บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1569 เจ้าห้าก็รู้
รอให้สวีอีไล่เหล่าพ่อครัวไปแล้ว หยวนชิงหลิงให้เขาเข้ามาช่วยในครัว ถามว่า ทำไมเจ้าถึงเข้าวังมาทำงานช่วงกลางคืน อะซี่เห็นด้วยหรือ นางอยู่บ้านเลี้ยงลูกสองคน ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร
ท้องที่สองเพิ่งจะคลอดได้ไม่นาน เป็นช่วงเวลาที่บ้านต้องการคนช่วยมากที่สุด
สวีอีพูดว่า นางเห็นด้วย นี่ก็มีลูกสองคนแล้ว ค่าใช้จ่ายในบ้านเยอะมาก ทำงานช่วงกลางคืนจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง และการทำงานในวังหลัง เจ้านายก็มีเงินรางวัลให้ ในหนึ่งปีสามารถหาเงินได้ไม่น้อยทีเดียว
เจ้าขาดเงินหรือ อย่างน้อยตอนนี้เจ้าก็เป็นถึงขุนนางที่ราชสำนักแต่งตั้งขึ้น หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก เงินรางวัลจากเจ้านายอะไรกัน เจ้านายในวังหลังอย่างเป็นทางการก็มีแค่นางคนเดียวเท่านั้น นี่ไม่เท่ากับว่ากำลังหมายปองเงินของนางหรอกหรือ
ขาดพ่ะย่ะค่ะ งานในตอนนี้ของข้า เงินเดือนไม่สูง และเป็นงานที่สบายมีเวลาว่างมาก กลางวันไม่เหนื่อย กลางคืนยังสามารถทำงานเสริมได้อีกงานหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเขาได้ย้ายตำแหน่งงานแล้ว ตอนนี้ไปทำงานสบายอยู่ในกรมทหาร เหตุผลสำคัญก็เพราะว่าตอนนั้นอะซี่กำลังตั้งครรภ์ เขาต้องใช้เวลาอยู่กับอะซี่ให้มากหน่อย ฉะนั้นจึงทำการโยกย้ายตำแหน่งเขา
เจ้าวางใจได้ ทางตระกูลหยวนไม่มีทางให้เด็กๆต้องขาดแคลนแน่
ข้าไม่สามารถเอาแต่พึ่งพาตระกูลมารดาของอะซี่ตลอด ในเมื่อข้ายังมีพละกำลังอยู่ สามารถทำงานได้ และฮ่องเต้ก็บอกแล้วว่า รอให้ผ่านไปสักพักหากทำงานได้ดี จะจัดการที่อยู่ในวังให้ ข้าสามารถรับพวกอะซี่มาอยู่ได้ชั่วคราวแล้ว
เรื่องนี้เป็นไปได้ ในวังมีตำหนักมากมาย และไม่มีพระสนมคนไหนเข้ามาอยู่ ถ้าหากสามารถเลือกซักห้องให้อะซี่อยู่ ยังสามารถเป็นเพื่อนนางได้ด้วย และในวังก็มีคนมากมาย สามารถช่วยดูแลลูกๆได้
กฎที่ว่าบุรุษภายนอกไม่สามารถเข้าไปในวังหลังได้ ไม่มีประโยชน์ สามารถยกเลิกได้
ได้ จะจัดหาที่อยู่ในวังให้เจ้า ให้เจ้าพาครอบครัวมาอยู่ด้วย ดีหรือไม่เจ้าห้า หยวนชิงหลิงต้มนมจนเดือดเก้าส่วนแล้ว จากนั้นก็เอาขึ้นมาเทลงไปในจาน หยู่เหวินเห้าจ้องมองอย่างตาไม่กะพริบ เกรงว่าจะพลาดขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไป ของหวานชนิดนี้เขาต้องทำให้เป็น เพราะชอบกินมาก
ได้ยินหยวนชิงหลิงพูดถึงเรื่องที่อยู่ ก็ตอบรับเสียงหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่ร่วมกันเสียหน่อย
ใช่แล้ว ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่ร่วมกัน ล้วนเป็นคนเก่าคนแก่กันทั้งนั้น
ที่จริงแค่ชั่วพริบตา เจ้าห้าก็ขึ้นครองราชย์มาหลายปีแล้ว แต่รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน ในหลายปีนี้ เป่ยถังมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายครั้ง เริ่มเห็นผลในขั้นต้นแล้ว เป่ยถังยิ่งอยู่ก็ยิ่งดีขึ้น
ตำแหน่งของสวีอีไม่ได้รับการเลื่อนชั้นอีก ที่สำคัญคือเพราะความสามารถของเขามีเท่านี้ จุดนี้ทุกคนต่างก็รู้ดี ก่อนหน้านี้เขาติดตามเจ้าห้ามาตลอด ตอนนี้ก็กลับมาติดตามเขาอีกแล้ว เหมาะสมมาก
ทั้งสามคนยุ่งอยู่ในครัว เหล่าพ่อครัวกำลังยืนตัวสั่นเฝ้าอยู่ด้านนอก ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ทำไมยังไม่ออกมาอีก ทำกับข้าวอะไรกันควรจะเสร็จแล้วนี่นา
เจ้าห้าให้สวีอีไปเอาเหล้ามาเล็กน้อย ทั้งสามคนดื่มกันในห้องเครื่อง รอกินซวงผีหน่าย
สวีอีพูดถึงเรื่องตลกที่หยวนชิงหลิงดื่มเหล้าครั้งแรกแล้วเมาอาละวาด ยังคงหัวเราะงอหาย หยวนชิงหลิงมองเขา ค่อยๆยิ้มออกมา สวีอียังคงเป็นเด็กชายตัวโตคนนั้น ไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
เจ้าห้ากินซวงผีหน่ายไปสองถ้วย แล้วก็ดื่มเหล้าไปเล็กน้อย สองสามีภรรยาไปเดินเล่นกันในอุทยานอวี้ฮัวเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม จึงกลับไปยังห้องของตนเอง
ตั้งแต่พวกลูกๆไม่อยู่ข้างกาย พวกเขาก็มีเวลาว่าง ออกไปเดินเล่น เสือกับหมาป่าหิมะก็โตแล้ว บางทีก็ติดตามอยู่ข้างกายพวกเขา แต่ว่าพวกมันต่างก็คิดถึงเจ้านายของตัวเองมาก
ฉะนั้น หยวนชิงหลิงจึงคิดจะคุยกับเจ้าห้า ส่งเสือกับหมาป่าหิมะไป แน่นอนว่า ก็ไม่สามารถพูดออกไปตรงๆ เพราะเกรงว่าเขาจะร้อนใจ
ในใจของเจ้าห้า ลูกๆนั้น ไม่มีวันเติบโตตลอดกาล นอกจากเรื่องบ้านเมืองที่เขาเป็นห่วงแล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาเป็นห่วงมากก็คือลูกๆ
แต่ว่า ในใจของลูกๆต่างก็คิดอยากจะช่วยเหลือเขา แสดงผลงานชั้นแรกให้ท่านพ่อได้เห็น ทำให้เมืองชายแดนให้มั่นคง และเกิดความสันติสุข จากนั้นก็ค่อยๆพัฒนา นางต้องช่วยเหลือด้วย
ฉะนั้น หลังจากที่คุยกันได้ชั่วครู่ หยวนชิงหลิงจึงพูดว่า หลายปีมานี้เสือกับหมาป่าหิมะอยู่แต่ในวัง ข้าดูพวกมันจะอุดอู้มาก ในเมื่อเหลือเวลาอีกสองปีพวกเด็กๆก็จะกลับมาแล้ว ไม่รู้ใช้เวลาช่วงนี้ให้พวกมันได้ออกไปดูโลกภายนอก ท่านคิดว่าอย่างไร
ดูโลกภายนอก ไปที่ไหนกัน เจ้าห้าหันหน้ากลับไปมองเสือกับหมาป่าหิมะที่เดินตามหลังของพวกเขาแวบหนึ่ง พวกมันมองมาอย่างไร้ชีวิตชีวา ออกไปเดินเล่นสักหน่อยก็ได้ แต่ว่า จะไม่ให้มีคนติดตามได้อย่างไร เกรงว่าจะไปสร้างเรื่องสร้างราวเข้า
ไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง พวกมันต่างก็มีจิตวิญญาณ บางที สามารถให้ทางสำนักเหลิ่งหลังเอาไปเดินทางด้วย สามเดือน ครึ่งปี หนึ่งปี ในเมื่ออย่างไรเสียก็ต้องออกไปหาประสบการณ์
เจ้าห้านั่งลง เรียกเสือกับหมาป่าหิมะเข้ามา ยื่นมือไปกอดพวกมันทีหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองหยวนชิงหลิงอย่างน่ารัก เจ้าพูดถูก ถ้าหากยังเลี้ยงดูพวกเขาอยู่ในวังเช่นนี้คงไร้ประโยชน์ ให้พวกเขาออกไปดูโลกภายนอกเสียหน่อยก็ดี
ดี หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างคลายใจ นับว่าสามารถส่งพวกมันไปอยู่ข้างกายเจ้านายได้แล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าจะส่งไปไหน หยู่เหวินเห้าใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็มองหยวนชิงหลิงด้วยสายตาเป็นประกาย อืม ไม่สู้ส่งไปที่หัวเมืองทั้งสี่นั่น ไปรวมตัวกับเจ้านายของพวกมัน
หยวนชิงหลิงมึนงง ว่าไงนะ
หยู่เหวินเห้ายืนขึ้น ยื่นมือไปโอบเอวของนางเอาไว้ ถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง คิดว่าข้าไม่รู้อะไรจริงๆอย่างนั้นหรือ
หยวนชิงหลิงมองเขา นี่มันช่างน่าตกใจจริงๆ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
อยากรู้หรือว่าข้ารู้ได้อย่างไร หยู่เหวินเห้ากุมมือของนางเอาไว้ ค่อยๆออกเดินไปข้างหน้า ลมยามค่ำคืนพัดเสื้อผ้าของพวกเขา กลับบ้านครั้งนี้ ข้าเห็นดาบโบราณเล่มหนึ่งที่วางไว้ในห้องของพี่ชายเจ้า ข้าดูอยู่ครู่หนึ่ง เป็นของที่ทำขึ้นในหลันโยว และด้ามของดาบยังสลักชื่อเอาไว้ด้วย เจ้าทายสิว่าเป็นชื่อของใคร
หยวนชิงหลิงอิงแอบข้างกายเขา พูดยิ้มๆว่า หยวน
ถูกต้อง เจ้าลูกคนนี้คุ้นเคยกับการเอาใจคนอื่น เขารู้ว่าพี่ชายชอบดาบโบราณ ฉะนั้นจึงได้ตั้งใจทำขึ้นให้เขาเป็นพิเศษเล่มหนึ่ง นั่นก็คือดาบเล่มนี้ ทำให้ข้ารู้ว่าพวกเขาไปทางเหนือมา หลังจากนั้น ข้าก็เริ่มรื้อของของพวกเขา รู้หรือไม่ว่าข้ายังได้รู้อะไรอีก พวกเขาพกโทรศัพท์มือถือไปด้วย และถ่ายรูปตัวเอง
ทันใดนั้นหัวใจของหยวนชิงหลิงก็ตระตุกไปหลายที ถ่ายรูปตัวเอง สวรรค์ คงไม่ใช่ว่าแม้แต่กวาเอ๋อก็อยู่ในรูปด้วยกระมัง
นางมองสีหน้าของเจ้าห้า ไม่มีความโมโห คิดว่าคงไม่มี ไม่เช่นนั้น คงไม่มีสีหน้าท่าทีเช่นนี้
และเป็นดังคาด ได้ยินเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววภาคภูมิใจว่า ดีที่ไม่พากวาเอ๋อไปด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่ปล่อยพวกเขาไว้แน่
หยวนชิงหลิงผ่อนลมหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง เดิมคิดว่าจะสามารถปิดบังเรื่องนี้ต่อไปอย่างราบรื่น เพราะว่าพลังของลูกๆนั้นแข็งแกร่งมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะแพ้ให้กับความละเอียดในการช่างสังเกตของเขา
แต่หัวใจดวงนี้ยังคงเป็นพะวงอยู่ตลอด ไม่เช่นนั้นวันหนึ่งหากเขารู้ว่ากวากวาอยู่ที่เมืองโร่ตูแล้ว ไม่ทำการเปลี่ยนแปลงโร่ตูเฉิงก็แปลกแล้ว
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า ท่านหลอกข้าเสียสนิทใจเลย ข้าคิดว่าท่านไม่รู้
เขายื่นมือไปหยิกแก้มนางทีหนึ่ง พูดยิ้มๆว่า ข้าเห็นเจ้าก็ไม่พูดอะไร ข้าจึงไม่เปิดเผยเจ้า เพราะว่ามีความลับกับลูกๆ ก็เป็นความสุขของการเป็นพ่อแม่ คืนนี้เห็นว่าเจ้าจะหาข้ออ้างส่งเสือกันหมาป่าหิมะไป ไม่ต้องลำบากห้าข้ออ้าง เช่นนั้นภายหน้าจะส่งสิ่งของไป เจ้าก็ต้องหาข้ออ้างอีก ข้านั้นไม่อยากให้เจ้าต้องเสียเวลาเพื่อหลอกข้า จึงบอกกับเจ้าตรงๆไปเลย แสร้งไม่รู้ไม่ชี้ก็ยากเหมือนกัน
หยวนชิงหลิงพิงเขาเอาไว้ เอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ ขอโทษ ข้าไม่ควรปิดบังท่านไว้จริงๆ ข้าคิดว่าท่านจะไม่ให้พวกเขาไป
น้ำใจของพวกเขา ข้าก็รับรู้ได้ อยากจะช่วยข้าบรรเทาความกังวล ลูกๆเติบโตแล้ว ควรปล่อยมือให้พวกเขาไปทำอะไรซะบ้าง
อืม หยวนชิงหลิงหยุดไปชั่วครู่ ทันใดนั้นก็นิ่งอึ้งไป แต่ว่า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ารู้ว่าพวกเขาอยู่ทางเหนือ เพราะว่า ข้าบอกว่าจะส่งเสือและหมาป่าไปดูนอกภายนอกเพื่อหาประสบการณ์ ก็ไม่ควรจะถูกสงสัยเอาไว้นี่นา นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
หยู่เหวินเห้าหัวเราะฮ่าฮ่า เพิ่งจะนึกขึ้นได้หรือ
หยวนชิงหลิงร้องเสียงหลงเสียงหนึ่ง ข้าหลงกลเข้าแล้ว
เดิมทีเขาไม่รู้เลยว่านางรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แสร้งถามไปอย่างนั้นเอง