บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1660 ความสมัครใจของเด็กๆ
เซเว่นอัพบอกว่าอยากจะถ่ายทำเรื่องของครอบครัวเรา หลังจากหยวนชิงหลิงหายจากอาการนิ่งอึ้ง ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ใช่แล้ว เขาบอกว่า เขามีแม่ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง และมีพ่อที่มีความรับผิดชอบมาก พี่น้องต่างก็สามัคคีกัน ครอบครัวของเขาผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมาย เขาอยากจะถ่ายทำออกมา
ชายาเฟิงอันยังคงรู้สึกดีใจมาก เพราะเซเว่นอัพบอกว่า ถ้าหากถ่ายทำละก็ แน่นอนว่าคงจะถ่ายทำไปถึงช่วงเวลานั้นของพวกเขาด้วย ทั้งเป่ยถัง ตั้งแต่เริ่มต้น ตนถึงตอนนี้ และมองไปสู่อนาคต
หยวนชิงหลิงนึกภาพไปถึงการเห็นเรื่องราวของพวกเขาผ่านโทรทัศน์หรือไม่ก็ในภาพยนตร์ จะรู้สึกน่าอัศจรรย์แค่ไหน
โดยเฉพาะ นี่ยังเป็นการกำกับของเซเว่นอัพ
เป็นอย่างไร ดีใจหรือไม่ ชายาเฟิงอันถามนางยิ้มๆ
หยวนชิงหลิงพยักหน้า ดีใจ ต้องดีใจแน่นอน ข้าค่อนข้างเป็นห่วงมาตลอดก็คือพวกเขาสองคน ที่จริงตอนเด็กๆพวกเขาก็เคยพูดถึงความคิดของตนเอง พูดตั้งหลายอย่าง ขับรถสาธารณะบ้างล่ะ เป็นพ่อครัวบ้างล่ะ ขายชานมบ้างล่ะ ไปทำงานที่ร้ายไอศกรีมบ้างล่ะ ไปขายลูกโลกเป็นต้น เยอะแยะมากมาย ไม่เคยเหมือนกันเลย
ตอนนี้ คนที่คิดอยากจะขับรถสาธารณะ ก็อยากจะไปขับเครื่องบิน
คนที่อยากจะขายลูกโลก ก็อยากจะบินออกไปนอกโลก
ถ้าหากเจ้าเห็นด้วย เช่นนั้นข้ากับเด็กๆจะกลับไปทำเรื่องให้เรียบร้อย เด็กๆยังไม่บรรลุนิติภาวะ อสังหาริมทรัพย์สามารถโอนให้พวกเขาได้ แต่อำนาจหุ้นส่วนอำนาจตราสารการเป็นหุ้นส่วนต่างๆ ทางที่ดีที่สุดควรโอนให้เจ้า จากนั้นเจ้าก็หาคนช่วยดูแล
หยวนชิงหลิงมีบัตรประจำตัวของที่นั่น ลู่หยางเป็นคนทำให้นาง
หยวนชิงหลิงมองไปทางพระชายา ที่จริงก็สามารถโอนให้พวกท่านได้ เพราะว่าพวกท่านก็กลับไปบ่อยๆ
พระชายาพูดอย่างอวดดีว่า ขออภัยด้วย เงินแค่นั้นไม่อยู่ในสายตาข้า
หยวนชิงหลิงหลุดขำ คนเหล่านี้พูดจาโอ้อวดใหญ่โตกัน ช่างเต็มไปความรู้สึกไม่เข้ากันจริงๆ
โดยเฉพาะ นางอยู่ที่นี่นั้นค่อนข้างจะยากจนทีเดียว
แต่ว่า นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้เป่ยถังร่ำรวยขึ้นแล้ว พวกเขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้นตามไปด้วย
หลังจากที่หยวนชิงหลิงหัวเราะเสร็จแล้ว ก็คิดอย่างจริงจังครู่หนึ่งและพูดว่า ข้าขอปรึกษากับเจ้าห้าก่อน จากนั้นจะคุยกับลูกๆดู ข้าเกรงว่าพวกเขาจะสนใจแค่ชั่วคราว เหมือนเมื่อก่อนตอนที่บอกว่าอยากจะขับรถสาธารณะ
ได้ เจ้าถามเถอะ แต่รีบให้คำตอบนะ เพราะว่าสมบัติของทางนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจัดการ เขาอยู่ที่นั่นไม่มีลูกไม่มีทายาท ได้แต่เก็บไว้ให้ลูกๆของเจ้าเหล่านี้ ส่วนคนอื่น อยากจะแบ่งให้ก็ทำไม่ได้ ไปไม่ถึงที่นั่น
นี่ก็จริง
หลังจากพระชายาจากไปแล้ว นางก็ไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อหาเจ้าห้า
เพราะว่าพวกลูกๆอยู่ที่ตำหนักเสี้ยวเยว่ นางคิดว่าเรื่องนี้อย่างไรเสียควรจะพูดกับเจ้าห้าเป็นการส่วนตัวก่อน จากนั้นสองสามีภรรยาค่อยไปคุยกับพวกเขาอีกที
เจ้าห้ามีเวลาพบนางแค่ช่วงเวลาหนึ่งแก้วน้ำชาเท่านั้น รวดกินหมั่นโถวไปสองลูก ดื่มชาแก้วหนึ่ง
ฟังหยวนชิงหลิงพูดจบแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง พวกเขาอยากจะไปทางนั้นหรือ แต่ก่อนหน้านี้เคยถามพวกเขาแล้ว บอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อนี่นา
ฉะนั้น พวกเราต้องคุยกับพวกเขาดีๆ บางทีอาจไม่ได้พูดความจริงกับพวกเรา ลูกๆมีความรู้สึกไว และกตัญญู รู้ว่าพวกเราอยากให้พวกเขาอยู่ที่นี่ ฉะนั้นจึงได้เออออตามคำพูดของพวกเรา
หยู่เหวินเห้าวางหมั่นโถวลง ขมวดคิ้ว ไปทางนั้นหรือ……
ลูกชายคนเล็กทั้งสองคน ย่อมไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะทั้งสองคนไปที่นั่น ห่างกันห้วงเวลาหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาไปทางนั้น ก็ลืมที่จะทดสอบดูสักหน่อย
ท่านมีความเห็นอย่างไร ถ้าหากอยากไปจริงๆ ท่านอนุญาตหรือไม่ หยวนชิงหลิงถาม
หยู่เหวินเห้าพูดว่า ข้าย่อมต้องไม่ยินดีแน่นอน ลูกของตัวเอง ย่อมต้องให้อยู่ข้างกายจึงจะดี แต่ว่า ลูกโตแล้ว ก็ต้องปล่อยมือ โดยเฉพาะพวกเขามีงานที่ตัวเองอยากจะทำ ข้าที่เป็นพ่อได้แต่สนับสนุน พูดอย่างอื่นไม่ได้
นี่จึงจะเป็นพ่อที่เข้าอกเข้าใจมีเหตุผล
แม้ว่าเขาอยากจะเป็นพ่อที่เอาแต่ใจ ก็แค่บอกไปว่าไม่ให้ไปไหนไกล ให้ใช้ชีวิตอยู่ในสายตาของข้าเท่านั้นก็พอ
หยวนชิงหลิงกุมมือของเขาเอาไว้ พูดปลอบใจว่า ที่จริง อยู่หัวเมืองก็ไกลมาก ถ้าหากจะคำนวณระยะทางล่ะก็ การกลับไปทางนั้นกลับมีระยะใกล้กว่าอยู่หัวเมืองเสียอีก พวกเราสามารถคิดว่าพวกเขาอยู่แถวทะเลสาบจิ้งก็ได้ ใช่หรือไม่
หยู่เหวินเห้าดื่มชา นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก็แค่ไม่วางใจอยู่บ้าง
ท่านเคยบอกว่า พวกเขามีความสามารถในการปกป้องตนเอง ไม่มีใครทำร้ายพวกเขาได้ หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าลังเลอยู่ชั่วครู่
ท่านกังวลเรื่องอื่นหรือ หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินเห้าเป่าน้ำชา จากนั้นก็ดื่มไปสองคำ มองนาง ถ้าหากพวกเขาจะไปทำเรื่องที่พวกเขาอยากทำ จะต้องไปเรียนอีกใช่หรือไม่
นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ต้องกลับไปโรงเรียน
ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้เป็นเวลาเริ่มต้นแห่งการรู้จักความรัก เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาจะไปชอบสาวน้อยคนหนึ่งเข้า จากนั้นรอให้สาวน้อยเติบโตแล้ว ก็ไปแต่งงานปักหลักมีครอบครัวทางนั้นเลย
คิดไปไกลขนาดนั้นเชียว หยวนชิงหลิงสะดุ้งตกใจ ลูกเพิ่งอายุสิบขวบ จินตนาการของเจ้าห้าช่างมากมายเสียจริง คิดไปถึงเรื่องแต่งงานมีลูกแล้ว
คิดเรื่องการมีความรักยังพอเป็นไปได้
หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไปแล้ว ที่จริงเซเว่นอัพกับเจ้าโค้กมีนิสัยค่อนข้างนิ่ง เขายื่นมือไปกอดภรรยาเอาไว้ ได้ คืนนี้พวกเรากลับไปคุยกับพวกเขาดู ถ้าหากพวกเขาอยากจะไปจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ไปเถอะ ที่จริงหัวเมืองก็นิ่งสงบลงแล้ว ให้ข้าวเหนียวกับทังหยวนแบ่งกันดูแลก็พอ อีกอย่างแม่ทัพใหญ่ฮู่ก็อยู่ทางชายแดนมิใช่หรือ วีรบุรุษอาวุโสคนนี้อย่างไรเสียก็ต้องให้ความสำคัญ
ใช่
เจ้าห้าเห็นด้วยแล้ว หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาบ้างแล้ว
นางรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่คนเป็นพ่อแม่ต้องเผชิญ ลูกๆย่อมมีสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยไป
เหมือนที่เจ้าห้าพูด พวกเขาไปไล่ตามความฝัน คนเป็นพ่อแม่ได้แต่สนับสนุนเท่านั้น
ตอนค่ำ สองสามีภรรยาได้เรียกลูกๆมาหา แม้จะเป็นการถามเรื่องของเจ้าแฝด แต่ว่า ที่จริงลูกๆก็มีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องราว
หยวนชิงหลิงถามพวกเขาสองคนอย่างอ่อนโยนว่า เซเว่นอัพเจ้าโค้ก ชายาเฟิงอันบอกกับข้า ที่จริงพวกเจ้าต่างก็มีสิ่งที่อยากจะไปทำ เซเว่นอัพอยากเป็นผู้กำกับ อยากเป็นนักบิน ส่วนเจ้าโค้กอยากวิจัยเกี่ยวกับอวกาศ เป็นเรื่องจริงหรือไม่
ทั้งสองแอบเหลือบไปมองท่านพ่อก่อนแวบหนึ่ง จากนั้นก็สบตากัน และไม่ได้พูดอะไร
เซเว่นอัพ เจ้าพูด หยวนชิงหลิงดึงมือของเขาเอาไว้ ข้าได้คุยกับพ่อเจ้าแล้ว ถ้าหากอยากจะทำจริงๆ พวกเราจะสนับสนุนเจ้า
ดวงตาของเซเว่นอัพมีประกายวาบผ่าน จริงหรือ
เป็นเรื่องจริงแน่นอน พ่อกับแม่เคยไม่รักษาคำพูดด้วยหรือ หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ
เซเว่นอัพพยักหน้าอย่างแรง อยาก ข้าอยากเป็นผู้กำกับ อยากจะถ่ายทำเรื่องของครอบครัวเราแล้วถ่ายทอดออกไป
หยู่เหวินเห้ายิ้ม ดีจริงๆเลย
เขายื่นมือไปลูบผมของเซเว่นอัพ ในใจรู้สึกปวดแปลบขึ้นมาเล็กน้อย เห้อ
เจ้าโค้ก เจ้าล่ะ หยวนชิงหลิงหันไปถามเขา
เจ้าโค้กยื่นมือไปกอดคอของแม่เอาไว้ ความคิดของข้า ไม่สำคัญเท่าท่านพ่อกับท่านแม่ ถ้าหากพวกท่านไม่อยากให้ข้าไป ข้าไม่ไปก็ได้ ที่จริงข้าก็ไม่ได้ชื่นชอบขนาดนั้น
จริงหรือ หยวนชิงหลิงถาม
จริง ท่านพ่อท่านแม่กับน้องสาวสำคัญกว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องอื่น ที่จริงข้าก็ไม่เคยคิดมาก่อน ก่อนหน้านี้ตอนที่กลับมาเยี่ยมเสด็จทวด พวกเขาเอาแต่จ้องมองดวงจันทร์ บอกว่าคนสามารถบินขึ้นไปได้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ พวกเขาบอกว่าอยากจะไปดู ว่ามีฉางเอ๋อจริงหรือไม่ ข้าก็แค่หวั่นไหวไปชั่วครู่เท่านั้น
หยู่เหวินเห้าดีใจมาก ยากมากที่เจ้าจะกตัญญูเช่นนี้ เสด็จทวดของเจ้ารู้เข้า ต้องดีใจมากแน่ๆ
เจ้าโค้กถอนหายใจ ท่านพ่อ ที่ข้ากังวลใจตอนนี้คือ ถ้าหากข้าทำได้แล้ว ถึงตอนนี้เสด็จทวดคงต้องรบเร้าข้า ให้ข้าพาเขาไปดวงจันทร์เพื่อดูฉางเอ๋อแน่
แน่นอน ทังหยวนหลุดหัวเราะออกมา ตอนนี้ท่านทวดเหมือนเด็กมากว่าพวกเขาเสียอีก ชื่นชอบของเล่นที่แปลกประหลาดมาก อีกอย่าง พวกเขาได้แต่ถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะสามารถพาพวกเขาไปกันอีกครั้ง พวกเขายังอยากจะนั่งเครื่องบินอีก