บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1645 ความงามของทุกคน
ฮูหยินเหยากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตั้งครรภ์และได้รับการปกป้องไปแล้ว ทุกวันจะมีสะใภ้ร่วมตระกูลผลัดกันมาอยู่เป็นเพื่อน
ก่อนหน้านี้นั้นได้แบ่งงานกันอย่างละเอียดแล้ว ตกลงกันว่าจะมาวันละหนึ่งคน แต่ช่วงระยะแรกนั้น ทุกคนต่างก็ไม่แบ่งอะไร พอมีเวลาว่างก็มา ฉะนั้นเวลาส่วนใหญ่ เหล่าสะใภ้ร่วมตระกูลทั้งหลายต่างก็รวมตัวอยู่ด้วยกัน
สำนักเหลิ่งหลังมีแผนกสืบข่าวโดยเฉพาะ ใช้สำหรับรวบรวมข่าวต่างๆ แต่ว่า ตอนนี้หรงเยว่ได้ใช้งานแผนกนี้เป็นการส่วนตัว ให้พวกเขาช่วยสืบหาเรื่องชาวบ้านที่ค่อนข้างสนุก แล้วเอามาปรับแต่งแก้ไขบ้างเล็กน้อย เพื่อเป็นข้อมูลในการเล่าให้ฮูหยินเหยาฟัง
หยู่เหวินเห้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะว่าตอนนี้สำนักเหลิ่งหลังได้กลายเป็นส่วนราชการหนึ่งที่ทางราชสำนักควบคุมอยู่ จะให้หรงเยว่ใช้คนออกไปสืบเรื่องนินทาทั่วไปได้อย่างไร
ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากบ่นออกมานั้น หรงเยว่ก็ได้ใช้ตั๋วเงินที่มีจำนวนเงินไม่น้อยอุดปากเขาเอาไว้แล้ว
จุดอ่อนของพี่ชายสามีคนนี้ หรงเยว่นั้นเข้าใจดี อีกสิบเดือนข้างหน้า เงินเดือนของสำนักเหลิ่งหลัง นางจะเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเอง
แน่นอนว่า นางก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักแบ่งความสำคัญ เมื่อถึงเวลาควรจะทำงานหลวงก็ไปทำงานหลวง ใช้เวลาที่ว่างไปสืบหารวบรวมเรื่องนินทากาเลต่างๆ เชื่อว่าคงไม่ยากไปสำหรับคนของสำนักเหลิ่งหลัง
ช่วงเวลาที่ยากลำบากในการบำรุงรักษาครรภ์ของฮูหยินเหยา เริ่มต้นจากการฉีดยาและกินยา
ฮูหยินเหยาลำบาก หยวนชิงหลิงก็ยุ่ง เข้าออกวังทุกวัน กลับไปแล้วยังต้องคอยไปดูการวิจัยในห้องทดลองอีก แล้วก็เจียดเวลาอีกเล็กน้อยไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าห้า
เจ้าห้ากลัวนางจะลำบาก ส่วนมากจะไปช่วยนางที่ห้องทดลองหลังจากเสร็จงานของตัวเองแล้ว
ที่จริงหยวนชิงหลิงไม่ได้รู้สึกลำบากเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกเติมเต็มมาก
ก่อนที่จะทะลุมิติมา การวิจัยใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตนาง ตอนนั้นชีวิตนางมีสถานที่ต้องไปแค่สองแห่ง คือบ้าน และสถาบันวิจัย แต่ช่วงเวลาที่อยู่ในสถาบันวิจัยจะมากกว่าเวลาที่ได้อยู่บ้าน
ตอนนี้ ลูกๆต่างก็เติบโตแล้ว นางก็สามารถทุ่มเททั้งกายใจได้อีกครั้ง อีกทั้ง ยังสามารถช่วยคุณย่าดูแลรักษาคนไข้ได้อีกด้วย บางครั้งก็เป็นหมอสูตินรีเวช ช่างดีจริงๆ
เดิมทีเจ้าห้าไม่ได้รู้สึกสนใจกับการวิจัยของนางเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญที่สุดคือไม่รู้เรื่อง
แต่ว่าตอนนี้เขาเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว รู้หรือไม่รู้ ต่างคนต่างก็มีความเห็นไม่เหมือนกัน แต่เขาจะคอยถามหยวนชิงหลิงในห้องทดลองเสมอ ว่านี่คืออะไร ทำไมจึงต้องทำเช่นนี้
เมื่อก่อนเขาแค่ถามเป็นบางครั้ง หยวนชิงหลิงตอบแบบลวกๆก็ผ่านไปแล้ว แต่ตอนนี้จะตอบแบบลวกๆไม่ได้ ตอนที่ความสนใจของเขาพุ่งสูงขึ้นมา ต้องถามให้ถึงที่สุด
เขาถึงกับพูดยิ้มๆกับหยวนชิงหลิงว่า เป็นเช่นนี้นานไป เขาก็สามารถเป็นผู้ช่วยของหยวนชิงหลิงได้
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า เป็นผู้ช่วยข้าหรือ เมื่อก่อนคนที่เป็นผู้ช่วยข้าล้วนเป็นนักศึกษาด้านการวิจัยทั้งนั้น
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างภูมิใจว่า เรื่องนักศึกษาวิจัย ตัวข้าคงไม่ด้อยไปกว่าผู้อื่น อย่างน้อยข้าก็มีลูกตั้งหกคน และแต่ละคนก็มีสติปัญญาล้ำเลิศกว่าใคร
หยวนชิงหลิงมึนงง นักศึกษาวิจัยที่ข้าพูดถึงคือ……
เขากอดท้ายทอยของนางเอาไว้ หอมแรงๆหนึ่งที ล้อเล่น เข้าใจหรือไม่
หยวนชิงหลิงรู้สึกตื่นตะลึงมาก สามารถใช้เรื่องนักศึกษาวิจัยมาพูดเป็นเรื่องขำขันได้นี่ไม่ธรรมดาเลย
มู่หรูกงกงรู้สึกเบื่อมาก
เมื่อก่อนรับใช้ฮ่องเต้กับฮองเฮา บทสนทนาของพวกเขา ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับลูกๆ เขาสามารถพูดแทรกได้บ้างเป็นครั้งคราว แต่ตอนนี้ฟังก็ฟังไม่เข้าใจ ปวดหัวเสียจริงเชียว
แต่ว่า ดีที่หลังจากพวกเขาทำงานกันเสร็จแล้ว จะไปเดินเล่นที่อุทยานอวี้ฮัวรอบหนึ่ง บ่นเรื่องลูกๆ ตอนนี้เขาสามารถใช้การได้แล้ว สามารถถามเรื่ององค์หญิงได้บ้าง
เขาคิดถึงองค์หญิง คิดถึงฟีนิกซ์น้อย
ไม่รู้ว่าองค์หญิงจะกลับมาเมื่อไหร่
ผ่านไปหลายวัน องค์หญิงไม่กลับมา แต่ว่าหมันเอ๋อกับพระชายาอันกลับมาถึงเมืองหลวงในวันเดียวกัน
ทั้งสองไม่ได้คำนวณเวลาเดินทางไว้ล่วงหน้า แค่บังเอิญกลับมาถึงในวันเดียวกันเท่านั้น อีกอย่าง ยังห่างกันแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
หรงเยว่รีบเข้าวังทันที รับตัวหยวนชิงหลิงออกไป บอกว่าพวกนางกลับมาถึงแล้ว
หยวนชิงหลิงถูกนางลากตัวเดินออกไป ที่จริงเจ้าไม่มาเรียกข้า วันนี้ข้าก็จะออกไปฉีดยาอยู่ดี หรงเยว่ เจ้าช้าหน่อย อย่าลากซิ นี่เป็นชุดใหม่ของข้านะ
ข้าจะตัดให้ท่านอีกหลายชุดเลย ท่านเร็วหน่อย ที่สำคัญคือข้าไม่มีอะไรจะพูดกับพระชายาอันกับหมันเอ๋อมากนัก รู้สึกเขินเล็กน้อย พี่สะใภ้รองกับหยวนหย่งอี้บอกว่าจะมาช้าหน่อย ท่านเร็วเข้าเถอะ
จิ้งเหอเล่า
จิ้งเหอเป็นคนไม่ชอบพูดจา เป็นคนซื่อที่แทบจะไม่พูดเลย คงคุยกันไม่ได้ นางเคยให้สัญญากับเจ้าหกเอาไว้ วันหน้าจะพูดให้ไพเราะขึ้นบ้าง
เจ้ายังรู้สึกเขินเป็นด้วยหรือ ข้าคิดว่าเจ้าสามารถคุยกับตัวเองได้เป็นครึ่งวันเสียอีก หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
ข้าย่อมสามารถคุยกับตัวเองได้อยู่แล้ว แต่กับพวกนางไม่ไหว พระชายาอันก็พูดเป็นแต่คำพูดที่เป็นห่วงมีน้ำใจ หมันเอ๋อนั้นซื่อบื้อมาก ฮูหยินเหยาก็ไร้เรี่ยวแรง
ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถม้า ตรงไปยังจวนของฮูหยินเหยา
นางได้ให้คนไปส่งพระชายาอันและหมันเอ๋อไปที่นั่นแล้ว ให้พวกนางคุยกันไปก่อน จากนั้นนางก็ออกมาหาคน
พอไปถึงจวน ก็เห็นพวกนางที่เป็นสะใภ้ร่วมตระกูลนั่งอยู่ด้วยกันในห้อง ก็ไม่มีท่าทีว่าจะพูดจากันมากนัก บรรยากาศเก้อเขินอยู่บ้างจริงๆ
เห็นหรงเยว่กับหยวนชิงหลิงมา ทุกคนแทบจะผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง พูดพร้อมกันว่า ในที่สุดพวกเจ้าก็มา
หมันเอ๋อเดินเข้าไปข้างหน้าอย่างยินดี ย่อตัวคำนับต่อหยวนชิงหลิง คำนับฮองเฮาเพคะ
เอาล่ะ คนกันเองทั้งนั้น จะมากพิธีทำไม หยวนชิงหลิงดึงมือของหมันเอ๋อเอาไว้ มองนางอย่างวิเคราะห์ด้วยรอยยิ้ม ผิวของหมันเอ๋อคล้ำลงไปมาก สวมชุดง่ายๆ หางตามีริ้วรอยเล็กๆผุดขึ้นมาแล้ว แต่รอยยิ้มยังคงน่ารักเหมือนเดิม
ฮองเฮา พระชายาอันก็เดินไปข้างหน้า ยิ้มพร้อมย่อตัวลง
พระชายาอัน เดินทางมาคงลำบากมาก หยวนชิงหลิงคำนับกลับคืน พูดยิ้มๆว่า เจ้ากลับมาคนเดียวหรือ อานจือไม่ได้กลับมากับเจ้าหรือ
พระชายาอันพูดยิ้มๆว่า ไม่ได้พานางมาด้วย ไม่เช่นนั้นตลอดการเดินทางคงไม่ได้พัก อยู่ชายแดนจนชินแล้ว พาออกมาด้วยไม่ได้แล้ว
หยวนชิงหลิงมองรอยยิ้มยินดีของพระชายาอัน ต้องชื่นชมว่า คนงามอย่างไรก็เป็นคนงาม อยู่ที่เมืองเจียงเป่ยซึ่งเป็นสถานที่แห้งแล้งเช่นนั้น แต่นางกลับดูแลตัวเองได้ดูสดชื่นมาก
เดิมทีจิ้งเหอกับนางก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่หลายปีมานี้จิ้งเหอเลี้ยงเด็กๆเยอะมาก แต่ยังคงรับเลี้ยงต่อเนื่องอีกไม่น้อย ตอนนี้จวนอ๋องเว่ยมีเด็กอยู่ประมาณสามสิบกว่าคนแล้ว นางลำบากมากจริงๆ ฉะนั้น ผมข้างหูของนางย้อมไปด้วยสีขาวแล้วเล็กน้อย แต่ดีที่หัวใจเต็มอิ่ม ความสง่างามไม่ได้ลดลงไปเลย
บางคน แก่แล้วก็ยังคงงดงามเช่นเดิม
จิ้งเหอก็คือคนเช่นนั้น
แล้วมองไปทางฮูหยินเหยา ช่างเถอะ ฮูหยินเหยาไม่จำเป็นต้องพูด หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องบำรุงรักษาครรภ์เอาไว้ สภาพใช่ว่าจะดีนัก
ทุกคนนั่งลงพูดคุยกันชั่วครู่ บรรยากาศแรกเริ่มนั้นนับว่าดีมาก แต่พอพูดไปสักพัก ความสนิทสนมกลับมาหมดแล้ว บรรยากาศค่อนข้างร้อนแรงทีเดียว
หยวนหย่งอี้กับพระชายาซุนมาถึงช้ากว่า พระชายาซุนเดินเข้าประตูมาก็บอกว่าจะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มสามแก้ว หัวเราะอย่างเบิกบานใจ
พระชายาซุนในสองปีมานี้เพิ่งจะเข้าสู่คำพูดที่ว่าแต่งงานออกเรือนเชื่อฟังสามีอย่างแท้จริง อ้วนขึ้นแล้ว ดูอวบอิ่มไปทั้งตัว ใบหน้าใหญ่กว่าเดิมถึงหนึ่งในสาม ดีที่แต่งตัวดี เพียงแค่มีความอวบอิ่มอย่างผู้สูงศักดิ์ ไม่ถึงกับบวมเบ่ง
ส่วนหยวนหย่งอี้ ราวกับเวลาไม่ได้เดินผ่านตัวนางเลย สาวน้อยหน้ากลม สภาพผิวยังคงดีมาก และการเป็นคนฝึกวิทยายุทธอาจมีการต้านความแก่ได้ดีกว่า มองนางจากที่ไกลๆ ก็ยังคงราวกับอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น
ในใจของหยวนชิงหลิงกำลังมองการเปลี่ยนแปลงของพวกนาง ย่อมมองหรงเยว่ด้วยครู่หนึ่ง
เพราะว่าอยู่กับหรงเยว่เป็นประจำ ฉะนั้นจึงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของหรงเยว่
ดูจากความงามแล้ว หรงเยว่นับว่าสวยที่สุดในบรรดาสะใภ้ร่วมตระกูลทั้งหมด สวยอย่างหยาดหยด สวยอย่างเอาแต่ใจ บวกกับการกินอยู่ที่ดี นางกลับดูสวยกว่าตอนก่อนที่จะแต่งงานกับเจ้าหกเสียอีก งามละเอียดลออมากขึ้น โดยเฉพาะความเอาแต่ใจในแววตาหายไปบ้างแล้ว ยิ่งน่ามอง
ฮองเฮา ทำไมท่านจึงดูสวยกว่าแต่ก่อนนะ ระหว่างที่สติไม่อยู่กับตัว ได้ยินหมันเอ๋อถามขึ้นอย่างตกตะลึง
ทุกคนต่างก็มองไปทางหยวนชิงหลิง จริงด้วย ผิวเนียนละเอียด ราวกับสวยงามกว่าก่อนหน้านี้ อีกอย่าง ไม่รู้สึกแก่เลยสักนิด เหมือนกับตอนอายุยี่สิบ แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างเลย