บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1331 การคัดค้านของหวงกุ้ยเฟย
ฮู่เฟยเงียบ หลับตาลงอีกครั้ง แต่กลับจับหวงกุ้ยเฟยไว้แน่น ไม่ยอมให้นางจากไป
มู่หรูกงกงทำความสะอาดบาดแผลฮ่องเต้หมิงหยวน ครั้งนี้เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีกัด มีรอยฟันสองรอยที่พลิกเนื้อออกมา ความเจ็บปวดจากบาดแผลกัดยังไม่เท่ากับที่มีอยู่ในใจของฮ่องเต้หมิงหยวน อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเขาเอาใจลูกขนาดนี้ แต่กลับมากัดเขาได้
เขามีโอรสธิดามากขนาดนี้ แม้จะเป็นหยู่เหวินจุนในวัยเยาว์ที่เขาเอาใจมากเป็นพิเศษ การพูดจาก็ยังไม่เคยกล้าล่วงเกิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทำร้ายเขา กลิ่นรมหญ้าอ้ายฟุ้งอยู่ในตำหนัก ฉุนจนทำให้หวงกุ้ยเฟยไอไปยกหนึ่ง ฮู่เฟยรีบปล่อยมือนาง “ท่านสุขภาพไม่ดี รีบเสด็จออกไปเถอะ อย่ารมควันอยู่เลยเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยส่ายหน้า “มิเป็นไร ข้าอยู่นี่เป็นเพื่อนเจ้า เจ้าวางใจเถอะ”
หวงกุ้ยเฟยรู้ดีถึงความพึ่งพิงที่ฮู่เฟยมีต่อนาง
ฮู่เฟยให้นางกำนัลหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้นางปิดจมูก จะไม่ได้สำลัก
ครั้นรมหญ้าอ้ายและดื่มยาแล้ว ฮู่เฟยก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังปวดท้องอยู่ ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นสีหน้านางดูเหมือนดีขึ้นจึงเพลาใจ
ฮู่เฟยปล่อยมืองนาง ให้ฮ่องเต้หมิงหยวนอยู่เป็นเพื่อน แล้วเรียกหมอหลวงออกไปสอบถาม
“ท่านตอบข้ามาตามตรง ครรภ์ของฮู่เฟยเป็นอย่างไรกันแน่” หวงกุ้ยเฟยถาม
หมอหลวงตอบอย่างจนใจ “ทูลหวงกุ้ยเฟย หลายวันมานี้พระอามาศัยท่านหญิงฮู่เฟยเย็น ลงพระนาภี บัดนี้ถูกกระแทกรุนแรง แม้รมหญ้าอ้ายแล้ว แต่เกรงว่าจะอันตรายมากพ่ะย่ะค่ะ”
หวงกุ้ยเฟยหนักในอก “อันตราย? ความหมายของท่านคืออาจรักษาเด็กไม่ได้?”
หมอหลวงเอ่ย “ท่านหญิง เป็นไปได้มากว่าจะรักษาไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หวงกุ้ยเฟยได้ยินดังนั้นแล้วก็รีบถาม “แต่เมื่อครู่นางบอกว่าดีขึ้นแล้ว”
หมอหลวงเอ่ยเสียงหนัก “เสวยพระโอสถแล้ว รมหญ้าอ้าย ขจัดเลือดคลั่งและให้ความอบอุ่นกับกล่องพระสกุนแล้ว ถึงทำให้ท่านหญิงรู้สึกสบายมาเล็กน้อย แต่เกรงว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะทรงปวดขึ้นอีกพ่ะย่ะค่ะ เวลานี้ชีพจรอ่อนแรงมาก ซึ่งหมายถึงพระครรภ์ร่อแร่มาก”
หวงกุ้ยเฟยเคร่งเครียดเล็กน้อย “ในเมื่ออาการหนักเช่นนี้ ไยไม่ทูลฝ่าบาททันที? ต้องให้ข้าถามแล้วจึงจะบอก?”
หมอหลวงจนใจหนักขึ้น “กระหม่อมเชิญฝ่าบาทเสด็จออกนอกตำหนักทูลแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ทรงกริ้วหนักลงทัณฑ์คนในตำหนัก ระหว่างที่ทรงกริ้ว กระหม่อมจะได้แต่ถวายพระโอสถก่อน”
หวงกุ้ยเฟยหวั่นวิตก คงเพราะฝ่าบาทคิดว่ายังรักษาไว้ได้ หารู้ไม่ว่าอาการหนักขนาดนี้แล้ว
นางชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวกับที่องค์ชายสิบกระแทกถูกนางหรือไม่?”
หมอหลวงเอ่ย “หากกล่าวว่าเป็นเพราะองค์ชายสิบกระแทกถูกอย่างเดียว เช่นนั้นก็หนักเกินไป ที่จริงพระครรภ์ของท่านหญิงฮู่เฟยก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว กระหม่อมดูแลครรภ์ของพระนาง ตั้งแต่เดือนที่แล้วชีพจรก็ผิดปกติ กำชับหนักหนาให้ระวังเรื่องเครื่องเสวย แต่สุดท้ายก็ยังลงพระนาภี กระทบกับพระครรภ์ เพียงแต่หากไม่มีการกระแทกครั้งนี้ กระหม่อมยังมั่นใจสี่ห้าส่วนว่าจะรักษาครรภ์นี้ไว้ได้”
หวงกุ้ยเฟยตกใจ “เหตุใดไม่รายงานข้า? ฝ่าบาททรงทราบหรือไม่?”
“กระหม่อมมีโทษ รับปากท่านหญิงไว้ หากดูแลพระครรภ์สองเดือนแล้วยังไม่ดีขึ้นถึงจะทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงคุกเข่าลงรับโทษ
“เพราะอะไร?” หวงกุ้ยเฟยฉงนใจถาม
หมอหลวงส่ายหน้า “ท่านหญิงไม่ได้บอก แต่ขอให้กระหม่อมทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
หวงกุ้ยเฟยไม่รู้ว่าเหตุใดฮู่เฟยต้องปิดบังเรื่องครรภ์ ตามหลักแล้วถึงนางจะทูลฝ่าบาทว่าครรภ์นางอาจรักษาไว้ไม่ได้ ฝ่าบาทก็มีแต่สงสารทะนุถนอมมากขึ้นเท่านั้น จะไม่ตำหนิห่างเหินเพราะเรื่องนี้เด็ดขาด
“ท่านหญิง ควรเชิญพระชายารัชทายาทมาตรวจพระอาการสักหน่อยไหมพ่ะย่ะค่ะ?” เมื่อหมอหลวงเห็นหวงกุ้ยเฟยเงียบไปจึงเสนอความคิดเห็น
หวงกุ้ยเฟยมิได้ตกปากรับคำ เพียงแต่ขมวดคิ้วคิดก่อนที่จะถามหมอหลวง “ครรภ์นี้ของฮู่เฟย พวกท่านโรงหมอหลวงหากใช้วิชาทั้งหมดจะมั่นใจได้สักหนึ่งถึงสองส่วนหรือไม่?”
หมอหลวงชะงัก แต่กลับส่ายหน้าเบาๆ “กระหม่อมไม่มั่นใจพ่ะย่ะค่ะ!”
แม้หวงกุ้ยเฟยจะทรมานใจมาก แต่กลับสั่งทันที “อย่าได้เอ่ยถึงการเชิญพระชายารัชทายาทมาตรวจต่อหน้าพระพักตร์เด็ดขาด เวลานี้โสวฝู่เจ็บหนัก พระชายารัชทายาทจำต้องประจำอยู่ที่นั่น นอกเสียงจากทารกในครรภ์ฮู่เฟยเกิดอะไรขึ้นจริงถึงเชิญพระชายารัชทายาทมา”
หมอหลวงฉงนใจ “ท่านหญิง นี่เพราะเหตุใดพ่ะย่ะค่ะ? หากเชิญพระชายารัชทายาทมาตรวจในเวลานี้ บางทีอาจมีความหวังเล็กน้อย”
นัยน์ตาหวงกุ้ยเฟยนิ่งงัน “ทำตามที่ข้าบอก นอกเสียจากฝ่าบาทรับสั่งถึง มิเช่นนั้นท่านก็อย่าได้เชิญพระชายารัชทายาทมาก่อนเป็นอันขาด!”
หมอหลวงยังไม่ทันรับคำก็ได้ยินเสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนเหน็บความพิโรธดังมา “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ นิ่งสงบไม่ยึดติดอย่างหวงกุ้ยเฟยก็มีแผนการ ทำเรื่องชั่วร้ายลอบทำร้ายทายาทมังกรด้วย”
หวงกุ้ยเฟยตกใจ เงยหน้าขึ้นพลัน เห็นเพียงฮ่องเต้หมิงหยวนยืนอยู่ด้านล่างระเบียงทางเดินด้วยสีหน้าเย็นแข็ง นอกจากโทสะในดวงตาแล้วยังมีความผิดหวังและเหลือเชื่ออยู่
หวงกุ้ยเฟยหดศีรษะ “ฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนสาวเท้ายาวมาพร้อมกับความเดือดดาล มือใหญ่จับข้อมือของหวงกุ้ยเฟย ไฟพิโรธในดวงตาแทบแผดเผาหวงกุ้ยเฟยเป็นเถ้าถ่าน น้ำเสียงเย็นชา “เสียแรงที่นางเชื่อใจเจ้า พึ่งพาเจ้าเช่นนี้ เจ้ากลับรังแกนาง เห็นว่านางใสซื่อหลอกง่าย? พูด เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่? เหตุใดต้องทำร้ายนาง?”
ดวงตาหวงกุ้ยเฟยเกิดไอหมอกขึ้นทันที แต่กลับแข็งใจไม่หลั่งน้ำตา เอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบาท ทรงถึงกับคิดเช่นนี้กับหม่อมฉันหรือเพคะ? หม่อมฉันไม่คิดทำร้ายนาง”
“ในเมื่อไม่คิดทำร้ายนาง แล้วไยไม่ให้หมอหลวงเสนอเรื่องเชิญพระชายารัชทายาทมา?” ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวเช่นนั้นแล้ว จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ ปล่อยหวงกุ้ยเฟยแล้วหันไปจ้องหมอหลวงที่ตกใจจนหน้าซีดขาว “ครรภ์ของฮู่เฟยเป็นอย่างไร?”
หมอหลวงถลาลงไปคุกเข่า เอ่ยเสียงสั่น “ฝ่าบาท พระครรภ์ของท่านหญิง บางทีอาจรักษาไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่…การกระแทกขององค์ชายสิบครั้งนี้ ทำให้พระครรภ์ที่ผิดปกติมากกว่าเดิม หากมีพระโลหิตออก เกรงว่า…จะรักษาไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
“สารเลว!” ฮ่องเต้หมิงหยวนพิโรธหนัก “เหตุใดไม่บอกแต่แรก? หากฮู่เฟยเป็นอะไรไป ข้าจะกุดหัวพวกเจ้า”
เขาหมุนตัวแล้วออกคำสั่งด้วยโทสะ “เด็กๆ รีบไปเชิญพระชายารัชทายาทมา!”
หวงกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้นพลัน “ช้าก่อน!”
“เจ้า…!” ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดว่าถึงว่านางจะถูกมองออกแล้วยังกล้าขัดขวางอีก ความเดือดดาลรั้งไม่อยู่ ฝ่ามือหนึ่งสะบัดใส่หน้าหวงกุ้ยเฟย “เจ้ามันหญิงอำมหิต!”
หวงกุ้ยเฟยเอียงศีรษะ ฝีเท้าเกือบเซ นางกำนัลข้างตัวรีบประคองไว้ถึงไม่ทำให้นางล้มลงไปกับพื้น แต่กลับทำให้ขวัญคนหน้าตำหนักกระเจิง
หวงกุ้ยเฟยยื่นมือกดปิ่นปักผมที่ล้มเอียง เงยหน้ามองฮ่องเต้หมิงหยวนตรง ดวงตามีไฟโทสะที่ไม่แยแสสิ่งใด “เช่นนั้นหม่อมฉันที่เป็นหญิงอำมหิตก็จะขอทูลฝ่าบาทว่าเหตุใดจึงเชิญพระชายารัชทายาทไม่ได้ ประการแรก อาการของท่านโสวฝู่ยังวิกฤต ไม่อาจห่างจากนางได้ หากระหว่างที่พระชายารัชทายาทจากมาแล้วท่านโสวฝู่เกิดเรื่อง องค์ไท่ซ่างหวงจะทรงรับความสะเทือนใจนี้ไม่ได้ ประการที่สอง ฝ่าบาททรงรับประกันได้หรือไม่เพคะ หากพระชายารัชทายาทมาแล้วครรภ์ของฮู่เฟยก็ยังรักษาไว้ไม่ได้ จะมิพานกริ้วนาง?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจ้องนาง “ยังกล้าแก้ตัวอีก? ในสายตาเจ้า ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ? หากพระชายารัชทายาทหมดหนทางจริง ข้าหรือจะพานโกรธนาง? ข้าเคยพานโกรธนางเมื่อใด?”
“หากเป็นคนอื่นบางทีอาจไม่ แต่หากฮู่เฟยเกิดเรื่องต้องทรงเป็นเช่นนั้นแน่เพคะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฮู่เฟยและเจ้าสิบน้อย ทรงไม่เห็นแก่หน้าตาหรือสายใย” หวงกุ้ยเฟยถอยหลังหนึ่งก้าว ดวงตานิ่ง “หม่อมฉันอยู่วังหลังมาหลายปี โดดเดี่ยวตัวลำพัง ฝ่าบาทเหมือนโปรดปราน แต่ก็เพียงสนทนาด้วยไม่กี่คำเท่านั้น หม่อมฉันเหมือนดั่งคนตาย มีชีวิตอยู่ในวังหลังนี้ รอคอยว่าเมื่อใดฝ่าบาทจะเสด็จมา แต่พอรัชทายาทได้มาอยู่กับหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงได้มีลูก มีสะใภ้ ชีวิตถึงมีความหวัง ดังนั้นหม่อมฉันยอมแลกกับทุกอย่างเพื่อปกป้องพระชายารัชทายาทไว้เพคะ”