บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1349 นั่นคือหายนะจริงๆ
ไท่ซ่างหวงชอบมาคุยกับท่านย่าหยวน เขาบอกหยวนชิงหลิงว่า ฮูหยินที่มาจากแคว้นต้าซิงคนนี้ มีความรอบรู้ พูดจาอ่อนโยน เวลาได้คุยกับนางเป็นเหมือนดั่งลมฤดูใบไม้ผลิโอบกอดหัวใจ สบายอย่างมาก
หยวนชิงหลิงได้ฟังเช่นนี้ แล้วก็มองดูใบหน้าที่ตึงเครียดตลอดทั้งปีจนมองเห็นเส้นเอ็นนูนของไท่ซ่างหวง พร้อมพูดขึ้นว่า “ลมฤดูใบไม้ผลิโอบกอดหัวใจ?”
ไท่ซ่างหวงเผยรอยยิ้มอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่”
เขากับหยู่เหวินเห้าทั้งสองต่างขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกไม่คุ้นเคยยิ่งนัก ตอนนี้หยู่เหวินเห้าพูดจาอยู่ที่บ้าน ก็พูดอย่างอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย
นางพูดขึ้นว่า “คนแก่มีเพื่อนสักคน ก็ถือเป็นเรื่องดี”
ท่านย่าก็ควรมีเพื่อนเป็นของตนเอง มีสังคมของตนเอง
แต่ต่อมาคำถามของไท่ซ่างหวง กลับทำให้หยวนชิงหลิงค่อนข้างขนลุก เขาถามว่า “เจ้ารู้ไหมว่าฮูหยินใหญ่ชื่ออะไร?”
“ชื่อ….อะไร?” หยวนชิงหลิงแทบสั่นไปทั้งตัว
“ก็แค่ชื่อ ข้าจะเรียกนางว่าฮูหยินใหญ่ไปตลอดก็ไม่ดี คำเรียกแบบนี้ทำให้นางแลดูแก่”
“นางแก่แล้วจริง อย่างน้อยก็แก่กว่าท่าน” หยวนชิงหลิงมองดูเขา บาปหนายิ่งนัก นี่เกิดอะไรขึ้น?
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “แก่ตรงไหน? นางดูไม่แก่ ดูแล้วก็เป็นเหมือนดั่งน้องสาวของข้า”
หยวนชิงหลิงอยาเป็นลม
“นางชื่ออะไร?” ไท่ซ่างหวงยังถามขึ้นอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงหัวรั้น ปลอมชื่อภาษาอังกฤษขึ้นมาว่า “นางชื่อจูดี้”
ไม่รู้ทำไม ไม่อยากบอกชื่อท่านยายให้เขารู้
“จูตี้(ภาษาจีนออกเสียงคล้ายกับน้องหมู)? จูตี้? ทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้?” ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้ว แล้วก็หันไปครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นอย่างชื่นชมว่า “ช่างเป็นชื่อที่อ่อนน้อมถ่อมตน ความหมายว่ามีภูมิปัญญาอันยิ่งใหญ่ ใช่ความหมายเช่นนี้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงเม้มริมฝีปาก ไม่อยากที่จะตอบคำถามนี้
ไท่ซ่างหวงที่ได้รู้ชื่อของท่านย่าหยวน ก็ดีใจอยู่คนเดียวสักพัก แล้วก็ถามขึ้นว่า “เจ้ารู้ไหมว่านางยังไม่เคยแต่งงาน หรือสามีเสียชีวิตไปแล้ว?”
หยวนชิงหลิงอดทนไม่ไหว เบิกตาโตพร้อมถามเขาว่า “ท่านอยากทำอะไร?”
ไท่ซ่างหวงมองตาสายตาของนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เจ้าจะเบิกตาโตใส่ข้าทำไม? ข้าคิดจะทำอะไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า? จะยุ่งมากขนาดนั้นทำไม? ถามเจ้าเจ้าก็แค่ตอบ”
“ท่าน…” หยวนชิงหลิงเสียงอ่อน กลัวว่าท่านย่าจะมาได้ยินพวกเขาคุยกัน ท่านย่ากำลังต้มยาอยู่ในห้องครัว ดูเวลาก็น่าจะต้มเสร็จแล้ว จึงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “สามีของนางตายแล้ว แต่นางรักสามีที่ตายไปแล้วอย่างมาก ท่านไม่มีโอกาสแน่นอน”
ไท่ซ่างหวงเอาแท่งบุหรี่ตีแขนของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “โอกาสอะไร? คิดอะไรอยู่? ข้าควรที่จะรู้ว่าตระกูลสามีของนางชื่ออะไรไม่ใช่หรือ? จะให้เรียกคนอื่นว่าจูตี้แบบนี้หรือ? ไม่น่าฟังเลย เดิมตอนที่นางมา พวกเจ้าบอกว่านางแซ่หยวน ข้ารู้ว่าเพราะเพื่อความสะดวกของเจ้า คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่านางมาจากแคว้นต้าซิง ข้าสงสัยว่า นางเกี่ยวข้องกับหลินไห่ไห่ของแคว้นต้าซิง นั้นจึงต้องปิดบังสถานะไว้ แต่ข้าจะไม่พูดไปเรื่อย ตระกูลสามีของนางคือตระกูลหยางใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงค่อนข้างลำบากใจ นึกว่าไท่ซ่างหวงอยากจะจีบท่านย่า
“ตระกูลหยาง?”
“ราชวงศ์แคว้นต้าซิง นามสกุลหยางไง” ตาเฒ่าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ตระกูลสามีของนางแซ่หยวนจริงๆ”
ไท่ซ่างหวงอืมหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าดูลักษณะท่าทีของนาง คิดว่าน่าจะเป็นคนมาจากตระกูลผู้ดี ยังคิดว่าเป็นคนราชวงศ์ ในแคว้นต้าซิง ตระกูลแซ่หยวน ข้าคิดไม่ออกว่าเป็นใคร สามีของนางเป็นแม่ทัพหรือขุนนางในราชสักนัก? ตระกูลมีตำแหน่งอะไร?”
ถามจนหยวนชิงหลิงเหงื่อแตก จึงพูดขึ้นอย่างล้อเล่นว่า “เสด็จปู่ ท่านกำลังสืบประวัติหรือ? ข้าจะไปรู้เรื่องคนอื่นเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร? พวกเราไม่ใช่ญาติกันเสียหน่อย”
ไท่ซ่างหวงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่ามาพูด เจ้ากับนางคล้ายคลึงกันอย่างมาก โดยเฉพาะจมูก จมูกโด่งเหมือนกัน ใบหน้ามน เหมือนกันมาก”
ในใจหยวนชิงหลิงรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พูดอะไรไม่ออก ค่อนข้างซับซ้อน และก็ค่อนข้างสับสน
ตอนที่ออกมาจากพระที่นั่ง นางพูดคุยกับท่านย่าบนรถม้า แล้วก็ทำเป็นถามขึ้นมาว่า “ใช่ ข้าเห็นท่านคุยกับเสด็จปู่อย่างเข้ากันได้ดี ท่าน…. คิดว่าเสด็จปู่เป็นคนยังไง? พอเป็นเพื่อนกันได้ไหม?”
ท่านย่ายิ้มหัวเราะ จับมือของนางพร้อมพูดขึ้นว่า “หลานสาว เจ้าอยากถามอะไร?”
“ก็แค่คุยกันเฉยๆ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างกลบเกลื่อน
สายตาของท่านย่าฉายแววเฉลียวฉลาด อมยิ้มมองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? ก่อนหน้านี้เจ้าคะยั้นคะยอให้ข้าหาคู่สักคนไม่ใช่หรือ? หรือแค่พูดไปเรื่อย?”
หยวนชิงหลิงทำเป็นหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “จะพูดไปเรื่อยได้อย่างไรล่ะ? เจ้าหาตาเฒ่าคนหนึ่งมาเป็นคู่ครอง ข้าสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง”
“แต่จะต้องไม่ใช่ไท่ซ่างหวง ใช่ไหม?” ท่านย่าถามขึ้น
หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง ทำไมถึงเป็นไท่ซ่างหวงไม่ได้? ที่จริงนางก็ไม่เข้าใจ ความรู้สึกที่สับสนของตนเองนี้มาจากไหน เพียงแต่ในใจค่อนข้างกระสับกระส่ายจริงๆ
ท่านย่ามองดูนาง หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “แค่ล้อเจ้าเล่น ข้ากับไท่ซ่างหวงพอคุยกันได้ เจ้าเฒ่าคนนี้เจ้าอย่าเห็นว่าเขาพูดจาแข็งกระด้าง แต่เข้าใจอะไรเยอะแยะ รู้จักสังเกตคนอื่นรอบข้าง และเขาก็ไม่แข็งทื่อเหมือนพวกหมอหลวงพวกนั้น บางครั้งยังรู้จักหยอกล้อให้คนอื่นสบายใจ หากเป็นเพื่อนกัน ก็ถือว่าไม่เลว”
หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เขารู้จักพูดล้อเล่น? ล้อเล่นอย่างไรหรือ?”
ท่านย่าหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนที่มา ข้าให้ใบสั่งยาบำรุงร่างกายให้กับเขา มีสรรพคุณช่วยลดความดัน ยาในนั้นค่อนข้างขม เขาก็พูดเล่นว่า หลังจากข้ากลับไปแล้ว เขาก็จะสั่งคนเอายาทั้งหมดให้ต่อฝู๋กิน เจ้าว่าน่าขำไหม?”
หยวนชิงหลิงโกรธจัด เขาล้อเล่นเสียที่ไหน? เขาจะทำเช่นนี้แน่
เมื่อกลับมาถึงจวน รอตอนค่ำเจ้าห้ากลับมาจากจวนราชครูเหว่ย นางก็ดึงเจ้าห้ามาคุย เล่าเรื่องที่เป็นกังวลในวันนี้ให้เขาฟัง
หลังจากเจ้าห้าฟังแล้ว ก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นจะได้ยังไง? ต่อให้ไท่ซ่างหวงจะหาคู่จริงๆ ก็ไม่ควรเป็นท่านย่า”
“ไม่ได้บอกว่าจะหา วันนี้ข้าก็แค่เห็นว่าพวกเขาพูดคุยกันถูกคอ จึงคิดว่าไท่ซ่างหวงมีความคิดเช่นนี้หรือเปล่า?”
“มีความคิดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้” หยู่เหวินเห้าโบกมือ โบกมืออย่างไม่หยุดพร้อมพูดขึ้นว่า “น่าจะเป็นไปไม่ได้ เจ้าวางใจเถอะ”
หยวนชิงหลิงเห็นเขาค่อนข้างต่อต้าน จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “หากเป็นความจริง เจ้าจะคัดค้านใช่ไหม?”
“คัดค้านแน่นอนอยู่แล้ว นี่จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ?” หยู่เหวินเห้าไม่แม้แต่จะคิด พูดขึ้นมาทันที
“ทำไม?” หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมถามขึ้น
“ทำไม?” หยู่เหวินเห้าเองก็อึ้งไป คิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “ท่านย่าเป็นย่าของเจ้า และเขาก็เป็นเสด็จปู่ของข้า แบบนี้ไม่ถูก แต่เจ้าถามว่าไม่ถูกตรงไหน ข้าก็คิดไม่ออก แต่ข้ารู้สึกแปลกๆ”
ทั้งสองคนต่างมองหน้ากัน
สักพัก หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “หากพวกเขาสองคนทะเลาะกัน เราจะช่วยใคร?”
ในความคิดแบบนี้ ที่จริงหยวนชิงหลิงก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมตนเองถึงรู้สึกสับสน ถึงขั้นคัดค้านขึ้นมาด้วยสัญชาตญาณ
เพราะทั้งสองคนต่างก็เป็นคนที่นางรักมากที่สุด ตอนนี้พวกเขาคุยกันถูกคอ แต่ยังไงความคิดเห็นก็จะต้องขัดแย้งกันอย่างมาก พวกเขาห่างกันหลายชั่วยุคสมัยมาก มีช่องว่างในการพูดคุยกัน เมื่อทะเลาะเกิดปัญหากันขึ้นมา ก็จะเป็นการทำลายบรรยากาศที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ท่านย่าเป็นคนมีหลักการ ความอ่อนโยนของท่านย่ามีให้กับนางเท่านั้น บนเรื่องต่างๆมากมาย จะมีหลักการอย่างเข้มงวด อย่างไม่ยอมแพ้ ไท่ซ่างหวงกลับดูเหมือนเป็นคนเอาใจใครไม่ค่อยเป็น และเป็นผู้ชายมีนิสัยตรงไปตรงมา เจอแข็งก็ยิ่งแข็ง ไม่ยอมอ่อนข้อ
คนแบบนี้เป็นเพื่อนเหมาะสมที่สุด แต่หากกลายเป็นความสัมพันธ์แบบนั้น อาจจะเป็นหายนะจริงๆ