความเคยชิน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปกป้องเจ้าสิบน้อยทันที ที่เขาตัดสินใจมอบห้าหัวเมืองให้เจ้าสิบน้อย หรือว่ามีเหตุผลอื่นแทรกอยู่? เขากระทั่งไม่กล้าคิดมาก
ยามสงคราม ทุกเรื่องที่เขาทำล้วนเพื่อเจ้าห้า รับนักฆ่าของกระดูกมนุษย์หมาป่า ใช้ฮุ่ยเทียน หวังว่าจะขจัดอันตรายทั้งหมดให้เจ้าห้า แต่เรื่องพวกนี้ก็ไม่มีผ่านการตรึกตรอง เพราะเขายังเด็ก เขายังห่างวันนั้นอีกไกล เขาบอกว่าเพื่อเจ้าห้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เพื่อตัวเอง? เพื่อเป่ยถัง?
ทั้งที่เขาเป็นฮ่องเต้แห่งรัชสมัย เขายอมรับอย่างองอาจได้ว่าเหล่านี้ล้วนเพื่อตัวเอง ผลงานของเขามีไว้ให้คนรุ่นหลังกล่าวขาน เวลานี้ไม่มีใครมีสิทธิ์บอกว่าคำพูดเขาควรหรือไม่ แต่ทำไมจิตใต้สำนึกกลับทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเพื่อวางแผนรัชทายาทในอนาคต ทำไมเขาต้องคิดเช่นนี้?
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตาจ้องหมุดทองเหลืองที่อยู่บนประตูบานใหญ่สีแดง เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของเป่ยถังที่แท้จริง เขายังเป็นรัชทายาทของเป่ยถัง เนื้อแท้ของเขายังคิดว่าตัวเองเป็นรัชทายาทของเป่ยถัง ดังนั้นทุกเรื่องที่เขาทำ จึงต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าแห่งเป่ยถังตัวจริง