บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1676 มีคนกระโดดตึก
โพ่ตี้อวี้กลายเป็นกรรมการของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ เดิมทีเป็นการบริจาคเงิน แต่ครูใหญ่รู้สึกว่าเขามีคุณสมบัติซ่อนเร้นที่จะกลายเป็นผู้รับช่วงต่อได้ ดังนั้นจึงหิ้วแอปเปิลสองตะกร้าไปเยี่ยมเยียน โน้มน้าวให้เขาใช้ห้าสิบล้านนี้เข้าร่วมเป็นกรรมการของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่
ใครจะรู้ว่าหลังจากนี้ชะตาของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่จะเป็นอย่างไรกันล่ะ? ห้าสิบล้านนี้บริจาคให้โรงเรียนก่อสร้างอาคารเรียน เป็นเงินที่ใช้เฉพาะด้าน ใช้จ่ายกับอย่างอื่นไม่ได้ แต่โรงเรียนมีค่าใช้จ่ายเร่งด่วนอย่างอื่นอีกมากมาย
แต่ฐานะที่อัดฉีดเงินทุนเข้าร่วมเป็นกรรมการก็ไม่เหมือนกันแล้ว เงินโครงการก้อนนี้สามารถใช้นอกเหนือจากการก่อสร้างอาคารเรียนได้ ทำอย่างอื่นได้
อย่างเช่น รับสมัครคุณครูผู้สอนที่มีคุณภาพดีได้สองสามคน
แน่นอน ไม่สามารถพูดได้ว่าคุณครูที่มีตอนนี้ไม่มีคุณภาพ แต่ภายนอกยังมีที่มีคุณภาพมากกว่าอยู่นี่นา
ในขณะเดียวกันโพ่ตี้อวี้ก็เหมาโรงอาหารของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่แล้วด้วย เขาต้องการดูแลอาหารการกินขององค์ชาย
หลังจากที่คุณครูจางรู้เรื่องนี้ ก็ตกตะลึงเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้นักเรียนหยู่เหวินหวงบอกว่าพื้นเพครอบครัวของเขาไม่ได้ไม่ราบรื่นขนาดนั้น เห็นได้ว่าถ่อมตัวมากเพียงใดกัน
นี่เรียกว่าไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นที่ไหนกัน? จริงๆก็เป็นเศรษฐีแล้วรึเปล่า? เห็นได้ว่านักเรียนดีมีบางครั้งก็ใช้คำได้ไม่ระมัดระวัง
บุคคลที่ครอบครัวมีทรัพย์สมบัติห้าสิบล้านมีไม่มากนัก สามารถบริจาคเงินห้าสิบล้านได้ก็ยิ่งไม่มาก
ในขณะเดียวกันเขาก็มีความสุขมาก ที่ในครอบครัวของนักเรียนหยู่เหวินหวงยังให้ความสำคัญกับการศึกษา ไม่เช่นนั้นจะโยนเงินจำนวนมากขนาดนี้มาที่โรงเรียนมัธยมเช่นนี้ทำไม
โรงเรียนมีเงินจำนวนนี้แล้ว เพียงแค่มีคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นอันดับที่หนึ่งออกมา คาดว่าก็จะสามารถพลิกตัวได้อย่างสมบูรณ์
คุณครูจางดีใจมากเป็นโชคดีที่ตัวเองไม่ได้มอบจดหมายลาออกออกไป
และเขาก็สังเกตได้อย่างฉับพลัน แทบจะไม่มีคนเรียกเขาว่าจางเฮงซวยอีก ทุกคนล้วนเรียนเขาว่าคุณครูจาง แม้แต่ครูใหญ่ก็เรียกว่าอาจางด้วยความสนิทสนม ไม่ใช่แม้กระทั่งเสี่ยวจาง
ในโรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลง พวกนักเรียนไม่รู้ พวกเขารู้เพียงแค่โรงอาหารของโรงเรียนเปลี่ยนคนแล้ว อาหารดีกว่าก่อนหน้านี้มากมายมากมายนัก ค่าอาหารไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ทุกมื้อก็จะมีเนื้อและผักสามอย่างขึ้นไป และรูปแบบก็มากมายหลายอย่าง อาหารเช้าก็จำต้องมีนมอย่างหนึ่งไข่ต้มอย่างหนึ่ง
โรงเรียนมีคนที่เชี่ยวชาญในการสืบข่าวอยู่บ้าง ไม่ช้า ก็มีคนรู้ว่าเถ้าแก่ของโรงอาหารก็คือคุณปู่ของนักเรียนหยู่เหวินหวง อีกทั้ง เขายังเป็นกรรมการคนใหม่ของโรงเรียนอีกด้วย
เรียนได้คะแนนดี หน้าตาก็หล่อเหลา ที่บ้านก็มีเงินอีก นี่เป็นนักเรียนที่เป็นเทพเซียนอย่างไรกันนะ?
ทำให้คนอิจฉาริษยายิ่งนักนะ
ดูเหมือนนักเรียนหยู่เหวินหวงจะถูกผลักไปถึงยอดของทางลมพายุ แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม หอพักห้องเรียน โรงอาหาร
โพ่ตี้อวี้กำชับเป็นพันครั้ง ให้เขากลมกลืนไปกับเหล่านักเรียน เพราะว่าเด็กวัยรุ่นเหล่านี้พลังทำลายล้างทำให้คนตะลึงได้ ทำให้พวกเขาขุ่นเคือง แม้ว่าคุณปู่โพ่ตี้อวี้ของเธอจะอยู่ก็ไม่น่าว่าจะคุ้มครองได้
นักเรียนหยู่เหวินหวงให้อภัยเขา ที่สำคัญคือคุณปู่โพ่ตี้อวี้ก็ไม่ได้รู้ชัดแจ้งในความสามารถของเขาทั้งหมด
เข้าเรียนสามอาทิตย์ ในบ้านยังไม่รู้ว่าโพ่ตี้อวี้ได้เป็นกรรมการของโรงเรียนแล้ว
แต่เห็นว่าหลานชายกินจนตัวขาวอิ่มเอิบ ศาสตราจารย์หยวนและแม่ของหยวนชิงหลิงก็ดีใจเป็นพิเศษ
เอ่ยถามเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและเพื่อนนักเรียนขึ้นมา ของบอกว่าเข้ากันได้ดีเป็นที่สุด
เข้ากันได้ดีจริงๆ เข้ากันได้ดีจนไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ
ตีความเนื้อเพลงไร้คู่ต่อสู้คือความเหงาที่มากมายเพียงใดอย่างสมบูรณ์แบบ
ทั้งหมดนี้ เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในวันที่ยี่สิบสามเดือนเก้า
ขณะที่หยู่เหวินหวงไปที่ห้องสมุดบริการตนเองเพื่อยืมหนังสือมาเล่มหนึ่งเพื่อเรียนด้วยตัวเองในตอนเย็น เพิ่งกลับถึงหอพักและนั่งลง หลี่เจี้ยนฮุยวิ่งเข้ามา กล่าวด้วยใบหน้าตื่นตระหนกว่า เกิดเรื่องแล้ว เมื่อกี้ฉันพบกับตู้เหวินจื้อห้องหนึ่ง เขาขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกแล้ว
หลี่จื่อเยว่หัวเราะเยาะคำหนึ่ง ขึ้นไปบนดาดฟ้าก็ขึ้นไปบนดาดฟ้าสิ โกรกลมไม่ได้หรือไง? ก็ยังไม่ได้ตีกระดิ่งเข้านอนสักหน่อย
หลี่เจี้ยนฮุยพยายามโบกมือ ไม่ใช่น่ะสิ เขาชนฉันและไม่ได้ขอโทษ ฉันผลักเขานิดหน่อย เขากลับบอกว่าสู้กับฉันสิ แกตีฉันให้ตาย ฉันจะได้ไม่ต้องไปกระโดดตึกที่ดาดฟ้า
กระโดดตึก? เขาไม่กล้า เขาขี้ขลาดเหมือนหนู เหยี่ยโซ่ว นั่งยองๆกึ่งหนึ่งดื่มนมอยู่ที่หน้าประตู