บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1341 ข่มขู่ก็ถือเป็นการแนะนำ (เนื้อหาหายไป1ท่อน)
บทที่ 1341 ข่มขู่ก็ถือเป็นการแนะนำ
ฮ่องเต้หมิงหยวนฟังจนเหงื่อซึมไหลลงอยู่อย่างเยือกเย็น เขาอยากพูดชี้แจง แต่กลับพบว่าไม่สามารถพูดชี้แจงได้
อ๋องชินเฟิงอันพูดต่อไปว่า “แต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท เจ้าไม่ทดสอบความสามารถของว่าที่กษัตริย์ เห็นความชอบความรักอย่างลำเอียงเป็นหลัก ยกย่องคนประจบสอพลอ คนที่ไม่เชื่อฟัง ไม่นำมาพิจารณาเลยสักนิด จนเกิดการแย่งชิงกันอยู่เนิ่นนาน ทำลายประเทศให้สั่นคลอน สุดท้ายกลายเป็นข่าวอื้อฉาวที่โจษจันกันไปทั้งเมือง จนถึงแต่งตั้งหยู่เหวินเห้าเป็นองค์ชายรัชทายาท ในใจเจ้าไม่พอใจ กลัวมาตลอดว่าจะเป็นการกระทำที่ผิด ยอมตามใจหยู่เหวินอันครั้งแล้วครั้งเล่า หากไม่ใช่เพราะองค์ชายรัชทายาทยับยั้ง จนถึงตอนนี้ความทะเยอทะยานของหยู่เหวินอันไม่เคยหยุด ยังมีเรื่องเขาโรคเรื้อนอีก ตอนนั้นสภาวะในประเทศย่ำแย่มาก ชายแดนถูกก่อกวนหลายครั้ง เซียนเปยกับเป่ยโม่จ้องตาเป็นมัน คนมีฝีมือส่วนใหญ่ในประเทศล้วนถูกย้ายไปประจำที่ชายแดน รอเมื่อเจ้าขึ้นครองราชย์ เดิมสามารถจัดการดูแลการดำรงชีวิตของผู้คนภายในประเทศ ปฏิรูปการรักษาทางการแพทย์ การศึกษา แต่เจ้าไม่ทำสักอย่าง ยังคงทำตามแบบที่พ่อของเจ้าเคยทำอย่างไม่มีทางเลือกในตอนนั้น จนเมื่อพระชายารัชทายาทรักษาโรคเรื้อนหายได้ เจ้ารู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว ถึงค่อยตั้งใจปฏิรูป หลายปีมานี้ เจ้าไม่ได้ทำผิด แต่เจ้าก็ไม่มีคุณความดี ก่อนหน้านี้ตอนที่จะนำกำลังไปรบเป่ยโม่ เจ้ายังบ่ายเบี่ยงหลายครั้ง ทำให้พลาดเวลาที่เหมาะสมที่สุด โชคดีที่องค์ชายรัชทายาทไม่เชื่อฟังเจ้า แอบเอาอาวุธเข้ามา ไม่เช่นนั้น พระราชวังเป่ยถังในตอนนี้ เลือดของคงนองกลายเป็นแม่น้ำแต่แรกแล้ว ยังจะมีเจ้านั่งอยู่บนบัลลังก์ แล้วสั่งเหล่าขุนนางอย่างในวันนี้หรือ?”
“ส่วนตัวเจ้าพูดเอง อย่างมากที่สุดคงพูดได้เพียงว่าปีหลังขึ้นครองราชย์ เจ้าไปเยี่ยมพื้นที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วม ไม่ได้หลับไม่ได้นอนสามวันสามคืน เรื่องนี้เจ้าถูกยกย่องชื่นชมเป็นเวลาหนึ่งปี มีคนพูดถึงเจ้าว่าเป็นกษัตริย์ที่ชาญฉลาดตลอดทั้งปี แต่จนถึงตอนนี้ เจ้าก็ไม่เคยมีพระราชโองการสร้างเขื่อน ภัยอันตรายจึงยังคงมีอยู่”
“หลายปีมานี้ เจ้าสามารถอยู่รอดมาได้อย่างสบาย ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าโชคดี แต่เพราะมีฉู่เสี่ยวอู่ หลังจากพ่อของเจ้าสละบัลลังก์ เดิมฉู่เสี่ยวอู่ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งโสวฝู่ เพื่อสนับสนุน สุขภาพร่างกายของเขาย่ำแย่ แต่ก็ยังคงรับตำแหน่งโสวฝู่ แต่เจ้ากลับทำให้เขาลำบากใจ หลายปีมานี้ แค่ช่วยตามแก้ปัญหาให้เจ้า ก็สูญสิ้นกำลังทั้งหมดของเขาแล้ว ช่วยเจ้าฟื้นฟูด้านการเกษตร กดดันการค้าขาย เกษตรกรใดๆ ล้วนได้รับการยกย่อง เพื่อเพิ่มจำนวนคนทำการเกษตร ฟื้นฟูพื้นที่รกร้าง เจ้านิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นนักโทษประหารหรือนักโทษเนรเทศ เจ้าล้วนส่งไปยังพื้นที่บุกเบิก เมื่อบุกเบิกได้สามปี ก็ยกโทษให้เขาและออกหนังสือรับรองการเป็นพลเมืองดี นำไปสู่การฆาตกรรมในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นทุกปี โสวฝู่เดินทางไปทุกเมือง สั่งการให้ที่ทำการปกครองแต่ละเมืองตั้งทีมปราบสังหารขึ้นเป็นพิเศษ จนเกือบเหนื่อยตายระหว่างทาง และเรื่องประมาณนี้ยังมีอีกมากมาย ยกตัวอย่างไม่หวาดไม่ไหว เจ้ายังมีหน้าพูดว่าเจ้ามีคุณความดี เป็นกษัตริย์ที่ดีหรือ? เจ้าอย่าเถียงว่าตอนสมัยเสด็จพ่อของเจ้าก็เคยทำเช่นนี้ เพราะตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือก ทำการศึกสู้รบหลายปีขนาดนั้น ประเทศชาติอ่อนแอ ไม่มีคนแล้ว จึงทำได้เพียงเช่นนี้ แต่เจ้าไม่มีความจำเป็น ตอนที่เขาสละบัลลังก์ ได้จัดการสิ่งกีดขวางส่วนใหญ่ให้เจ้าแล้ว”
สีหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนซึมเศร้า เขาไม่สามารถเถียงอ๋องชินเฟิงอันได้ เขาไม่ใช่กษัตริย์ที่ดีจริงๆ
เขาทำในสิ่งที่เขาคิดว่าควรทำ ส่วนที่ไม่รีบร้อนขนาดนั้น เพราะความแข็งแกร่งของประเทศไม่อำนวย เขาเองก็ไม่มีปัญญานี่
ในใจของเขาประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ได้ยินอ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า “เวลาภายในยี่สิบปี ไม่ใช่ล้วนให้เจ้าพัฒนา ยี่สิบปีนี้ ยังจะมีปัญหาต่างๆมากมายอย่างไม่หยุด ปัญหาภายในประเทศ ความกระทบกระทั่งบางอย่างระหว่างประเทศรอบด้าน ดังนั้น จะเหนื่อยหน่ายไม่ได้ หย่อนยานไม่ได้ ล่าช้าไม่ได้ การเป็นฮ่องเต้ การไม่มีคุณความดีก็คือความล้มเหลว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนนิ่งอึ้งมองดูเขา เขามาเพื่อชิงบัลลังก์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงสั่งสอนเขาขึ้นมาล่ะ?
องชินเฟิงอันก็มองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้น เจ้ายอมรับว่าเจ้าเลอะเลือนไหม? เมื่อกี้ข้าถามเจ้า ทำไมหลายปีมานี้ข้าถึงไม่มา ตอนนี้กลับมา? เจ้าไม่คิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นด้วยซ้ำ คิดเพียงว่าข้าอยากได้ตำแหน่งฮ่องเต้ของเจ้า โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เรื่องทุกอย่างมากมาย ล้วนไม่ได้มีเพียงสาเหตุเดียว หากความคิดของเจ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง ปิดกั้นตนเอง ไม่เปิดรับสิ่งอื่น ไม่ไปคิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่น เป่ยถังก็จะเป็นเหมือนเจ้า อยู่กับที่ไม่พัฒนาไปตลอด”
“ดังนั้น เจ้าไม่ได้มาเพื่อแย่งชิงบัลลังก์?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามขึ้น
เขาตบบ่าฮ่องเต้หมิงหยวน พร้อมพูดขึ้นว่า “สำหรับประเทศหนึ่งประเทศ วิกฤตย่อมมีอยู่เสมอ ครุ่นคิดดูดีๆ อยากเอาแต่พูดว่าตนเองไม่ผิด แต่งตั้งเจ้าเป็นฮ่องเต้ตั้งแต่แรก รู้ว่าเจ้าไร้ความสามารถ เสด็จพ่อของเจ้า ทุ่มเทสติปัญญา พยายามวางแผนเพื่อเจ้าอย่างสุดความสามารถ หลายปีมานี้ ถึงแม้จะไม่พอใจ ก็ไม่ก้าวก่ายเจ้าจนเกินไป กลัวจะส่งผลกระทบต่ออำนาจที่เจ้าเป็นฮ่องเต้ วิตกกังวลจนไม่สามารถเป็นฮ่องเต้ที่ดี คอยสนับสนุนเจ้าด้วยร่างกายที่แก่เฒ่า คอยเป็นทัพหลังให้กับเจ้า ตอนนี้ดูเหมือนขัดแย้งกับเจ้าเพื่อองค์ชายรัชทายาท แต่ความจริงแล้ว องค์ชายรัชทายาทเป็นคนที่เขาเลือก เพื่อเป็นแสงสว่างให้กับเจ้า เขากลัวว่าหากตนเองไม่อยู่แล้ว เจ้าก็มีใจระแวดระวังองค์ชายรัชทายาท งั้นอนาคตของเป่ยถัง เขาสามารถมองเห็นก่อนแล้ว เจ้าจะต้องรับประกันว่าเจ้าเชื่อมั่นในตัวองค์ชายรัชทายาท จะต้องทำได้อย่างยุติธรรมที่สุด ไม่เป็นเพราะอ๋องชินหรือโอรสองค์อื่น แล้วส่งผลกระทบคุกคามสถานภาพของประเทศ เขาถึงจะวางใจ เขาไม่ได้ลำเอียงหรือต้องการแย่งชิงเพื่อองค์ชายรัชทายาท เขากลัวเมื่อเจ้าโกรธ เมื่อเจ้ามีความรักที่ลำเอียง แล้วส่งผลกระทบทำลายความสามัคคีระหว่างพี่น้อง ทำลายแผนการที่เขาวางแผนมาหลายสิบปี ทำลายแผ่นดินเป่ยถัง”
อ๋องชินเฟิงอันเงียบไปสักพัก เงยหัวขึ้น สายตาเยือกเย็นเหมือนดั่งไฟ พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าทำเช่นนี้ ข้าจะกลับมาอีก ทำตามพระประสงค์ของฮ่องเต้เซี่ยน ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ เจ้าระวังตัวให้ดี”