บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1575 หยวนชิงหลิงไปเยือนเขตภัยพิบัติ
เพราะพลังเหนือธรรมชาติที่สามารถปล่อยไฟได้ ตั้งแต่เล็กก็ไม่เคยเผยความรู้สึกออกมาทางสีหน้า นี่เป็นเพียงเปลือกนอก ส่วนความรู้สึกภายใน นางก็ต้องสะกดกลั้นเอาไว้ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมไฟได้ หลังจากติดตามอาจารย์แล้ว อาจารย์ก็ยิ่งกำชับหนักหนา ทางที่ดีที่สุดอย่าได้มีจุดอ่อน เพราะว่าอารมณ์จะเผยให้เห็นช่องว่าง หลายสิ่งหลายอย่างก็จะไม่สามารถควบคุมได้อย่างดีที่สุด
ฉะนั้น ไม่ว่านางจะอยู่ต่อหน้าใคร ล้วนรักษาท่าทีเรียบเฉยเช่นนั้นอยู่เสมอ และพยายามมองทุกสิ่งอย่างเรียบง่าย ก็เพราะไม่อยากจะไปแตะอารมณ์ความรู้ส่วนลึกที่อยู่ในใจ
แต่การตายของคนมากมายในชั่วพริบตานี้ ทำให้นางไม่สามารถสงบใจได้
น้องฟีนิกซ์กางปีกออก โอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมอกเป็นการปลอบโยน
หลายปีมานี้พวกนางคอยสนับสนุนคอยเป็นเพื่อนและเติบโตขึ้นมาพร้อมกัน รู้ว่าต้องปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไร
ฉะนั้น เมื่อเจ๋อหลานออกไปอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ความตื่นตระหนก
แม้แต่อ๋องเว่ยกับอ๋องอันที่มองเห็นความนิ่งสงบของหลานสาวคนนี้แล้ว ก็ค่อนข้างตกใจ เด็กอายุแปดขวบ สามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร ธรรมชาติของเด็กเล่า
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเจ๋อหลานจะมีความเป็นธรรมชาติของเด็กไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่นางเกิด และเริ่มเข้าใจอะไรเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะไม่รีบทำตัวให้เติบโตได้ รู้ความ ราวกับคนแก่ที่เข้าใจโลก ไปเผชิญกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้
ที่จริงนางค่อนข้างชอบที่จะอยู่ข้างกายท่านพ่อ เพราะว่าจนป่านนี้แล้ว ท่านพ่อยังคงเห็นว่านางเป็นเด็กอายุขวบสองขวบเท่านั้น ทั้งรักและเอ็นดู ไม่มีการร้องขอหรือตั้งความหวังใดๆกับนางทั้งสิ้น และเพราะว่าเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพลังเหนือธรรมชาติ ฉะนั้น เขาไม่เหมือนท่านแม่ ที่คอยสอดส่องพฤติกรรมของพวกเขาอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน
ต่อหน้าท่านพ่อ นางไม่มีแรงกดดันที่ต้องเสแสร้ง
ฉะนั้น หลังจากที่เมืองโร่ตูเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว นางจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อ
การมาเมืองโร่ตูครั้งนี้ เป็นการฝึกประสบการณ์ของนางอย่างแท้จริง ไม่ใช่การเที่ยวเล่น ที่นี่สามารถฝึกฝนความตั้งใจและอารมณ์ของนางได้ และในความเป็นจริง หลังจากที่นางมาแล้ว ก็ได้เปิดโลกทัศน์ไม่น้อย มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นมากมาย
ระหว่างที่ยังคงให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ห่างจากวันที่เกิดแผ่นดินไหวสามวันแล้ว ได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตออกมามากมาย แต่ก็ขุดเจอร่างของผู้เคราะห์ร้ายออกมาไม่น้อย
หูหมิงกับแม่นางโจวสั่งการให้มีการนับจำนวนคน ตอนนี้ที่มีชีวิตอยู่รวมถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บ มีจำนวนสองแสนเจ็ดหมื่นคน นั่นก็เท่ากับว่ามีคนอีกห้าหมื่นกว่าคนที่ยังคงสูญหายอยู่
ตอนที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว เพราะมีพวกหูหมิงคอยตีกลองป่าวประกาศ แม้ว่าคนจำนวนมากจะกลับไปยังบ้านเรือนของตนเอง แต่ว่า ประชาชนต่างก็ตื่นอยู่ ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว มีคนจำนวนมากหนีรอดออกมาได้
ถ้าหากไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าในครั้งนี้ เกิดแผ่นดินไหวขณะที่กำลังนอนหลับ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนตายสักเท่าไหร่
การรักษามีความเร่งด่วนมาก คนที่ได้รับบาดเจ็บมีจำนวนมาก ได้ทำการส่งตัวไปยังจวนเจียงเป่ยและหัวเมืองอื่นๆทั้งสี่อย่างต่อเนื่อง แต่ว่า ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายความกดดันได้ ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากไม่ได้รับการรักษา ถูกขุดขึ้นมาไม่ถึงสองวันก็ตายแล้ว
ราชสำนักรับทราบเรื่องเหตุแผ่นดินไหวหลังเหตุการณ์ผ่านไปสามวัน เป็นจดหมายที่อ๋องเว่ยให้นกพิราบสื่อสารนำไปส่ง หยู่เหวินเห้าได้จัดตั้งกลุ่มข้าหลวงแทนพระองค์ขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้หงเย่คิดหาวิธีการขนส่งทรัพยากรจากเมืองที่อยู่ใกล้เคียงไปให้
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเจ๋อหลานไม่เป็นไร ก็โล่งใจเล็กน้อย นางเองก็มีราชโองการ ให้ติดต่อนักเรียนที่เคยเรียนในโรงเรียนแพทย์ โดยมีนางเป็นผู้นำพาไปยังเมืองโร่ตู จากนั้นก็ติดประกาศไปทั่วทุกเมือง ระดมหมอไปช่วยเหลือภัยพิบัติ
คุณย่าหยวนเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมโรงหมอหุ้ยหมิง ได้รวบรวมสมุนไพรสั่งให้คนส่งไปยังเมืองโร่ตู
เดิมทีหยู่เหวินเห้าไม่เห็นด้วยที่ยายหยวนจะไปเมืองโร่ตูด้วยตนเอง แต่ภัยพิบัติที่อ๋องเว่ยรายงานกลับมานั้นรุนแรงมาก คงขาดแคลนเรื่องการรักษาเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถที่จะไม่ส่งกองทัพหมอไปช่วยเหลือได้ ยายหยวนมีกำลังในการเรียกระดมคน นางไปเอง หมอของแต่ละเมืองต้องตอบรับแน่
บวกกับเขาเองก็มีความคิดที่เห็นแก่ตัวเองอยู่บ้าง เมืองโร่ตูเป็นเมืองของกวากวา ราชสำนักออกหน้าช่วยเหลือ สามารถลดความเป็นอริของคนในเมืองโร่ตูได้ ภายหน้าจะทำการปกครองก็ไม่ยุ่งยากแล้ว
เขาเองก็ไม่ได้เป็นห่วงในความปลอดภัยของยายหยวนมากนัก หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขายังไม่รู้ว่าภรรยาตัวเองมีความสามารถแค่ไหนเชียวหรือ แม้ว่านางจะมีความสามารถไม่เท่าไหร่ ยังมีลูกชายอีกสี่คนอยู่ทางด้านเหนือ
เมื่อฮองเฮาได้จัดต้องกองทัพหมอเดินทางไปยังเมืองโร่ตู ข่าวนี้ถูกส่งออกไป คนมากมายต่างก็ไม่เชื่อ แม้แต่คนในเมืองโร่ตูก็ไม่เชื่อ และไม่กล้าเชื่อด้วย
หยู่เหวินเจ๋อหลานมาที่เมืองโร่ตู แต่ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง มาเล่นที่เมืองโร่ตูชั่วคราว มีกองทัพไม่กี่พันที่ติดตามมาด้วย แม้ว่าภายหลังจะสามารถยืนยันได้ว่านางไม่ได้มีเพียงความสามารถที่เด็กคนหนึ่งควรจะมีเท่านั้น แต่นางเป็นเจ้าเมืองของเมืองโร่ตู การมาของนาง ไม่มีอะไรให้ตำหนิได้
แต่ตอนนี้เมืองโร่ตูเกิดแผ่นดินไหว ทุกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง หากจะสร้างเมืองโร่ตูขึ้นมาใหม่ ไม่รู้ว่าต้องเสียกำลังคนและเสียเงินทองของราชสำนักอีกเท่าไหร่ ราชสำนักของเป่ยถังสามารถทอดทิ้งไม่ช่วยเหลือพวกเขาก็ได้ ปล่อยพวกเขาให้มีชีวิตตามมีตามเกิด เพราะว่า เมืองยังคงเป็นของพวกเขา สิทธิ์ในการครอบครองแผ่นดินไม่เปลี่ยนก็พอแล้ว สำหรับราชสำนักของเป่ยถังแล้ว พวกเขาก็คือกลุ่มคนเนรคุณ มีความเป็นศัตรูต่อราชสำนักอย่างเต็มเปี่ยม ทำไมพวกเขาจะต้องช่วยเหลือคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นราชสำนักเป็นศัตรูด้วยเล่า
ฉะนั้น ก่อนที่ฮองเฮาจะเสด็จมาถึง ประชาชนในเมืองโร่ตูไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่า แม้ว่าราชสำนักต้องการจะดูแลพวกเขา ช่วยเหลือพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องให้ฮองเฮาออกหน้าเอง
ก็แค่เมืองโร่ตูเล็กๆเท่านั้น ไม่คู่ควรที่ราชสำนักจะให้ความสำคัญ
แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวไปสิบวัน กองทัพหมอที่มีฮองเฮาเป็นผู้นำได้มาถึงเมืองโร่ตู ขบวนของพวกเขา เดินทางกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เดินทางจนทำให้ม้าเหนื่อยจนเดินไม่ไหวไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เดินทางหามรุ่งหามค่ำ จึงสามารถเร่งเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วได้
ประชาชนในเมืองโร่ตูต่างก็ตื่นเต้นมาก วิ่งไปบอกต่อๆกัน ว่าฮองเฮามาที่เมืองโร่ตูด้วยตนเอง
ความคิดของประชาชนเปลี่ยนไป ในชั่วพริบตาเท่านั้น
ก่อนเกิดแผ่นดินไหวยังแค้นราชสำนักอยู่เลย ชาวเมืองโร่ตูที่คิดว่าเป่ยถังเป็นแคว้นศัตรู ปรากฏว่ากรูกันเข้าไปต้อนรับการมาถึงของหยวนชิงหลิง นี่ย่อมที่จะขาดความพยายามในการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการช่วยเหลือของเจ๋อหลานในครั้งนี้ไม่ได้
หยวนชิงหลิงก็คิดไม่ถึงว่าประชาชนจะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเช่นนี้ มองไปจากบนหลังม้า มีคนกรูเข้ามาไม่ขาดสาย ดวงตาของนางรื้นด้วยน้ำตา นี่ช่างเกินความคาดหมายจริงๆ
ท่านแม่ ได้ยินเสียงของลูกสาวที่ส่งมาจากกลุ่มคน สายตาของหยวนชิงหลิงก็จ้องมองอย่างแน่วแน่ไปยังเงาร่างที่วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางรีบลงจากหลังม้า วิ่งไปทางเจ๋อหลาน
เจ๋อหลานโผเข้าไปในอ้อมกอดของแม่ ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เรื่องราวที่ประสบพบเจอในช่วงหลายวันนี้ ช่างสะเทือนจิตใจมาก ในหัวใจนางก็มีจุดที่บอบบางอยู่
ท่านแม่มาแล้ว ชั่วขณะนั้นนางสะกดกลั้นไว้ไม่อยู่
ท่านแม่ คนตายไปเยอะมาก คนตายไปเยอะจริงๆ เจ๋อหลานพูดทั้งน้ำตา
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นเจ๋อหลานร้องไห้อย่างน่าสงสารเช่นนี้มาก่อน รู้สึกปวดใจขึ้นมา กอดนางและปลอบใจว่า แม่รู้ แม่มาเพื่อช่วยทุกคน อย่าร้อง อย่าร้อง พี่ชายเล่า พวกพี่ชายไม่มาหรือ
มาแล้ว เจ๋อหลานเงยหน้าเล็กๆมองท่านแม่ ทั้งดวงตาและใบหน้าเต็มไปด้วยหยดน้ำตา พวกพี่ชายยังคงช่วยคนอยู่ แต่ที่ช่วยออกมาได้สองวันนี้ ล้วนเสียชีวิตแล้ว
หยวนชิงหลิงเองก็รู้สึกเสียใจมาก อืม แม่รู้แล้ว พวกเราเข้าไปดื่มน้ำกันก่อน แล้วจะไปช่วยรักษาคนบาดเจ็บทันที ไป พวกเราจะเสียเวลาไม่ได้ ได้ รู้แล้ว เจ๋อหลานจูงมือของแม่ เดินกลับไป
อ๋องเว่ยกับอ๋องอันรู้ว่านางมาถึงแล้ว และเห็นประชาชนแห่กันไป กลัวว่าจะเกิดเรื่อง ฉะนั้นจึงรีบตามไปหวังว่าจะช่วยรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่เห็นประชาชนต่างก็มีระเบียบมีมารยาทกันมาก ได้แต่มองฮองเฮาอย่างเงียบๆ พวกเขาจึงคลายใจได้เปลาะหนึ่ง
สายตาของฮองเฮามองมาในกลุ่มคน ทันใดนั้นพวกเขาสองคนก็นั่งลง มองไม่เห็นข้า มองไม่เห็นข้า มองไม่เห็นข้า
แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะรู้สึกตลก แต่พอเห็นสีหน้าไร้ที่พึ่งของประชาชนแล้ว นางก็ยิ้มไม่ออก จิตใจหนักอึ้งมาก พากองทัพหมอไปดื่มนางและกินอะไรเล็กน้อยในจวน จากนั้นก็เริ่มทำงานทันที
ตลอดการเดินทาง เป็นไปได้พวกเขาก็จะไม่หยุดพัก ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยมาก