บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1627 เจ้าหยวนจะไปแคว้นจิน
ห้าพี่น้องออกจากเมืองโร่ตูพร้อมกัน
ก่อนจะแยกทาง หยู่เหวินหลี่มองไปที่พวกเขาทั้งสี่คน พวกเจ้ากลับไปแล้ว ให้เลือกคนสักสองสามคนลอบเข้าไปในแคว้นจิน คอยจับตาดูทุกอย่างให้ถ้วนถี่ เราจะไม่ลงมือทำอะไรก็จริง แต่เราต้องรับประกันได้ว่าจะรู้ทุกอย่างที่เขาทำ คนเหล่านี้จะมีหน้าที่คอยจับตาดูทุกเรื่องของเขา พวกเจ้าห้ามทำอะไรตามใจชอบเด็ดขาด กำหนดเงื่อนไขหนึ่งไว้เป็นมาตรฐานในการลงมือ นั่นคือ เมื่อไหร่ที่เขาตั้งใจจะทำอะไรที่เป็นการทำร้ายน้องสาว ในตอนที่เขาตัดสินใจจะทำ เราต้องลงมือ อย่ารอจนกว่าเขาจะลงมือทำจริง ๆ เพราะนั่นอาจจะสายเกินไป
เข้าใจแล้ว พี่ใหญ่ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ทังหยวนรับปาก
ดี ทุกคนดูแลตัวเองด้วยล่ะ ถ้ามีเวลาก็กลับเมืองหลวงไปเยี่ยมหาพ่อกับแม่บ้าง พวกเขาคิดถึงพวกเจ้าจะแย่แล้ว หลังจากหยู่เหวินหลี่พูดจบ ก็ควบม้าทะยานออกไป
พี่น้องทั้งสี่มองดูพี่ใหญ่ควบม้าจากไป ในใจต่างรู้สึกเศร้าโศกเล็กน้อย พวกเขาก็คิดถึงพ่อกับแม่ อยากกลับไปเมืองหลวงไปอยู่พร้อมหน้ากับทุก ๆ คน แต่ว่าเมืองชายแดนต้องการการพัฒนาที่สงบสุขอย่างแท้จริงก่อน พวกเขาถึงจะจากไปได้
แต่ก็อีกไม่นานแล้ว ขอเวลาให้พวกเขาอีกสองปี
หยู่เหวินหลี่รีบไปที่เมืองหลวงโดยไม่หยุดพัก ก่อนที่เขาจะไปถึงวัง นกพิราบสื่อสารของอ๋องอานก็ไปถึงก่อนแล้ว
เจ้าห้าอ่านจดหมายจบ ก็โกรธจนร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ใช้มือตบโต๊ะผาง เขาเบื่อชีวิตจริง ๆ แล้วสินะ? ถึงได้วางแผนร้ายแบบนี้กับลูกสาวของข้า? เป็นบ้าไปแล้วใช่หรือไม่? กวาเอ๋อของข้าเพิ่งจะสิบเอ็ด เขาก็แต่งตั้งให้เป็นฮองเฮา นี่แม้แต่ข้าก็ยังโดนหลอกไปด้วยแล้ว
หยวนชิงหลิงรับจดหมายมาอ่าน ขมวดคิ้วมุ่น ทำเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ ออกจะมากเกินไปจริง ๆ นั่นแหล่ะ
มู่หรู ไปเรียกเหลิ่งจิ้งเหยียนมา เจ้าห้าร้องสั่ง
พ่ะย่ะค่ะ! มู่หรูกงกงมองเขาจากด้านข้าง ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งจมดิ่ง ฮ่องเต้แคว้นจินอยากผายลมอะไรขึ้นมา? องค์หญิงของเขาไม่มีทางแต่งไปแคว้นจินแน่ อยู่ไกลกันตั้งขนาดนั้น ปีหนึ่ง ๆ แทบไม่ได้เจอหน้ากันด้วยซ้ำ ใครจะอยากไป?
หยวนชิงหลิงถาม เจ้าคิดว่าจะทำอย่างไร?
หยู่เหวินเห้าหน้านิ่วคิ้วขมวด ข้าจะทำอย่างไรได้ล่ะ? อย่างไรก็บุกไปตีเมืองไม่ได้ คงได้แต่ส่งจดหมายไปเคาะเรียกสติให้เขาหัดสงบเสงี่ยมเจียมตนเสียบ้าง ชี้แจงทัศนคติของข้า ว่าหากคิดจะแต่งงานกับลูกสาวของข้าล่ะก็ เลิกคิดฝันไปได้เลย
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเฮือก กลัวว่าเขาจะหุนหันพลันแล่นจริง ๆ
แต่นางมีความคิดว่า ทำไมฮ่องเต้น้อยถึงได้ทำอะไรประมาทเลินเล่อได้ขนาดนี้? เจ๋อหลานเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ดก็แต่งตั้งเป็นฮองเฮาแล้ว สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อนางอย่างมาก ในอนาคตจะมีคนอีกหลายคนที่ให้ความสนใจนาง ถ้าเขาใส่ใจกวาเอ๋อจริง ๆ ทำไมเขาถึงไม่คิดเผื่อไปถึงขั้นนั้นด้วยล่ะ?
เดิมทีความประทับใจแรกที่กวาเอ๋อมีต่อเขาก็นับว่าไม่เลว แต่ตอนนี้สิ่งที่ทำลงไป กลับทำให้นางกับเจ้าห้าไม่ชอบอย่างมาก นี่ไม่เท่ากับว่ายกหินขึ้นมา แต่กลับหล่นทับขาตัวเองหรอกรึ?
แต่พอนางลองคิดทบทวนดี ๆ ลูกไม้นี้ที่ฮ่องเต้น้อยหยิบมาใช้ก็นับว่าฉลาดอยู่ อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าห้ารับรู้ถึงการมีคัวตนของเขาได้อย่างเข้มข้นมาก นับจากนี้ไปเจ้าห้าก็จะจับตามองเขาเป็นพิเศษ ถ้าในอนาคตเขาทำได้ดี สามารถปกครองประเทศได้อย่างโดดเด่นในทุก ๆ ด้าน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าห้าจะต้องรู้สึกชื่นชมเขาเป็นพิเศษแน่
กลอุบายที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีความมั่นใจในตัวเองเป็นพิเศษ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
การกระทำเช่นนี้เป็นอะไรที่โง่มาก
นางอยากไปแคว้นจินมาโดยตลอด อยากไปดูว่าจะสามารถจับหนอนน้ำแข็งได้หรือไม่ เพราะสถานการณ์ของเจ้าห้าตอนนี้เป็นอย่างไร นางก็ยังไม่รู้ชัด จะเกิดผลข้างเคียงอะไรตามมาหรือไม่ หรือเมื่อเกิดผลข้างเคียงแล้วจะแก้ปัญหาอย่างไร นางไม่มีเบาะแสเลยแม้แต่อย่างเดียว
ทั้งไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปทั้งที่ไม่มั่นใจอะไรเลยแบบนี้ได้ ในใจรู้สึกหวั่นวิตกมาก
หรือบางทีนางควรฉวยโอกาสนี้ ไปที่แคว้นจินสักครั้ง
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า เจ้าก็อย่าโกรธให้มากนักเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เขาทำลงไปตอนนี้ล้วนไม่ใช่กุญแจสำคัญ กุญแจสำคัญคือลูกสาวของเราคิดอย่างไรต่างหาก หรือบางทีนางอาจตกใจแทบแย่แล้วก็ได้ เจ้าห้า ข้าอยากจะไปเมืองโร่ตูสักครั้ง ไปอยู่เป็นเพื่อนนางสักครึ่งเดือน ดีหรือไม่?
หยู่เหวินเห้าได้ยินสิ่งที่นางพูด ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา จริงด้วย นางเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ด เรื่องนี้ก็วุ่นวายใหญ่โตเสียจนคนในแคว้นอื่นรู้กันไปหมดแล้ว นางจะต้องรู้สึกกลัวมากอย่างแน่นอน หรือไม่ ข้าไปกับเจ้าด้วยน่าจะดีกว่า?
เจ้าไม่ต้องไปหรอก เจ้าเพิ่งจะกลับมา ประเทศอยู่ไม่ได้หากไม่มีกษัตริย์ ข้าไปคนเดียวก็พอ อีกอย่าง เรื่องแบบนี้ลูกสาวน่าจะยินดีคุยกับแม่มากกว่า หากมีเจ้าอยู่ด้วยคงไม่ค่อยสะดวก นางอาจรู้สึกขัดเขินถ้าจะต้องพูด หยวนชิงหลิงอธิบาย
หยู่เหวินเห้าคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าถูกต้องตามนั้นจริง ๆ เมื่อคิดว่าเรื่องนี้อาจทำให้ลูกสาวกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาก็รู้สึกทุกข์ร้อนกังวลมาก ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะสั่งคนจัดเตรียมการเดินทางให้เจ้า พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางเลยแล้วกัน
ได้ หยวนชิงหลิงพยักหน้า
นางหมุนตัวเดินออกไป เพิ่งจะไปถึงอุทยาน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าลู่หยาเดินเข้ามาทำท่าทางตื่นตระหนก จึงถามขึ้นว่า เป็นอะไรไป?
ลู่หยายังดูมีท่าทางอกสั่นขวัญหายอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงถาม ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า ฮองเฮา เมื่อครู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบปั่นป่วนรุนแรงมาก ทั้งยังกระเซ็นออกมาเป็นจำนวนมาก น่ากลัวเหลือเกินเพคะ
อย่างนั้นรึ? หยวนชิงหลิงได้ยิน ก็รีบสาวเท้าเดินไปที่ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
เมื่อไปถึงทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบดูเหมือนกำลังเดือดพล่าน กระเด็นเซ่นซ่านจนล้นปรี่ออกมา ดินที่ขอบทะเลสาบล้วนเปียกชุ่มไปหมด
นางขมวดคิ้วนิ่วหน้า เมื่อครู่เจ้าห้าระเบิดอารมณ์โกรธขึ้นมา นี่มันมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่? ดูไปแล้วเหมือนว่าต้องรีบคิดให้ออกโดยเร็วที่สุด ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นางกังวลใจมากแล้วจริง ๆ ถ้าเขามีพลังพิเศษอะไรขึ้นมา ก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีควบคุมมันให้ได้ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินกวาเอ๋อบอกว่า ฮ่องเต้แคว้นจินรู้วิธีควบคุมน้ำ เขาควบคุมมันได้อย่างไร? นี่เป็นเรื่องที่ยุ่งเหยิงใหญ่โตมาก จำเป็นต้องไปขอเรียนรู้จากเขา
ถ้าให้เจ้าห้ารู้ คาดว่าคงได้เกิดอุทกภัยขึ้นอีกแน่ ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเจ้าห้ารู้ว่าเพราะจดหมายของแคว้นจิน ทำให้เขาถูกหนอนน้ำแข็งปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกาย จนเป็นเหตุให้เกือบต้องตาย คงจะยิ่งโกรธมากกว่านี้แน่
เหลิ่งจิ้งเหยียนถูกหยู่เหวินเห้าเรียกเข้ามา สั่งให้ร่างจดหมายที่มีเนื้อหาเข้มงวดอย่างยิ่งขึ้นฉบับหนึ่ง จากนั้นก็สั่งให้คนส่งไปยังแคว้นจินอย่างรวดเร็ว
เรื่องนี้ทำให้เจ้าห้าอึดอัดใจมาก ทั้งยังโกรธกรุ่นไม่หาย
ในตอนพลบค่ำ หยู่เหวินหลี่กลับมาถึงเมืองหลวง ก็ตรงไปที่วังทันที
ตอนที่เขากลับมาถึง พอดีกับที่เจ้าห้ายังมีอารมณ์โกรธไม่หาย หรือพูดได้ว่าน่าจะโกรธมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ หยู่เหวินหลี่มาที่ห้องทรงพระอักษร มู่หรูกงกงหว่านล้อมเขาว่ายังไม่ควรเข้าไปตอนนี้ แต่หยู่เหวินหลี่ก็ยังเข้าไปอยู่ดี
เขาเดาว่าพ่อคงจะรู้เรื่องที่ฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจิน ประกาศกับคนทั่วหล้าว่าเขาจะแต่งงานกับกวาเอ๋อแล้ว พ่อต้องโกรธมากแน่นอน เขาเข้าไปให้พ่อดุด่าสักยก ช่วยคลายความโกรธเกรี้ยวของเขาสักหน่อย ก็น่าจะดี
หลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทรงพระอักษรแล้ว ก็ปิดประตูแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว ข้าทิ้งหน้าที่ไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงกลับมาขอรับโทษ
หยู่เหวินเห้ากำลังโกรธจนเดือดปุด ๆ เมื่อเห็นเขากลับมา กลับไม่ได้โกรธเขา แค่มองเขานิ่ง ๆ แล้วพูดว่า อธิบายมา
หยู่เหวินหลี่คิดว่าในเมื่อเขารู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก จึงพูดว่า ลูกไปหาน้องสาวที่เมืองโร่ตู
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าอ่อนโยนลงทันที ถามว่า เป็นเพราะเจ้ารู้เรื่องนี้แล้ว จึงรีบไปที่นั่นใช่หรือไม่?
พ่ะย่ะค่ะ ตอนนั้นท่านพ่อไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวง ข้าจึงไม่ทันได้บอกท่านพ่อ หยู่เหวินหลี่ตอบ
นับว่าเจ้ายังห่วงใยน้องสาว ลุกขึ้นเถอะ หยู่เหวินเห้าพูด
พ่ะย่ะค่ะ! หยู่เหวินหลี่ลุกขึ้นยืน
หยู่เหวินเห้าก็เดินลงไปด้วย สองคนพ่อลูกเข้าไปในห้องชั้นใน นั่งลงบนเตียงหลัวฮั่นแล้วถามเขาทันทีว่า น้องสาวของเจ้าตกใจมากหรือไม่?
ถ้าจะบอกว่าตกใจ ก็นับว่าไม่ได้ตกใจอะไร แต่คิดว่าคงรู้สึกไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าทำไมฮ่องเต้น้อยแคว้นจินถึงได้ทำแบบนี้ แต่ท่านพ่อไม่ต้องกังวลไป ข้าบอกกวาเอ๋อแล้วว่ารอให้อายุครบสามสิบก่อน ถึงค่อยพิจารณาเรื่องการแต่งงาน
หยู่เหวินเห้าตกใจจนผงะ รอจนสามสิบ? ถ้ารอจนอายุครบสามสิบล่ะก็ จะไม่กลายเป็นสาวแก่ไปหรอกรึ?
ไม่หรอก ผู้หญิงหลายคนที่อยู่โลกฝั่งทางโน้นก็แต่งงานตอนอายุสามสิบเหมือนกัน หรือท่านพ่อจะไม่อยากให้น้องสาวอยู่ข้างกายให้นานขึ้นอีกหน่อย?
หยู่เหวินเห้าชะงักไปครู่หนึ่ง คิดไปคิดมา แต่ถ้าสามสิบก็แก่ไปหน่อยแล้วจริง ๆ นะ
ไม่แก่ เหมาะสมดีแล้ว หยู่เหวินหลี่ยืนกราน
ต้องรอจนอายุสามสิบก่อน ถึงจะโตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
หากมีความรักหรือแต่งงานเร็วเกินไป มักถูกขับเคลื่อนด้วยฮอร์โมนอันพลุ่งพล่าน จนตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย
สุดท้าย เจ้าห้าก็ยังไม่อาจยอมรับอารยธรรมของโลกสมัยใหม่ได้มากนัก เขานึกภาพไม่ออกเลยว่า ผู้หญิงที่มีดีทั้งหน้าตาและความสามารถคนหนึ่ง ทำไมถึงต้องรอจนอายุสามสิบก่อนถึงค่อยแต่งงาน
หัวใจของคนเป็นพ่อ มันช่างขัดแย้งกันเสียจริง ๆ เชียว