บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1353 มีขุนนางฆ่าตัวตาย (เนื้อหาหายไป1ท่อน)
หยวนชิงหลิงวางเครื่องฟังลง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่รอง เจ้าบอกมาเถอะ ทานอาหารไม่ลงหรือ?”
“ทานอาหารอร่อยดี กินได้ทุกอย่าง” อ๋องซุนจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “สิ่งของนี้ของเจ้า ฟังได้ความว่าเป็นโรคอะไรไหม?”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ฟังไม่รู้ เจ้าต้องบอกว่าไม่สบายตรงไหน”
อ๋องซุนแลดูผิดหวังมาก ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นช่างเถอะ ไม่ตรวจแล้ว ป่วยตายไปเสียอย่างนี้แหละ”
พูดเสร็จ ลุกขึ้นมาแล้วก็จะจากไป
หยวนชิงหลิงเรียกเขาพร้อมถามขึ้นว่า “พี่รอง เจ้าไม่สบายตรงไหนกันแน่? มีอะไรที่พูดไม่ได้หรือ?”
“ไม่พูด ไม่พูด เจ้ายังตรวจชีพจรวินิจฉัยไม่ได้ จะให้พูดอย่างไร?” พูดเสร็จ แล้วก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
มาอย่างน่าสงสัย ไปอย่างยิ่งน่าสงสัย หยวนชิงหลิงมองดูเขาก้าวเท้ายาวๆเดินออกไป ทังหยางที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินทั้งสองคนคุยกัน รู้สึกมึนงงยิ่งนึก พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูท่าทีท่านอ๋อง ก็ไม่เหมือนคนป่วยหนักนะ”
“ไม่รู้เขาเป็นอะไร พรุ่งนี้ข้าค่อยไปถามพระชายาซุน” หยวนชิงหลิงก็งุนงง
“แต่เมื่อกี้ตอนที่ท่านอ๋องมา ก็ถามว่าพระชายาซุนอยู่ไหม ข้าสงสัยว่าพระชายาซุนก็ไม่น่าจะรู้” ทังหยางพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างน่าแปลกยิ่งนัก ถามว่าเขาไม่สบายตรงไหน เขาก็ไม่ยอมพูด สั่งให้ข้าตรวจจับชีพจร เห็นข้าเป็นหมอเทวดาจริงๆหรือ ไม่สบายตรงไหน พูดไม่ได้หรือ?”
ทังหยางนิ่งอึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่….หรือว่าจะไม่สบายตรงส่วนที่ลับ?”
หยวนชิงหลิงอืมหนึ่งคำ แล้วหวนคิดถึงท่าทีเมื่อกี้ของอ๋องซุน ซึ่งก็มีความเป็นไปได้เช่นนี้จริง
(เนื้อหาหายไป1ท่อน)
พระชายาซุนกลอกตามองบน พร้อมพูดขึ้นว่า “ปกติไม่ปกติอะไร? เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว เดือนหนึ่ง มีสักครั้งมั้ง”
แล้วนางก็ถามขึ้นว่า “ทำไมถึงถามเช่นนี้? เขาบอกอะไรเจ้าหรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเห็นเขามาให้ข้าตรวจ กลับไม่ยอมพูดว่าตนเองไม่สบายตรงไหน ข้าก็เลยเดาว่า ตรงนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า เขาอยากรักษาแต่ไม่กล้าพูดออกมา”
พระชายาซุนพูดขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูกว่า “เรื่องนี้รักษาหรือไม่รักษาสำคัญยังไง? เป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้ว รักษาหายแล้วกลับจะไปเถลไถล ไม่รักษายังจะดีกว่า ไม่ต้องสนใจเขา”
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินหยวนชิงหลิงพูดว่า พี่รองไม่มีชายารองมาตลอด เพราะสมรรถภาพทางด้านนั้นค่อนข้างอ่อน นั่นก็หมายความว่า เป็นแบบนี้มานานแล้ว ทำไมจู่ๆตอนนี้ถึงอยากรักษาขึ้นมาล่ะ? หรือว่าไปชอบผู้หญิงคนไหนหรือเปล่า?
ที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ในวางการราชการ คนที่รู้จักไปมาหาสู่ก็น้อย รู้จักแต่การกินดื่ม แต่ตอนนี้เห็นความสำคัญทางด้านนั้น บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้
นี่เป็นเพียงการคาดเดาของหยวนชิงหลิง นางไม่ได้พูดกับพระชายาซุน แค่ให้นางกลับไม่ถาม ดูว่าไม่สบายตรงไหน จะได้รักษาโดยเร็ว
พระชายาซุนไม่ส่งข่าวอะไรมาหลายวัน อ๋องซุนก็ไม่มาอีก หยวนชิงหลิงจึงไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจ
กลับคิดไม่ถึงว่าผ่านไปสองวัน ได้ยินทังหยางมาบอกว่า ที่ศาสหงหรูมีขุนนางคนหนึ่งแขวนคอตายอยู่ในบ้าน
หยวนชิงหลิงตกใจอย่างมาก รีบถามว่าฆ่าตัวตายด้วยเรื่องอะไร
ทังหยางส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ กรมการพระนครกำลังสืบสวนแล้ว”
“ขุนนางคนนี้ ดำรงตำแหน่งอะไรในศาสหงหรู?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“เซ่าชิง ขุนนางขั้นสามเลยนะ ดังนั้นกรมการพระนครจึงให้ความสำคัญ ฮ่องเต้ก็มีพระราชโองการลงมา ให้กรมการพระนครสืบสวน ทางด้านศาสหงหรูก็ต้องให้ความร่วมมือในการสืบสวน”
ขุนนางขั้นสาม อยู่ดีๆก็แขวนคอตายอยู่ในบ้าน ช่างน่าแปลกยิ่งนัก
ผลการสืบสวน ไม่นานก็รู้แล้ว แต่ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ทังหยางไปสืบมาบอกหยวนชิงหลิงว่า “กรมการพระนครสืบผลออกมาว่า ใต้เท้าเซ่าชิงคนนี้ป่วยเป็นกามโรค”
หยวนชิงหลิงอ้าปากค้าง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไรนะ?”
แล้วก็คิดถึงก่อนหน้านี้อ๋องซุนมาให้นางตรวจอย่างลับๆล่อๆ เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมบอกว่าป่วยเป็นอะไร หรือว่า…..
ในใจนางรู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ เรื่องที่เซ่าชิงคนนี้ป่วยเป็นโรคอะไร ยังไงพี่รองก็ต้องรู้ ดังนั้นจึงสงสัยว่าตนเองป่วย เขาคิดว่าตนเองป่วย แสดงว่า….
ด้วยนิสัยของพี่รอง คงไม่ทำอะไรไปเรื่อยข้างนอกมั้ง?
“พระชายารัชทายาท อ๋องซุน…..ป่วยเป็นโรคนี้หรือเปล่า?” ทังหยางก็คิดเช่นนี้ หลังจากลังเลสักพัก แล้วก็ถามหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยท่าทีหนักใจว่า “ข้าก็ไม่รู้ เรื่องนี้ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ความจริง ข้าก็ไม่สามารถตามพระชายาซุนมาถาม เอาอย่างนี้ เจ้าไปบอกอ๋องฉี ให้เขาไปแอบถามอ๋องซุน ดีที่สุดให้ถามตอนดื่มเหล้า หากป่วยเป็นโรคแบบนั้นจริง ต้องรักษาโดยเร็ว”
“ขอรับ งั้นกระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้” ทังหยางพูดเสร็จ แล้วก็รีบเดินทางไปทันที
หยวนชิงหลิงค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา โรคแบบนี้ ในราชสมัยนี้ถือเป็นโรคบาปหนัก ขุนนางห้ามป่วยเป็นโรคนี้เด็ดขาด เพราะที่จริง ราชสำนักมีกฎบัญญัติ ห้ามขุนนางไปเที่ยวโรงนางโลมหรือโรงโสเภณี
โรงนางโลมยังดีหน่อย โรงนางโลมมากมายที่จริงไม่ได้ขายตัว เป็นการขายศิลปะความสามารถมากกว่า แต่ก็ยังมีสถานที่ต่ำตม ทำธุรกิจขายตัว แต่ปกติพวกขุนนางจะไม่ไปที่แบบนั้น ต่อให้อยากทำแบบนั้น ก็ต้องหาหอนางโลมรับรอง งั้นความเป็นได้ที่สุดก็คือ คนในหอนางโลมรับรองติดโรคนี้ จากนั้นก็ติดต่อกัน
หอนางโลมรับรองล้วนอยู่แต่ในสถานที่จำกัด ปกติพวกขุนนางจัดงานเลี้ยงกัน ก็จะตามหอนางโลมมารับรองปรนนิบัติหลายคน แน่นอน เมื่อคึกคักขึ้นมา เรื่องอย่างว่าก็สามารถทำได้
ปกติศาสหงหรูมีงานเลี้ยงเยอะมาก เคยได้ยินเจ้าห้าพูดว่า ศาสหงหรูตามหอนางโลมรับรองไปดูแลแขกบ่อยๆ งั้นพี่รองจะเกิดห้ามใจไม่ไหวขึ้นมาหรือเปล่า?