บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1656 พบกันรู้จักกัน
คนในจวนอ๋องซ่า ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมาก
เวลาผ่านไปรวดเร็วมาก ทุกสิ่งที่ประสบพบเจอในหลายปีมานี้ รวมไปถึงการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยกับอ๋องชินเฟิงอันในแคว้นอื่นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วรากเหง้าก็อยู่ที่เป่ยถัง อยู่ที่จวนอ๋องซู่ อยู่ที่หอจัยซิง
คนที่หัวใจไม่อาจจะลืมเลือนได้ ก็เป็นคนในจวนเหล่านี้
องค์รัชทายาทนับว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพวกเขาแน่นแฟ้นนัก มีเพียงอ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋กับอ๋องชางที่สนใจ
แต่ว่าฮ่องเต้ฮุยจงและฮองเฮาเหยียนซูหลิ่ว หัวใจของพวกเขานั้นคิดถึงจริงๆ โดยเฉพาะคนหลังจะคิดถึงมากเป็นพิเศษ
เช้าวันรุ่งขึ้น ในจวนเริ่มทำความสะอาดอย่างรู้สำนึก เก็บข้าวของให้เรียบร้อย ราวกับจะต้อนรับแขกที่มีเกียรติสูงส่งที่สุด
อาการของแม่นมชิวดีขึ้นแล้ว ได้ชวนท่านน้าอีกสองคน ไปเลือกซื้อเนื้อที่ตลาดมาเก็บไว้ในคลังน้ำแข็งก่อนด้วยตนเอง
แม่นมชิวบอกว่า แม่หญิงเหยียนกลับมาแล้ว ต้องห่อเกี๊ยว เกี๊ยวที่นางห่อนั้นอร่อยที่สุด
เมื่อถึงช่วงเวลาเที่ยง สองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันได้พาองครักษ์สามคนกลับมาถึงจวน ที่ตามมาด้วยยังมีเสือและหมาป่าหิมะ
สีหน้าของอ๋องชินเฟิงอันหนักอึ้ง กลับมาถึงจวนแล้วก็ตรงไปยังหอจัยซิง
ไม่ต้องคิดมากแล้ว คนก็กลับมาถึงแล้ว ชายาเฟิงอันกล่อมเขา
อืม อ๋องชินเฟิงอันเงยหน้าขึ้น มองทุกสิ่งที่อยู่ในหอจัยซิง ทุกสิ่งที่มีอยู่ราวกับไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ต้นไม้ใหญ่ที่เคยมัดตัวองครักษ์เงาดำมาก่อนยังคงผลิใบแน่นหนา พวกเขาได้ใช้ชีวิตช่างที่ยากจนที่สุดกันที่นี่ ตอนนั้นมีปัญหามากมาย แต่ก็เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด
โล่หมัน บางครั้งคนเรามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง ก็เพราะในใจมีความคิดคำนึง แต่การจะให้ความคิดคำนึงนี้สมหวัง อาจไม่ใช่ผลดีที่สุด
ข้าเข้าใจ แต่พวกเขาก็ต้องกลับสู่จุดกำเนิด ชายาเฟิงอันพูด
พี่เหว่ย พี่สะใภ้ พวกท่านกลับมาแล้วหรือ อ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋เดินเข้ามาหาอย่างดีใจ เขามองไปทางโล่หมัน ใบหน้ามีแววตื่นเต้น
พวกเขาบอกว่าท่านพ่อกับท่านอาสามจะกลับมา
ชายาเฟิงอันมองหยู่เหวินจี๋อย่างอ่อนโยน ใช่ พวกเขาจะกลับมา คาดว่าถ้ามาไม่ถึงในช่วงค่ำ ก็คงจะถึงพรุ่งนี้เช้า
จริงหรือ ตอนแรกนั้นหยู่เหวินจี๋นั้นไม่เชื่อคำพูดของพวกเขา แต่คำพูดของพี่สะใภ้เชื่อได้อย่างไม่ต้องสงสัย อารมณ์ตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นความเศร้าโศกขึ้นมา ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาแล้ว ยังมีแม่หญิงเหยียน ข้าคิดถึงพวกเขามากจริงๆ
อ๋องผิงหนานได้สติในบางครั้ง เลอะเลือนในบางครั้ง และเหมือนกับเด็กน้อยในวันวานเป็นบางครั้ง แต่ว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็คิดถึงพ่อมาก
ชายาเฟิงอันรู้ว่าเขาเฝ้ารอที่จะได้พบหน้ามาตลอด
จี๋เอ๋อ ดีใจหรือไม่ ชายาเฟิงอันถามเขา
ดีใจ ดีใจมาก ข้าคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว หยู่เหวินจี๋ดวงตาแดงก่ำ กลั้นน้ำตาเอาไว้
ชายาเฟิงอันมองเขา ยิ้มบางๆ กลับก็กลับ อย่างน้อย ทุกคนต่างก็ดีใจ
ในห้องครัวมีเสียงของการสับเนื้อดังออกมา พวกหญิงชราต่างก็คุยถึงเรื่องเก่าๆอย่างออกรส แสงแดดสาดส่องเข้ามายังลานบ้านของหอจัยซิง มีเงากระดำกระด่างตกกระทบอยู่ใต้ชายคา
องครักษ์เงาดำนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เหมือนกับก่อนหน้านี้ตอนอยู่หอจัยซิงและทำการเฝ้าเวร บนต้นไม้เย็นสบาย และสามารถมองออกไปได้ในระยะไกล เป็นตำแหน่งที่เหมาะสำหรับการเฝ้ายามและลาดตระเวนในช่วงกลางคืน
เหล่าทหารในหอจัยซิง ต่างก็กลับมายืนประจำตำแหน่ง มองไปทางประตูอย่างพร้อมเพรียงกัน รอเงาร่างที่ไม่เจอกันมานาน
ผู้อาวุโสทั้งสามแห่งเรือนทิงหยู่เซวียนก็พาฉางกงกงกับแม่นมสี่มาด้วย ทั่วทั้งหอจัยซิง มีผู้คนอยู่เต็มไปหมด แม้แต่ขอบบ่อน้ำก็มีคนนั่งอยู่
ซูฟู่ตายแล้ว องครักษ์เงาดำที่อยู่บนต้นไม้พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซูฟู่ ตระกูลซู บิดาของอดีตไทเฮา ปู่ของเสด็จแม่ของหยู่เหวินเห้าเสียนเฟย เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งในจวนอ๋องซู่และหอจัยซิง
ตอนที่ซูฟู่อยู่ที่หอจัยซิง เคยเป็นคู่รักคู่แค้นกับองครักษ์เงาดำมาก่อน ตอนนี้คนที่คิดถึงซูฟู่เป็นคนแรก กลับเป็นองครักษ์เงาดำ
ช่วงปลายปีที่แล้วใต้เท้าจางหกล้ม ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้น ได้ยินว่าคนในจวนได้เตรียมโลงศพเอาไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
อ๋องหยุนก็ตายแล้ว อ๋องชางในวันวานก็ไม่อยู่แล้ว ตอนที่องครักษ์ฟ้าผ่าพูดประโยคนี้ออกมา ก็มองไปทางอ๋องชางแวบหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงท่าน หมายถึงท่านพ่อของท่าน
อืม อ๋องชางเอามือไขว้หลังเอาไว้ พยักหน้า
ที่จริง บางทีสิ่งที่อาจจะทำให้ฮ่องเต้ฮุยจงเสียใจก็คือลูกชายทั้งหลายของเขา ตอนนี้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็มีแค่อู๋ซ่างหวงกับท่านอ๋องของพวกเรา องครักษ์ลับผีพูด
ชายาเฟิงอันไม่พูดอะไร แต่สีหน้าค่อนข้างหนักอึ้ง เมื่อก่อนตอนที่กลับไปพบฮ่องเต้ฮุยจง เขาเคยถามถึงคนเหล่านี้ นางยังบอกว่าสบายดี สุขภาพก็ไม่เลว ไม่กล้าแม้แต่จะบอกข่าวการตายของพวกเขาแม้แต่คนเดียว
ฉะนั้น ฮ่องเต้ฮุยจงคิดมาตลอดว่า คนเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่และสบายดี
เหมือนที่สวีอีพูดไว้ไม่ผิด ที่ชายาเฟิงอันไม่ใช้พวกเขากลับมา ก็เพราะว่าสหายเก่าแก่ของพวกเขาเหล่านั้น ต่างก็ไม่อยู่แล้ว
และก่อนหน้านี้ที่ไม่ให้พวกเขากลับมา เพราะว่าคนที่รู้จักพวกเขายังมีอีกมาก
คนคนหนึ่งที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว แม้จะฟื้นคืนชีพมาได้ ก็ไม่อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้มากมายนัก แต่ฮ่องเต้ที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพ เกรงว่าจะสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งใต้กล้า
ทุกคนต่างก็หวนรำลึกถึงสิ่งที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ รถม้าค่อยๆเดินทางมาถึงประตูใหญ่ของจวนอ๋องซู่ พวกทังหยวนไปขอตัวลาไปตั้งแต่หน้าปากซอย เพื่อกลับวังหลวง
บนรถม้ามีกันสี่คน ภายใต้การอารักขาของเหล่าองครักษ์ เข้าไปในจวน จากนั้นก็มีพวกเขาคอยนำทาง ตรงไปยังหอจัยซิง
พอเข้าประตูไป คนมากมายต่างก็ดวงตาแดงก่ำ
เดิมคิดว่าคงจะตื่นเต้นหรือไม่ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งคงได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจ แต่ว่า กลับเงียบสนิท
แม่นมชิวกับท่านน้าอีกสองคนรวมไปถึงพระชายาอ๋องชางได้ร้องไห้ออกมาก่อน เดินเข้าไปกอดฮองเฮาของฮ่องเต้ฮุยจงเหยียนซูหลิ่ว หญิงชราทั้งหลายต่างก็ร้องไห้ระงม ระหว่างที่ร้องไห้ ก็ต่างมองใบหน้าของกันและกัน ในใจต่างก็มีความรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมท่านจึงได้แก่เช่นนี้ ท่านน้าหยุนมองเหยียนซูหลิ่ว น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
เหยียนซูหลิ่วก็ร้องไห้ มองพวกนาง พวกนางก็แก่แล้วเหมือนกัน จนแทบจะไม่สามารถแยกแยะออกถึงใบหน้าในวันวานแล้ว
ท่านพ่อ ท่านอาสาม อ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋เดินเข้าไปข้างหน้า น้ำตาไหลนองเต็มหน้า ความรักระหว่างพ่อลูก เดิมคิดว่าหลายสิบปีก่อนก็จบสิ้นลงแล้ว คิดไม่ถึงว่าในวาระสุดท้ายของชีวิตนี้จะได้เห็นพบกันอีกครั้ง
จี๋เอ๋อ องค์รัชทายาทแทบจะดูไม่ออก น้ำตาไหลรื้นออกมา นี่ไหนเลยจะเป็นลูกชายที่อยู่ในความทรงจำของเขา แก่ปูนนี้แล้ว
อู๋ซ่างหวงก็เดินเข้าไป ประสานมือคำนับฮ่องเต้ฮุยจง ฮ่องเต้ฮุยจงผลักเขาออกเบาๆ เพราะว่าเคยพบกับเขาในยุคปัจจุบันถึงสองครั้งแล้ว ไม่สนใจ ดวงตาของเขามองไปยังใบหน้าของทุกคนรอบหนึ่ง อย่าขวางทาง ข้าจะหาเพื่อนเก่า เอ๋ ไม่ได้เรียกซูฉ่างมาหรือ แล้วเจ้าซูฟู่เล่า ใต้เท้าจางก็ไม่มา ล้วนเป็นคนสนิท สามารถเชิญพวกเขามาได้ พวกฝูเอ๋อร์กับไป๋เอ๋อร์เล่า
ทุกคนต่างก็นิ่งเงียบ
ฮ่องเต้ฮุยจงรับรู้ถึงบางอย่างได้ในทันที
ริมฝีปากของเขาสั่นระริก มองไปที่อ๋องชินเฟิงอัน
อ๋องชินเฟิงอันกำลังจะพูด เขาก็รีบยกมือขึ้นทำท่ากดลงไป ไม่ต้องพูด อย่าเพิ่งพูด
คนที่กลับมาจากยุคปัจจุบัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดขึ้นมาทันที
ผ่านไปเป็นเวลานาน ฮ่องเต้ฮุยจงก็พึมพำขึ้นว่า ไหนบอกว่าต่างก็มีชีวิตสุขสบายดี ทำไมจึงเป็นเช่นนี้
ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของวันที่สาดส่องสวยงาม ซ้อนกันเป็นผืนราวกับผ้าไหม แสงสีแดงสาดส่องจนทำให้ดวงตาของทุกคนแดงก่ำ จวนอ๋องซู่อายุร้อยปี กำแพงด้านนอกมีร่องรอยกระดำกระด่าง ด้านล่างกำแพงมีตะไคร่สีเขียวเกาะเต็มไปหมด ต้นไม้เล็กๆที่เคยปลูกในวันวาน ตอนนี้เติบโตขึ้นทั้งสูงและใหญ่
แสงอาทิตย์นั้นเคยสาดส่องอยู่บนใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของกลุ่มคนที่อยู่ในหอจัยซิง ตอนนี้กลับสาดสองอยู่บนใบหน้าของคนแก่กลุ่มหนึ่ง
เสียงของอ๋องชินเฟิงอันได้ดังขึ้นในความเงียบงัน ได้ยินว่าวันนี้ซื้อเนื้อมากเยอะมาก เช่นนั้นคืนนี้เรามาปิ้งย่างกันเถอะ
ปิ้งย่าง เป็นกิจกรรมที่หอจัยซิงเคยชื่นชอบมาก เป็นหนึ่งเดียวที่ชอบมากที่สุด
พบกันอีกใน3-4วันข้างหน้าเน้อ