บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1634 สามารถชื่นชมได้นิดหน่อย
หยวนชิงหลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้เห็นฉากนี้แล้ว ก็รู้สึกสับสนไปหมด นั่นเขาฝึกเวทย์มนต์อยู่เหรอ?
การควบคุมด้วยจิต วิธีการคือจะต้องโคจรไปทั่วร่างกาย ตอนนี้เขาเป็นแค่มือใหม่ จิตใจคงจะสับสนปนเปมากแน่ ๆ ถึงได้ไม่สามารถควบคุมมันได้ อีกทั้งฤทธิ์ของสารยับยั้งต้องยังมีผลอย่างน้อยสามถึงสี่ส่วน จึงทำให้เวลาที่เขาจะใช้ความสามารถนี้ยิ่งยากขึ้นไปอีก
นางรู้สึกสงสารคนโง่คนนี้อย่างยิ่ง ตอนที่นางพูดยังแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ไม่ยอมเชื่อ แต่ตัวเองกลับแอบย่องออกมาลองทำตามลำพัง
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายนางก็เดินออกไปหา เจ้าห้า!
หยู่เหวินเห้าหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว เก็บสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่อยู่ รีบซ่อนนิ้วมือไปไว้ด้านหลัง เอ่อ… เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?
หยวนชิงหลิงตอบว่า เพิ่งมาถึงก็เห็นเจ้ายืนอยู่ริมทะเลสาบนี่ล่ะ เจ้าคิดจะออกมาทดลองทำเรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อคืนใช่หรือไม่?
นางไม่กล้าพูดว่านางตามหลังมาแล้วดูอยู่ตลอด ทั้งเห็นที่เขาพยายามเมื่อครู่นี้ด้วย
พอหยู่เหวินเห้าได้ยินว่านางไม่เห็นการกระทำโง่ ๆ เมื่อครู่นี้ของเขา ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่หรอก ข้าแค่นอนไม่หลับ คิดถึงเรื่องทุจริตที่จี๋โจว รู้สึกอารมณ์เสีย เลยออกมาสูดอากาศเสียหน่อย ที่เจ้าพูดมาข้าลืมไปตั้งนานแล้วล่ะ เรื่องเหลวไหลไร้สาระอย่างนั้น ข้าจะเก็บมาใส่ใจได้อย่างไรล่ะ?
หยวนชิงหลิงร้องอ๋อขึ้นมาเสียงหนึ่ง ก้าวเท้าขึ้นไปข้างหน้าแล้วจับมือเขา ถ้าอย่างนั้น ข้าอยู่รับลมสูดอากาศเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน ไม่สู้พวกเราไปนั่งคุยกันที่ศาลาริมทะเลสาบดีหรือไม่?
เจ้าไม่ง่วงหรือ? หยู่เหวินเห้าถาม
ไม่ง่วง อยากคุยเป็นเพื่อนเจ้ามากกว่า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความรู้สึกผูกพัน
หยู่เหวินเห้าโน้มตัวลงไปจูบนาง ยิ้มแย้มสดใส ได้ พวกเราไปที่กลางทะเลสาบกัน
ทั้งสองจับมือกัน เดินไปตามทางเดินอันคดเคี้ยว ที่กลางทะเลสาบมีการสร้างศาลาหลังเล็ก ๆ ไว้หลังหนึ่ง ทั้งสี่ด้านล้วนไม่มีสิ่งกีดขวาง เป็นตำแหน่งชมทิวทัศน์ของทะเลสาบที่ดีมาก
นอกจากนี้ ยังมีโคมไฟลมห้อยอยู่ใต้ชายคาของศาลา แม้ว่าแสงจะสลัวไปสักหน่อย แต่ก็ให้บรรยากาศที่ดีมาก
ทั้งสองไม่ได้นั่งลง แค่เอนพิงกับราวบันได มองดูแสงไฟดวงน้อย ๆ ที่สาดส่องไปกระทบผิวทะเลสาบ สายลมพัดมาเบา ๆ เงาของแสงดาวบนท้องฟ้าล้วนสะท้อนลงมาสู่พื้นผิวทะเลสาบ ช่างงดงามเหนือบรรยาย
เจ้าห้า ข้าคิดว่าเจ้าควรลองดูสักหน่อยนะ หยวนชิงหลิงหันไปมองเขาแล้วพูด
ไม่ลองแล้วดีกว่า หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า สีหน้ายังมีแววกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ถ้าเขาลองอีก จะไม่ยิ่งอับอายขายหน้าต่อหน้านางหรอกหรือ?
หยวนชิงหลิงส่งเสียงร้อง อ๋อ ตอบรับขึ้นมาเสียงหนึ่ง ได้ ไม่ลองก็ไม่ลอง เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะสอนวิธีการให้เจ้า ครั้งต่อไปถ้าเจ้าคิดจะลอง ก็สามารถใช้วิธีการนี้ของข้าได้
วิธีการรึ? ต้องมีวิธีการด้วยรึ? หยู่เหวินเห้าตกตะลึง แต่ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า ตอนที่ข้ากำลังเล่นเรือยนต์ที่ชายทะเลนั่น ข้าแค่คิดในใจว่าถ้ามีคลื่นซัดมา คงจะยิ่งสนุกแน่ สุดท้ายมันก็มีมาจริง ๆ ไม่ได้ใช้วิธีการอะไรเลยนะ?
อันที่จริง นั่นก็ถือว่าเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ในเวลานั้นเจ้าจดจ่ออยู่กับการเล่นเกม จากนั้นสิ่งที่สมองของเจ้าคิดก็คือต้องการให้คลื่นซัดมา ความปรารถนาของเจ้าก็คือความคิดของเจ้า ที่หยู่เหวินเห้าคิดเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ใช่ว่าอยากสร้างคลื่นหรอกรึ? ถึงขั้นกระทืบเท้าเลยเชียวนะ
เช่นนั้นเจ้ารีบบอกมาเถอะ ว่ามีวิธีอะไรที่จะใช้ได้ผล? หยู่เหวินเห้าอดใจไม่ไหว รีบถามอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงจับมือของเขาแล้วพูดว่า เพราะเจ้าเป็นมือใหม่ ก่อนอื่นในสมองเจ้าต้องไม่มีสิ่งรบกวน หรือข้อกังวลอื่นใดให้มากมาย เจ้าแค่คิดเรื่องนี้ในใจ และไม่จำเป็นต้องจับจ้องไปที่ทะเลสาบ แค่ลองใช้การคิดเพื่อสร้างความเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวของความคิดนี้ เป็นรูปแบบของพลังที่เหมือนกับเวลาที่เจ้าโกรธ มันจะสามารถรวมตัวเป็นพลัง ก่อตัวเข้ากับสนามแม่เหล็กในตัวเจ้าหรือทำให้เจ้ารับรู้ถึงมันได้ จนเกิดเป็นการสั่นพ้อง
ไม่เข้าใจ! หยู่เหวินเห้าโพล่งออกมาตรงๆ เขากลัวที่สุดก็คือตอนที่นางพูดเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กนี่ล่ะ
ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เจ้าหลับตาลง! เสียงของหยวนชิงหลิงอ่อนโยนนุ่มนวล จากนั้นก็ค่อย ๆ ขจัดความคิดที่ยุ่งเหยิงในใจของเจ้าออกไป จินตนาการว่าเจ้ายังอยู่ที่ชายทะเล กำลังเล่นเรือยนต์….
ต้องคิดให้มีสวีอีเข้าไปอยู่ในสมองด้วยหรือไม่? เขาลืมตาขึ้นถามทันควัน
เอ่อ….. เจ้าสามารถจินตนาการถึงคนที่เจ้าอยากให้นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังได้นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นสวีอีเสมอไป หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม
โอ้ เช่นนั้นข้าจะพากวาเอ๋อไปเล่นกับข้าด้วย หยู่เหวินเห้าหลับตาลงอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง ตอนแรกยังคิดอยู่ว่าเขาจะพานางไปเสียอีก
หยู่เหวินเห้าย้อนนึกถึงการเดินทางด้วยเรือยนต์บนทะเลครั้งนั้นขึ้นในใจอีกครั้ง มีกวาเอ๋อนั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง กอดเอวของเขาแน่น ท่าทางมีความสุขอย่างยิ่ง
เขารู้สึกว่าควรต้องดูน่าเกรงขามกว่านี้หน่อย จะให้ดีที่สุดต้องมีคลื่นหลาย ๆ ลูก ซัดกระหน่ำตัวเขาไปมาในเกลียวคลื่น แล้วกวาเอ๋อก็จะยิ่งเทิดทูนบูชาเขามากขึ้น
ทันทีที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน ในหูพลันได้ยินเสียงน้ำซัดสาดดังครืน ๆ เขารีบลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว จ้องมองดูการเคลื่อนไหวของน้ำในทะเลสาบ
ราวกับมีพายุเฮอริเคนพัดมาอย่างกะทันหัน น้ำที่ม้วนตัวในทะเลสาบพลันพุ่งเข้าหาฝั่ง เกลียวคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถม พัดกระหน่ำจนทำให้พวกเขาตกใจ ถึงขั้นรู้สึกว่าศาลากลางทะเลสาบแห่งนี้ สั่นไหวไปตามการสาดซัดของคลื่นเลยทีเดียว
สองมือของเขาจับแน่นกับราวบันได ดวงตาเบิกกว้าง เจ้าหยวน นี่ข้าเป็นคนทำอย่างนั้นรึ?
ใช่! หยวนชิงหลิงมองไปที่ใบหน้าที่ตกตะลึงของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า เจ้าเป็นที่ทำขึ้นมา แปลกใจหรือไม่ล่ะ?
หยวนชิงหลิงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน เดิมทีคิดว่าต่อให้ทำได้ ก็คงจะเป็นแค่ความเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะอย่างไรก็ยังมีผลของสารยับยั้งที่ออกฤทธิ์อยู่
ช่างน่าตกตะลึงเหลือเกินแล้ว หยู่เหวินเห้ายังแทบไม่อยากจะเชื่อเลย คลื่นยังคงม้วนตัวซัดสาดเข้ามาไม่หยุด ในสมองเขายังคิดที่จะให้มันม้วนตัวซัดมาอีกสักสองสามลูก แต่สุดท้ายคลื่นนั้นก่อตัวใหญ่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งไปที่ชายฝั่งอย่างรุนแรง
เจ้าหยวน ข้ามีความสามารถนี้จริง ๆ แล้ว ข้าเป็นเหมือนกับพวกเจ้าแล้ว ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเป็นประกายด้วยความยินดี กระทั่งเสียงก็ยังสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
เขาตื่นเต้นดีใจมาก แม้แต่นอนหลับฝัน เขาก็ยังอยากจะเป็นเหมือนกับพวกเขา
เขากอดหยวนชิงหลิงแน่น ข้าอยากจะกระโดดลงไป ข้าอยากจะกระโดดลงไปเล่นจริง ๆ นะ เจ้าหยวน เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ก่อนล่ะ ข้าจะลงไปเล่นเสียหน่อย
ไม่รอให้หยวนชิงหลิงพูดอะไร เขาก็ปล่อยตัวนาง แล้วกระโดดจากราวบันไดลงไปในทะเลสาบดังตูม
ในคืนที่มืดมิด เขาเป็นเหมือนปลาที่แหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบตัวหนึ่ง เล่นล้อไปกับเกลียวคลื่น ปลาในทะเลสาบต่างถูกคลื่นนี้ป่วนจนวุ่นวายสับสนไปหมด พากันว่ายหนีอลหม่าน แต่เขากลับไม่สนใจ ว่ายวนเวียนอยู่ในน้ำหลายรอบ แล้วกลับมาที่ศาลา เงยหน้าขึ้นมองหยวนชิงหลิงไม่สนใจที่จะเช็ดน้ำที่เปียกชุ่มทั้งหน้าด้วยซ้ำ ยิ้มจนดวงตายิบหยีแล้วพูดว่า เจ้าหยวน มันสนุกมากเลยล่ะ เจ้าอยากลงมาเล่นหรือไม่? ข้าจะให้สายน้ำไหลช้าลงหน่อย
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่บนฝั่ง มือข้างหนึ่งเท้าคาง พูดด้วยรอยยิ้มว่า ข้าไม่ลงไปแล้วดีกว่า ดูเจ้าเล่นก็พอ ไปว่ายน้ำอีกสักรอบ แล้วกลับไปนอนต่ออีกสักชั่วยามเถอะ นี่เจ้ายังมีราชการเช้าอยู่อีกนะ
ข้าจะเล่นก่อนสักครู่ หยู่เหวินเห้าว่ายน้ำอย่างมีความสุข เขาไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นต้องนอนก็ยังได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยว่ายน้ำได้สนุกเท่านี้มาก่อนเลย อีกทั้งการได้แช่ตัวในทะเลสาบขนาดใหญ่เช่นนี้ มันช่างให้ความรู้สึกแตกต่างจากการแช่ตัวอยู่ในสระน้ำได้อย่างสิ้นเชิง
เป็นความรู้สึกที่สบายมาก ในใจรู้สึกมีความสุขจนอธิบายไม่ถูก
เรื่องคดีทุจริตในการสอบที่จี๋โจวนั้น ตอนแรกเขาหงุดหงิดโมโหจนแทบจะระเบิดให้ได้ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรแล้ว ควรจะแก้ปัญหาอย่างไรก็แก้ไปตามนั้น ทุกอย่างต้องมีกระบวนการปรับปรุงแก้ไขอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การบริหารประเทศย่อมเกิดปัญหาต่าง ๆ นา ๆ ขึ้นมาได้อยู่เสมอ เขานั่งอยู่ในตำแหน่งสูง จึงควรต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาเหล่านี้
สมองพลันแจ่มใสขึ้นมาทันที หลังจากว่ายน้ำไปได้หลายรอบ รู้สึกว่าทั้งใจกายล้วนสงบลงแล้ว
เขากระโดดขึ้นจากน้ำ ม้วนตัวในอากาศเหมือนปลาที่ดีดตัวขึ้นมาจากแหล่งน้ำ ทิ้งตัวลงบนหลังคาของศาลา แล้วกระโดดลงมายืนตรงหน้าหยวนชิงหลิง เอาล่ะ พวกเรากลับไปคุยกันดีกว่า ข้าอยากรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอะไรด้านนี้ให้มากกว่านี้ ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
หยวนชิงหลิงเห็นว่าคิ้วที่ขมวดมุ่นเป็นปมของเขาหายไปแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า มีความสุขขึ้นแล้วล่ะสิ?
มีความสุขมาก! หยู่เหวินเห้าจับมือนาง ร่างกายของเขาเปียกโชก เมื่อลมกลางคืนพัดมา เขาไม่รู้สึกว่าหนาวเลย แต่กลับรู้สึกอบอุ่นสบายใจมากกว่า
เมื่อกลับมาที่วัง หลังอาบน้ำร้อน สวมเสื้อผ้าที่สะอาด ก็ดึงหยวนชิงหลิงเข้ามาเพื่อถามคำถาม
หยวนชิงหลิงเล่าถึงกระบวนการเจ็บป่วยทั้งหมดในครั้งนี้ให้เขาฟัง ทุกอย่างที่เขาไม่รู้นางก็เล่าออกไปทั้งหมด ฟังจนเจ้าตัวตกใจแทบตั้งสติไม่อยู่ หากในกระบวนทั้งหมดที่ว่านี้มีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ชีวิตของฮ่องเต้อย่างเขาก็คงต้องจบสิ้นลงแน่แล้ว
พอคิดให้ลึกขึ้นอีกนิด ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะสวีอีที่ฉีดยาเข็มนั้นให้เขาหรอกหรือ?
แต่หลังจากที่คิดทบทวนอีกรอบแล้ว ก็ไม่ถูก เป็นเขาเองต่างหากที่สั่งให้สวีอีฉีดมัน จะว่าเป็นความดีความชอบของสวีอีทั้งหมดก็ไม่ได้
แต่ก็สามารถชื่นชมได้นิดหน่อย!
แต่เรื่องที่ฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจินส่งหนอนน้ำแข็งอะไรนั่นมาให้เขา เรื่องนี้ต้องถือว่าเจ้าเด็กนั่นรนหาที่ตายเสียแล้ว
บัญชีนี้ต้องสะสางกันหน่อย