CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1635 ฝ่าบาทเสียสติไปแล้วหรือ

  1. Home
  2. บัลลังก์หมอยาเซียน
  3. บทที่ 1635 ฝ่าบาทเสียสติไปแล้วหรือ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

หยวนชิงหลิงเหนื่อยมาก พูดไป ๆ ก็ผล็อยหลับไปเลย

แต่หยู่เหวินเห้ากลับตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะพลิกไปมาจนไปรบกวนการนอนของเจ้าหยวน จึงออกไปนั่งที่ระเบียงทางเดิน พยายามขุดค้นความสามารถนี้เพิ่มเติม

สองมือยกหินก้อนใหญ่มาก้อนหนึ่ง ตั้งสมาธิกำหนดจิตเต็มที่  ลอยขึ้น ๆ จงลอยขึ้น 

หินก้อนใหญ่ไม่ลอยขึ้น เขาขว้างมันทิ้ง แล้วแทนที่ด้วยก้อนที่เล็กกว่า  ลอยขึ้น จงลอยขึ้น 

หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง หินนี้ก็ไม่ขยับเช่นกัน จึงเปลี่ยนใหม่อีกก้อนหนึ่ง

จากนั้นก็แทนที่ด้วยก้อนที่เล็กกว่าอีกก้อน

ในท้ายที่สุด เขาใช้สองนิ้วบีบทรายจำนวนหนึ่ง ทรายไม่ลอยขึ้น แต่เมื่อเขาบีบแรง ๆ ก็มีเม็ดทรายบางส่วนรั่วไหลออกมา

เขาไม่มีวิธีอื่นแล้ว จึงหยิบใบไม้ที่ร่วงหล่นที่พื้นขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ใช้สมองคิดให้ใบไม้เคลื่อนที่ แต่ใบไม้ก็ไม่ลอย เขาโกรธมากจนเป่าใบไม้นั้นด้วยปาก ใบไม้ก็ปลิวออกไป

เขาปัด ๆ มือ กลอกตามองไปทั่วสารทิศ ไม่มีอะไรที่เบาไปกว่าใบไม้แล้ว เขารู้สึกว่าเขาควรยอมละทิ้งทักษะนี้ แล้วไปพยายามสื่อสารกับกวาเอ๋อดูน่าจะดีกว่า เขาเห็นว่าเจ้าหยวนกับลูกๆ ต่างก็ทำได้อย่างง่ายดาย ตัวเขาเองก็คงจะทำได้เหมือนกันล่ะสินะ?

ภายในทางเดินอันเงียบสงบของตำหนักเสี้ยวเยว่ พลันได้ยินเสียงของเจ้าห้าร้องเรียกเบา ๆ ขึ้นมาสองประโยคว่า  กวาเอ๋อ ลูกหลับแล้วหรือยัง? 

 กวาเอ๋อ… 

หลังจากเรียกนางสองครั้ง ก็รู้สึกว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว กวาเอ๋อคงจะนอนหลับไปตั้งนานแล้ว การที่เขาเอาแต่เรียกหานาง มันจะกลายเป็นการทำเสียงดังจนทำให้นางตกใจตื่น จึงรีบหุบปากฉับ

มู่หรูกงกงตื่นแต่เช้า เดิมทีเขาวางแผนว่าจะมาเฝ้ารอให้ฝ่าบาทตื่นบรรทม เพื่อไปรับใช้ก่อนการเข้าประชุมราชสำนักเช้า เพิ่งจะหันหลังกลับ ก็ได้ยินเสียงฝ่าบาทที่นั่งคุกเข่าอยู่ใต้ระเบียง ร้องเรียกชื่อเล่นขององค์หญิง เขาพลันรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา เฮ้อ ฝ่าบาทจะทรงคิดถึงองค์หญิงขนาดไหนกันหนอ นับตั้งแต่ที่องค์หญิงเกิดมา ก็อยู่ข้างกายฝ่าบาทได้ไม่นานเลยจริง ๆ

ขนาดเขา บางครั้งที่อยู่คนเดียวเงียบ ๆ ยังคิดถึงแทบแย่ ไม่ต้องพูดถึงฝ่าบาทหรอก

ติดแค่ว่าถ้าปล่อยให้ฝ่าบาททรงเอาแต่คิดถึงต่อไปอย่างนี้ ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา หากคิดถึงมากไปจนประชวรก็ไม่ดี จากนี้คงต้องไปทูลฮองเฮาเสียหน่อยน่าจะดี

หยู่เหวินเห้ากลับไปหยิบก้อนหินมาอีก พยายามกระตุ้นความคิดต่อไป แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ไม่พบอะไรเลย แต่กลับทำให้มู่หรูกงกงที่ได้เห็นต้องหลั่งน้ำตา ฝ่าบาททรงประชวรแล้วจริงๆ

เรื่องนี้ควรทำอย่างไรถึงจะดีล่ะนี่?

หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าห้าก็ลากร่างกายอันอ้างว้างโดดเดี่ยวกลับไปที่ตำหนัก ไม่ได้ทำเสียงดังรบกวนหยวนชิงหลิง แค่ล้มตัวลงนอนบนเตียงหลัวฮั่น พักสายตาไปชั่วขณะหนึ่ง

ความสามารถในการควบคุมน้ำอะไรนั่น ตัวเขาเองไม่ได้พิสมัยมากมายเป็นพิเศษ แต่เขาพิสมัยความสามารถในการพูดคุยสื่อสารกับลูก ๆ ผ่านช่องว่างของเวลาได้ต่างหาก

หลังจากนี้ต้องเรียนรู้จากเจ้าหยวนให้มากถึงจะดี

หลังจากนอนไปได้ราวครึ่งชั่วยาม ก็ต้องลุกขึ้นมาล้างหน้า แต่งตัว และหวีผม

มู่หรูกงกงเข้ามารับใช้ หยวนชิงหลิงก็ลุกตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยพื้นฐานแล้วหลายปีมานี้นางก็คุ้นเคยกับมันพอสมควรแล้ว เจ้าห้าตื่นแต่เช้าเพื่อประชุมราชการ โดยมากนางก็จะลุกตามมาด้วย เว้นเสียแต่ว่ามีวันไหนที่เหนื่อยมาก ๆ ถึงจะไม่ลุก

เจ้าห้าอารมณ์ดีมากทีเดียว ถึงแม้จะได้นอนหลับแค่เพียงไม่นาน แต่พอมู่หรูกงกงมาช่วยสวมชุดมังกรให้เขา เขายังถึงกับผิวปากเลยทีเดียว

กลับกัน เมื่อมู่หรูกงกงเห็นว่าเขาผิวปากก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า กระทั่งสีหน้าก็แลดูโศกเศร้ารันทดอย่างมาก

เมื่อคืนฝ่าบาทยังทรงกริ้วมาก แต่มาวันนี้กลับอารมณ์ดีขนาดนี้ พระองค์จะต้องได้รับความกระทบกระเทือนทางใจมากเกินไปแน่ ๆ

แต่ต่อหน้าฝ่าบาท ย่อมไม่สามารถทูลต่อฮองเฮาได้แน่ ต้องรับใช้ตลอดการประชุมเช้าให้เสร็จก่อน รอจนฝ่าบาทเสด็จไปห้องทรงพระอักษร ถึงจะสามารถพูดได้

ดังนั้น หลังจากดูแลความเรียบร้อย ลู่หยากับฉี่หลอยกอาหารเช้ามาขึ้นโต๊ะ หยู่เหวินเห้าก็กินจนอิ่มหนำ จูบแก้มหยวนชิงหลิงเบา ๆ แล้วเดินนำมู่หรูกงกงไปประชุมเช้าอย่างร่าเริงสดใส

ลักษณะแบบนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงนึกถึงตอนที่เขาเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ใหม่ ๆ

ในเวลานั้น เขาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่พร้อมจะทำทุกอย่าง ดังนั้นทุก ๆ วันเขาจึงพยายามจะพลิกโลกใบนี้อย่างกระตือรือร้น ราวกับถูกฉีดเลือดไก่เข้าเส้นเลยทีเดียว

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา แม่นมสี่กับอะซี่ก็มาถึง

เนื่องจากสวีอีจะต้องเดินทางไกล ดังนั้นอะซี่ก็ต้องตื่นแต่เช้า เพิ่งจะส่งสวีอีออกบ้าน ก็ว่างไม่มีอะไรทำ ลูกก็มีคนเลี้ยงให้แล้ว จึงมาคุยเล่นกับหยวนชิงหลิง

แม่นมสี่รักใคร่เอ็นดูอะซี่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ลูกชายของอะซี่ยังเด็ก นางเข้าวังมาก็ชอบไปอยู่กับอะซี่ คอยช่วยเลี้ยงเด็ก ๆ ให้

ครั้งนี้เข้าวังมาไม่ได้เจอเปาเอ๋อ จึงทำได้แค่ไปเลี้ยงลูกของอะซี่เพื่อสนองความอยากไปพลาง ๆ ก่อน

อะซี่ในตอนนี้ดูอิ่มเอิบขึ้นมาก ในสายตาของนาง สามารถพบหลักฐานของความสุขได้ตลอดเวลา นางไม่ได้แต่งกับคนในตระกูลขุนนางใหญ่โตอะไร แต่นางได้แต่งกับคนที่ใช่

แต่คนที่มีความสุขตลอดเวลา จะสามารถคงนิสัยดั้งเดิมเหมือนตอนเป็นสาวน้อยเอาไว้ได้

ตอนที่นางบ่นถึงสวีอี ทำให้ดูเหมือนว่าเวลายังไม่ได้ผ่านไปสักเท่าไหร่เลย

  ก็แค่ออกบ้านเท่านั้นเอง เอาแต่พูดว่าไม่วางใจนั่น ไม่วางใจนี่อยู่ได้ พูดซ้ำไปมาหลายครั้งไม่ยอมหยุดปาก ข้าแทบทนไม่ไหว อยากจะผลักเขาออกไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเสียจริง ๆ เลย 

นางพูดพลาง ตัวเองก็หัวเราะอย่างสุขใจไปด้วย ในดวงตาที่สดใสคู่นั้นเปี่ยมล้นด้วยความสุข กระจ่างใสไม่มีสิ่งใดเจือปน

 เจ้ายังจะรังเกียจเขาลงอีกหรือ? มีคนคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ข้าง ๆ หู นั่นคือความสุขแล้ว  แม่นมสี่พูดกับนาง

 แม่นมสี่ ทำใจเสียเถอะ คนเค้าไม่ใช่ว่ารังเกียจอะไรหรอก คนเค้าแค่กำลังอวดความรักหวานชื่นใส่พวกเราเท่านั้นเอง   หยวนชิงหลิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหลัวฮั่น พูดพลางหัวเราะ

 อวดความรักหวานชื่นรึ?  แน่นอนว่าแม่นมสี่เข้าใจความหมายนี้ มองเห็นริ้วสีแดงบนใบหน้าของอะซี่  ข้าไม่เข้าใจคนหนุ่มสาวอย่างพวกเจ้าเลยจริง ๆ มีความสุขก็ยังบ่นอีก? 

 มีความสุขอะไรกันล่ะ? นี่ข้าหงุดหงิดจริง ๆ หรอกนะ  อะซี่ก้มลงหยิบรองเท้าไปเก็บที่ชั้นวาง แล้วไปนั่งขัดสมาธิกับหยวนชิงหลิง รองเท้าคู่นั้นเป็นรองเท้าที่สวีอีออกไปทำงานนอกสถานที่พร้อมกับฮ่องเต้ซื้อกลับมาฝาก พูดแข็งขันเลยทีเดียวว่าที่นี่ไม่มี แต่ว่ากันตามจริง นางก็ไม่เคยเห็นรองเท้ารูปแบบนี้มาก่อนเลย สวีอีบอกว่าสิ่งนี้เรียกว่ารองเท้าส้นสูง

นางรักใคร่ทะนุถนอมมันมาก ๆ

แม่นมสี่พูดว่า  ยังจะหงุดหงิดอีก เจ้านี่ปากเสียจริงเชียว พูดดี ๆ ถึงสวีอีบ้างไม่ได้หรืออย่างไรกัน? ชมเขาสักหน่อยจะเป็นไรไป? 

แม่นมสี่ ท่านอย่าไม่เชื่อล่ะ ผู้ชายน่ะ ไม่ควรพูดจาสรรเสริญเยินยอง่าย ๆ หรอก ฟังบ่อย ๆ เข้าก็จะเบื่อไม่อยากฟังแล้ว ไม่ได้ผลอะไรนักหรอก อะซี่หัวเราะอย่างกระมิดกระเมี้ยน

 ผายลมเถอะ  แม่นมสี่ดุด้วยรอยยิ้ม

 พูดจาหยาบคาย คนแก่ไม่รู้จักเคารพตนเอง ระวังเด็กจะไม่เคารพนะ  อะซี่หัวเราะร่า คิ้วยกสูงชี้ชัน หลังจากท่านไปอาศัยอยู่ในจวนอ๋องซู่ ก็เริ่มจะคุ้นเคยกับพวกคนในยุทธภพมากขึ้น ไปเรียนรู้จากใครมาล่ะ? ปกติแล้วท่านฉู่ก็ไม่ใช่คนหยาบคายอะไรแบบนี้หรอกนะ

 เฮ้อ!  แม่นมสี่ถอนหายใจเฮือก   อย่างไรก็เป็นสถานที่แบบนั้น มีแต่คนแบบนั้น รายล้อมด้วยบรรยากาศแบบนั้น อยู่ไปนาน ๆ ก็เริ่มซึมซับมา ตอนนี้มีบางครั้งเขาก็หลุดสบถคำหยาบออกมาหลายคำแล้วล่ะ 

 จริงรึ?  อะซี่ประหลาดใจมาก ท่านฉู่รู้จักพูดคำหยาบด้วย?

หยวนชิงหลิงนึกถึงกลุ่มคนในจวนอ๋องซู่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยให้ความสำคัญกับคำพูดคำจา แต่ก็ให้ความสำคัญกับงานมาก แค่ดูแล้ว เหมือนว่าพวกเขาจะเป็นพวกทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยหิวโซมาหลายปีก็เท่านั้น

หลายปีมานี้ หยวนชิงหลิงติดต่อกับคนของจวนอ๋องซู่ค่อนข้างบ่อย ก็พอจะรู้เรื่องราวในอดีตของพวกเขาอยู่พอสมควร แต่พวกอะซี่ไม่ได้รู้ชัดเจนนัก จึงมักจะรู้สึกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ดูลึกลับ เป็นกลุ่มคนที่สร้างความสับสนงุนงงได้มาก

บรรดาผู้หญิงทั้งหลายพูดคุยหัวเราะ จู่ ๆ แม่นมสี่ก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า  ตอนนี้อู๋ซ่างหวงได้แต่ตั้งตารอให้องค์ชายรัชทายาทแต่งงานโดยเร็วที่สุด แต่งงานมีภรรยามีลูก แบบนั้นก็จะมีห้าชั่วอายุคนอยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ 

 ยังเร็วไปนะ  อะซี่เงยหน้าขึ้น เอียงหน้าไปมองหยวนชิงหลิง  พี่หยวน เจ้าว่าผู้หญิงแบบไหน ถึงจะคู่ควรกับซาลาเปาหรือ? 

หยวนชิงหลิงพูดว่า  ข้าไม่เคยคิดไว้หรอก จริง ๆ แล้วข้าไม่สามารถพูดได้ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ แค่สองฝ่ายชอบกัน ก็นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดแล้วล่ะ 

 จริงรึนั่น? ท่านยังไม่เคยคิดเลยอย่างนั้นรึ?  อะซี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย  เขาอายุตั้งเท่านี้แล้ว ท่านไม่เคยคิดเรื่องการแต่งงานของเขาเลยรึ? 

หยวนชิงหลิงหันไปมองเขา  เขาอายุเท่าไหร่กัน? ไม่ใช่ว่ายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่งหรอกรึ? 

อายุเลยสิบห้า ก็ไม่ใช่เด็กอีกแล้วเพคะ มีบางคนที่อายุเท่าเขา ก็กลายเป็นพ่อคนแล้วเหมือนกัน

หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้มว่า  พวกเราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เขาจะรอจนอายุประมาณยี่สิบห้า ถึงจะพิจารณาเรื่องแต่งงาน 

แม่นมสี่เบิกตากว้าง พูดด้วยท่าทีผิดหวังว่า  ยี่สิบห้าเชียวหรือ?สวรรค์ เช่นนั้นอู๋ซ่างหวงต้องพยายามยื้อลมหายใจไว้ให้นานที่สุดแล้ว 

  อายุยี่สิบห้าก็ใช้ได้อยู่นะ ตอนที่เจ้าห้าแต่งงานก็ไม่ใช่ว่ารอจนอายุยี่สิบสอง แล้วถึงค่อยแต่งหรอกรึ?  หยวนชิงหลิงถาม

  ใช่เสียที่ไหนกันล่ะเพคะ อายุได้ยี่สิบเอ็ดก็แต่งแล้ว อย่างเขายังนับว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำ ว่ากันตามธรรมเนียมปฏิบัติ อายุครบสิบแปดก็ต้องแต่งงานแล้ว 

หยวนชิงหลิงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ตอนนี้เองว่า ในตอนที่ตัวเองข้ามเวลามา อันที่จริงเจ้าห้ากับหยวนชิงหลิงเจ้าของร่างเดิมแต่งงานกันมาได้หนึ่งปีแล้ว

 

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ " บทที่ 1635 ฝ่าบาทเสียสติไปแล้วหรือ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์