บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1640 ปรึกษาหารือกันสักหน่อย
หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเขาห่วงใยเจ้าเหนือสิ่งอื่นใด ถึงขั้นที่น่าจะมากกว่าเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ แล้วทำไมเจ้าถึงยังต้องเสี่ยงอีกล่ะ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าถ้าเขาต้องสูญเสียเจ้าไป สำหรับเขาแล้วมันหมายถึงอะไร? ข้าคิดว่าสำหรับเขา เด็กคนนี้ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
ทั้งคู่นับตั้งแต่แต่งงานกันมา ก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอด พวกเขาไม่ได้ต้องการลูกมาเพิ่มรสชาติหวานชื่นให้ชีวิต
ถ้าหากร่างกายทนรับได้ นั่นก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่มาตอนนี้ถึงค่อยท้อง แล้วก็มีคราบเลือดด้วย คาดว่าน่าจะมีโรคอื่นแทรกซ้อนเข้ามาด้วย แต่นางไม่พูด
เรื่องนี้มันเสี่ยงเกินไปจริง ๆ
ฮูหยินเหยายื่นมือออกมา ลูบเบา ๆ ที่หน้าท้องด้วยใบหน้าที่สดใสของคนเป็นแม่ อันที่จริง ตอนที่รู้ว่าท้อง ข้าก็คิดว่าไม่ควรเก็บเขาไว้ ข้ารู้ดีว่าร่างกายของตัวเองไม่แน่ว่าจะทนความเจ็บปวดของการตั้งท้อง รวมถึงความลำบากตอนคลอดลูกได้ไหว แต่ตอนที่มีความคิดว่าจะกำจัดเด็กคนนี้ทิ้ง ข้ากลับรู้สึกทรมานใจมาก จู่ ๆ ก็เกิดความคิดว่าอยากมีลูกด้วยกันกับเขาสักคนเหลือเกิน ข้ารู้ว่ามันเป็นการเอาแต่ใจตัวเอง แต่ความปรารถนาอันแรงกล้านี้ มันผลักดันให้ข้าตัดสินใจอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ ข้าอยากเห็นเขาเป็นพ่อคนมากจริง ๆ
เขากลายเป็นพ่อคนแล้ว ที่ผ่านมาเขาถือว่าเมิ่งเยว่กับเมิ่งซิงเป็นลูกของเขามาโดยตลอด หยวนชิงหลิงพูด
ข้ารู้ เขาได้ทำในสิ่งที่คนเป็นพ่อควรทำ ถึงขั้นที่ว่า ทำอะไรให้มากมายหลายอย่างด้วย แล้วก็เพราะเหตุผลนี้เอง ที่ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกผิดมากขึ้น ถ้าเขาแต่งงานกับผู้หญิงอื่น เขาก็สามารถมีลูกของตัวเองได้ เป็นเพราะเขาแต่งงานกับข้า เขาเลยมีลูกของตัวเองไม่ได้ เขาอยากมีลูกของตัวเองมาโดยตลอด เจ้ารู้หรือไม่?
บางทีเขาอาจจะอยากมีลูกเป็นของตัวเองสักคนจริง ๆ แต่นั่นเป็นแค่การเพิ่มความสุขบนกองความสุขก็เท่านั้น เจ้าไม่กล้าแม้แต่จะบอกเขาว่าการที่เจ้าอุ้มท้องเด็กคนนี้ เป็นเรื่องที่อันตรายแค่ไหน มันยืนยันได้ว่าเจ้าเองก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าเจ้ามีความเสี่ยงเช่นกัน
สีหน้าของฮูหยินเหยาสับสน ข้ารู้… ข้าก็แค่ แค่ไม่อยากตัดใจง่าย ๆ
นางหัวเราะอย่างขมขื่น จริง ๆ แล้ว ตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ ข้าไม่อยากคลอดจริง ๆ นะ ตัวเขาเองก็บอกว่าเขาไม่อยาก เขาบอกว่ามีแค่เมิ่งเยว่กับเมิ่งซิงก็เพียงพอแล้ว แต่ลูกสาวสองคนนี้ล้วนไม่สามารถใช้แซ่ของเขาได้ ถ้าไม่ท้องขึ้นมา เขากับข้าก็อาจจะไม่มีอะไรให้รู้สึกเสียดาย แต่นี่มันเป็นเหมือนชะตากรรมที่น่าตกตะลึง จนตอนที่ข้าใกล้จะหมดประจำเดือนอยู่แล้ว กลับตั้งท้องขึ้นมา ตอนที่เมิ่งเยว่บอก ข้ายังแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ
หยวนชิงหลิงรับรู้ได้ถึงความปรารถนาอันแรงกล้าของนาง แต่นางก็ไม่อยากให้ฮูหยินเหยาเสี่ยง สังเกตได้จากยาที่ปรากฏในกล่องยาที่ชั้นหนึ่งกับชั้นสอง ก็รู้ได้ว่าท้องนี้ของนาง เป็นการเอาชีวิตออกมาวางเดิมพันแล้วจริงๆ
การบำรุงครรภ์ สำหรับผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งมีอายุเกือบจะแตะหลักห้าสิบแล้ว หมายถึงความลำบากยากเข็ญนานนับสิบเดือน และถ้าหากโชคดี ก็จะเป็นเพียงความลำบากสิบเดือน แล้วก็เป็นไปได้ว่าต่อให้บำรุงไปจนถึงที่สุด ทุกอย่างก็อาจสูญเปล่าได้อีกด้วย
เด็กคนนี้ มาช้าเกินไปจริง ๆ
อย่างไรเจ้าก็ควรปรึกษาเรื่องนี้กับฮุ่ยเทียนสักหน่อยจะดีกว่า ถ้าเขาไม่รู้อะไรเลย มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา พวกเจ้าสามีภรรยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ว่าเจ้าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหน
ฮูหยินเหยาตาแดงก่ำ ฝืนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ยอมให้ไหลออกมา ถ้าบอกเขาก็จะเหลือแค่ทางเดียวเท่านั้น เขาไม่มีทางเห็นด้วยที่จะให้เก็บเด็กคนนี้ไว้ แต่เจ้ารู้ไหม? นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้าแล้ว ครั้งนี้ถ้าต้องตัดใจทิ้งไป ชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่มีอีกแล้ว
หยวนชิงหลิงเข้าใจ
ก่อนหน้านี้อาจไม่ได้ต้องการมากมายอะไร แต่พอท้องขึ้นมาจริง ๆ ทั้งรู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าสูญเสียไป ก็จะไม่มีอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกยิ่งไม่อยากตัดใจมากขึ้นไปอีก เจ้าเองก็คงจะไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่? ฮูหยินเหยาเช็ดขอบตา แล้วเอ่ยถาม
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ข้าไม่อาจพูดได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย นี่เป็นการตัดสินใจของพวกเจ้าสามีภรรยา ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการ ข้ามียาที่จะช่วยทำให้เจ้าเจ็บปวดน้อยลง แต่ถ้าพวกเจ้าตัดสินใจจะเก็บไว้ ข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยพวกเจ้า นี่คือทัศนคติของข้า
ฮูหยินเหยาหลั่งน้ำตาอาบแก้ม ขอบคุณ!
หยวนชิงหลิงจับมือของนาง ไปเถอะ ออกไปบอกฮุ่ยเทียน
ฮูหยินเหยาสูดลมหายใจเบา ๆ พยายามทำสายตาให้แน่วแน่ แต่ในหัวใจกลับรู้สึกเคว้งคว้างมาก ไม่อาจฝืนกลั้นน้ำตาไว้ได้
เมื่อไปถึงห้องโถงใหญ่ ฮุ่ยเทียนก็ตรงเข้ามาทันที ประคองจับมือของฮูหยินเหยา แต่สายตากลับมองไปที่หยวนชิงหลิงอย่างแฝงคำถาม
หยวนชิงหลิงพยักหน้า นางท้องแล้วจริง ๆ
ไม่มีความสุขในสายตาของฮุ่ยเทียน กลับกันคิ้วของเขายิ่งขมวดเป็นปมมากขึ้น
ในทางตรงข้ามหรงเยว่กลับปรบมือ พลางพูดอย่างมีความสุขว่า ดีจริง ท้องแล้วจริง ๆ ด้วย
หยวนหย่งอี้กับพระชายาซุนหันมองหน้ากัน พวกนางสองคนไม่ได้รู้สึกชอบอกชอบใจอะไรขนาดนั้น อันที่จริงพวกนางมาวันนี้ ในใจของทั้งสองคนต่างก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย
พวกนางต่างรู้ดี ว่าด้วยร่างกายและอายุของฮูหยินเหยาที่ล่วงมาจนถึงวัยนี้ การตั้งท้องเด็กคนนี้ขึ้นมา เป็นเรื่องที่ลำบากขนาดไหน
ถึงขั้นที่ว่า ตอนที่ฮูหยินเหยากับฮองเฮาเดินออกมาพร้อมกัน นัยน์ตาของฮองเฮาดูไม่มีความปิติยินดีเลย แม้แต่คนที่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก็ยังไม่มองในแง่ดี แล้วทุกคนจะมองในแง่ดีได้อย่างไรล่ะ?
หยวนชิงหลิงพูดกับพวกหรงเยว่ว่า พวกเราออกไปข้างนอกกันก่อนเถอะ ปล่อยให้ฮูหยินเหยากับฮุ่ยเทียนปรึกษากันสักครู่
หรงเยว่ตกใจ คุยอะไรที่พวกเราฟังไม่ได้อย่างนั้นรึ?
อื้ม ให้ดีที่สุดคืออย่าฟัง ระหว่างพวกเขาสามีภรรยา มีเรื่องที่ต้องพูดกัน หยวนชิงหลิงเดินไปดึงหรงเย่ว
หรงเยว่ฉลาดมีไหวพริบ แค่ฟังก็เข้าใจได้ทันที จึงหันขวับไปมองฮูหยินเหยาด้วยความประหลาดใจ เจ้าไม่ต้องการเด็กคนนี้หรือ? ทำไมล่ะ?
หรงเยว่ อย่าพูดเหลวไหล พวกเราออกไปก่อนเถอะ หยวนชิงหลิงคว้าข้อมือของนางแล้วเดินออกไปทันที
พระชายาซุนและหยวนหยงอี้เห็นดังนั้น ก็เดินตามออกไปด้วย
หรงเยว่ชะงักฝีเท้าไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยเดินตามหยวนชิงหลิงออกไป แต่ก็ยังเอาแต่ตื๊อถามหยวนชิงหลิงไม่หยุดว่า สภาพครรภ์ไม่ค่อยจะดีใช่หรือไม่?
เมื่อบรรดาพี่น้องสะใภ้มาถึงลานบ้าน หยวนชิงหลิงก็พูดขึ้นว่า ในวัยของนาง แน่นอนว่าร่างกายจะตกอยู่ในความเสี่ยงสูง ให้พวกเขาสามีภรรยาคุยกันก่อน ว่าพวกเขาต้องการลูกคนนี้หรือไม่
พระชายาซุนกับหยวนหย่งอี้ถอนหายใจเบา ๆ
หรงเยว่มองนางอย่างตกตะลึง ดังนั้น พวกเขาจะคุยกันว่าจะเก็บลูกคนนี้ไว้หรือไม่อย่างนั้นรึ?
หรงเยว่ มันเป็นเรื่องของพวกเขาสองคนสามีภรรยา ไม่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร พวกเราก็ควรจะสนับสนุนก็พอ หยวนหย่งอี้กล่าว
เพียงครู่เดียวหรงเยว่ก็เปลี่ยนเป็นโศกเศร้าแทน สนับสนุนสิ ข้าต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน ไม่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร ข้าก็จะสนับสนุนอย่างแน่นอน
นางนั่งลงบนม้านั่งหิน ใช้สองมือลูบ ๆ ที่หัวเข่า แล้วพูดอย่างสับสนว่า แต่เด็กคนนี้ ก็คงอยากจะมาที่โลกใบนี้ ได้มาเห็นได้มาสัมผัสสักครั้งเหมือนกันสินะ?
คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นแม่คนทั้งหมด แน่นอนว่าย่อมเข้าใจความรู้สึกทรมานใจของหรงเยว่ ทำไมพวกนางจะไม่รู้สึกทุกข์ทรมานใจล่ะ?
ในเรือน ฮูหยินเหยามองดูฮุ่ยเทียนที่เอาแต่กังวลใจ นางพูดขึ้นเบา ๆ ว่า เด็กคนนี้มีสถานการณ์บางอย่างไม่สู้ดี ข้ามีคราบเลือด แล้วก็ปวดท้องมาสองสามวันแล้ว ฮองเฮารู้สึกว่ายากต่อการดูแลทารกในครรภ์ ต้องการให้เราหารือกัน ว่าเด็กคนนี้คิดจะเก็บไว้หรือไม่
ฮุ่ยเทียนไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เขาจับมือนางไว้แน่น ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเก็บไว้เลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าร่างกายของเจ้า
แต่นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเราแล้ว ฮูหยินเหยารู้สึกสับสนในใจมาก ไม่อาจยอมตัดใจได้ ฝืนกลั้นน้ำตาแล้วพูดว่า นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ถามฮองเฮาว่าสถานการณ์อันตรายแค่ไหน นางไม่ได้ระบุแบบเฉพาะเจาะจง บางทีถ้าถามให้กระจ่าง ก็อาจยังพอมีความหวังก็ได้
ไม่ อะเหยา ฮุ่ยเทียนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ต่อให้นางไม่พูด พวกเราก็รู้อยู่แก่ใจ อายุของพวกเราไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว นับตั้งแต่ที่เมิ่งเยว่บอกว่าเจ้าท้อง ก็มีเสียงหนึ่งดังซ้ำไปซ้ำมาสะท้อนอยู่ในใจของข้า นั่นคือเด็กคนนี้พวกเราเก็บไว้ไม่ได้
อันที่จริง จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเรากังวลกันเกินไป เพราะที่จริงก็มีบางคนที่อายุจนห้าสิบแล้ว ก็ยังสามารถคลอดลูกได้
ใช่ มีคนคลอดได้ แต่คลอดยากขนาดไหนเจ้ารู้บ้างหรือไม่? ฮุ่ยเทียนยื่นมือเข้าไปโอบนางเข้ามาในอ้อมแขน อะเหยา ข้าไม่สนหรอกว่าเราจะมีลูกด้วยกันหรือไม่ มีเมิ่งเยว่กับเมิ่งถง แล้วก็มีเจ้า ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายแล้ว